23 กันยายน 2022 639

19 ตัวอย่างของวิธีการสร้างรายได้จาก Niche Website ในปี 2024

การสร้างรายได้จาก Niche Website ของตัวเอง อาจฟังดูยากเกินไป ยิ่งในปี 2022 ที่กลุ่มผู้ชมหายากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ใช่ว่าคุณจะหมดหวัง เพราะยังมีอีกหลายคนที่มีรายได้จาก Niche Website หรือบล็อกของตัวเองในปี 2022 นั้นเป็นที่มาของโพสต์นี้ เราจะมาสืบค้นวิธีที่คุณสามารถใช้สร้างรายได้จาก Niche Website ของคุณ และตัวอย่างนักเขียนบล็อกที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยน Niche Website ของตัวเอง ให้กลายเป็นแหล่งสร้างรายได้แบบ Passive Income ทุกเดือน เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า


Niche Website คืออะไร

เว็บไซต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน คือ Niche Website โดยเว็บไซต์ส่วนมากที่เราชอบเข้ากัน จะเป็นประเภทที่มีคอนเทนต์เฉพาะเรื่อง เช่น เว็บไซต์ข่าวสาร, เว็บไซต์สอนทำอาหาร, เว็บไซต์สอนทักษะและเว็บไซต์ที่เราเข้าไปเพื่อชอปปิ้ง เว็บส่วนใหญ่จะโฟกัสในเรื่องเดียว ต่างจากบริษัทเจ้าใหญ่ ๆ 

ข้อดีของ Niche Website คือ คุณสามารถเขียนหัวข้อเฉพาะเรื่องเพื่อใช้ดึงดูดกลุ่มผู้ขม และยังสามารถเขียนหัวข้อของเรื่องรอง ช่วยให้สามารถเขียนแยกออกไปและดึงดูดกลุ่มผู้ชมที่มีความสนใจต่างกันได้ ตัวอย่างเช่น คุณมี Niche Website ที่เกี่ยวกับรถยนต์ คุณก็สามารถเขียนเกี่ยวกับรนยนต์รุ่นใหม่ จนไปถึงการซ่อมและแนะนำรถยนต์รุ่นต่าง ๆ เป็นต้น

อีกด้านหนึ่ง หากคุณโฟกัสที่หัวข้อของเรื่องรองอย่าง Subtopic หรือ Micro-niche บนเว็บไซต์ของคุณ กลุ่มผู้ชมก็จะแคบลงตามหัวข้อของเรื่องนั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเว็บไซต์ของคุณมีแต่การซ่อมแซมรถยนต์ คุณจะไม่สามารถโฟกัสใน Subtopic อื่นอย่างเช่น การซื้อหรือรีวิวรถยนต์ แบบนี้จะทำให้คุณมีโอกาสเพิ่มกลุ่มผู้ชมได้น้อยลง จะดีกว่าไหม ถ้าหันมาโฟกัสในหัวข้อของเรื่องที่ธรรมดามากขึ้น เพื่อให้มีเรื่องเขียนแยกออกไปได้อีก

เรื่องหนึ่งที่ต้องจำเกี่ยวกับ Niche Website ก็คือ ถ้าคุณยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเขียน Niche แบบไหน ให้คุณเลือกอันที่ชอบมากที่สุด โดยไม่สนเรื่องทำกำไร ภายหลังบทความนี้ เราจะให้คุณดูวิธีที่นักเขียนสร้างรายได้จากบล็อกด้วยเรื่องที่พวกเขาสนใจ เพราะยังไงสุดท้ายแล้ว กลุ่มผู้ชมที่ดีควรเป็นกลุ่มที่สนใจในแนวคิดของคุณ กลุ่มแบบนี้จะมองออกว่าคุณมีความสนใจจริง ๆ หรือแค่ต้องการมาทำเงินจากพวกเขา

ในส่วนถัดไป เราจะมาพูดเกี่ยววิธีที่คุณสามารถใช้เพื่อสร้างรายได้จาก Niche Website ของคุณ และตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จบางส่วน

Do you plan to work besides maintaining a niche website?
6 โหวต

Affiliate Marketing

Affiliate Marketing เป็นวิธีทำเงินจากเว็บไซต์วิธีแรกที่น่าเชื่อถือมากที่สุดในปี 2022 ซึ่งมีบทเรียนและแหล่งข้อมูลมากมาย เพื่อให้คุณทำตามได้อย่างถูกต้อง และ Partnerkin เองก็เป็นหนึ่งในนั้น Affiliate Marketing คือ การที่คุณนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ชมของคุณ และเมื่อพวกเขาซื้อสินค้าผ่านลิงก์ Affiliate ของคุณ คุณก็จะได้รับคอมมิชชั่นเป็นค่าตอบแทน

มีเครือข่าย Affiliate Marketing มากมายให้คุณได้เข้าร่วม และบางเครือข่ายก้ไม่ได้เกี่ยวกับการขายของ บางครั้งคุณอาจจะนำเสนอการบริการให้แก่กลุ่มผู้ชมของคุณ ซึ่งหนึ่งในเครือข่าย Affiliate ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสินค้านั้น คือ Amazon Affiliate Program และนี้ก็เป็น Niche Website บางส่วนที่ใช้วิธีนี้ในการสร้างรายได้


1. The Athletic Build

The Athletic Build เป็นเว็บไซต์ที่อยู่ใน Niche ด้านกีฬา ที่นำเสนอสินค้าให้กับนักเพาะกายและนักกีฬาทั่วไป

ตัวเว็บไซต์มีผู้เข้าชมทุกเดือนประมาณ 2 แสนครั้ง โดยคาดว่าน่ามีรายได้เดือนละประมาณ 4 หมื่นดอลลาร์ อ้างอิงตามจำนวนของสินค้าที่รีวิวและจำนวนผู้เข้าชมที่มี นี้แสดงให้เห็นว่าคุณแค่ต้องโฟกัสกับ Niche ของตัวเอง และนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพมาให้แก่ผู้ชมของคุณ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้รับความเชื่อมั่นและแน่นอน รายได้ที่มากขึ้น

ที่ผ่านมา Athletic Build เลือกใช้ Amazon Associate Program และดูเหมือนว่าจะมีรายได้มาตั้งแต่นั้น สังเกตุจากที่ยังมีการอัปเดตคอนเทนต์บางส่วนอยู่


2. Here Pup!

Here Pup เป็นเว็ปไซต์ที่มักจะโพสต์คอนเทนต์ทั้งหมดเกี่ยวกับสุนัขและลูกสุนัขผ่านเว็ปไซต์ที่ดูเรียบง่าย คุณจะสามารถเห็นได้ว่า รายได้ส่วนใหญ่ของพวกเขาได้นั้น มาจากคอมมิชชั่นของ Affiliate จากการร่วมมือกับบริษัทที่ทำธุรกิจสัตว์เลี้ยง ซึ่งรับผิดชอบในการแนะนำสินค้าส่วนใหญ่ของพวกเขา

โดยเว็บไซต์นี้ทำยอดขายไปแล้วถึง 2 แสนดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ร่วมมือกับ Amazon Affiliate Program ในเมื่อเว็บไซต์มียอดเข้าชมทุกเดือนประมาณ 5 หมื่นครั้ง ก็เดาได้เลยว่าพวกเขายังมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นดอลลาร์ จริงอยู่ที่พวกเขามีโฆษณาบนเว็บไซต์ แต่เราตัดสินใจว่าจะนำเสนอพวกเขาในหมวดรายได้จาก Affiliate 


3. Tom’s Guide

Tom’s Guide เป็นเว็บไซต์ที่โพสต์คอนเทนต์รีวิวสินค้าหลายตัวพร้อมลิงก์ Affiliate ของสินค้า ซึ่งนับว่าเป็นรายได้หลักของพวกเขาเลย เว็บไซต์นี้มียอดเข้าชมต่อเดือนที่สูง ที่เพิ่มขึ้นมาจากการเขียนรีวิวที่มีคุณภาพและจริงใจเกี่ยวกับสินค้าที่รีวิว

พวกเขามียอดผู้เข้าชมเดือนละประมาณ 40 ล้านครั้ง ตีความได้เลยว่าพวกเขาต้องมีรายได้มหาศาล พิจารณาจากการปล่อยโฆษณาและลิงก์ของ Affiliate ที่พวกเขามี โดยจะมีหัวข้อที่เกี่ยวกับการรีวิว Affiliate ซึ่งคุณสามารถดูออกได้ไม่ยาก แค่ดูคำว่า "ที่สุดของ" ตามด้วยประเภทหรือชื่อสินค้า ซึ่งปกติแล้ว บทความเหล่านี้จะใส่ลิงก์ Affiliate ที่มีค่าคอมมิชชั่นให้กับเว็บไซต์ ในเวลาผู้เข้าชมทำการซื้อสินค้าผ่านลิงก์นั้น


4. Runner Click

Runner Click เป็นเว็บไซต์ที่ทำคอนเทนต์สำหรับนักวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าวิ่ง, ถุงเท้า หรือเครื่องประดับสำหรับนักวิ่ง โดยใช้ Amazon Affiliate Program เพียงแค่ดูสถิติ ก็รู้แล้วว่าพวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก

พวกเขามีผู้เข้าชมเดือนละประมาณ 1 แสน 5 หมื่นครั้ง ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับ Niche Website ที่ย่อยกลุ่มเป้าหมายลงแล้ว จำนวนประมาณนี้สามารถทำเงินเดือนละ 60 หมื่นดอลลาร์ ได้สบาย ๆ  เพราะพวกเขาแนะนำสินค้าที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ บวกกับมีลิสต์สินค้าที่น่าเชื่อถือ ทำให้มีลูกค้ามากมายที่มองหาลิสต์บน Runner Click


5. Outdoor Gear Lab

Outdoor Gear Lab ถือเป็นตัวอย่างที่ดีมากสำหรับเว็บไซต์ทั่วไป ที่โฟกัสการรีวิวตามจริงให้กับลูกค้าเป็นหลัก ทำให้มีเสียงตอบรับที่ค่อนข้างดี เมื่อเข้าเว็บไซต์คุณจะเห็นลิสต์บทความรีวิว ที่มีคำว่า "ที่สุดของ" ตามด้วยประเภทของสินค้า

พวกเขามีผู้เข้าชมเดือนละประมาณ 3 ล้านครั้ง และถ้าดูจากคุณภาพของคอนเทนต์การรีวิวที่ไม่แสดงโฆษณายืดเยื้อ พวกเขาสามารถทำเงินตกเดือนละมากกว่า 5 หมื่นดอลลาร์ บางคนอาจคิดว่าต้องคอยเขียนโพสต์แนะนำสินค้าใหม่ ๆ อยู่ตลอด แต่แท้จริงแล้ว หากคุณมีคอนเทนต์ที่ดีอยู่แล้ว เพียงอัปเดตข้อมูลสินค้าและลิงก์ Affiliate ให้เป็นปัจจุบัน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ตรงนี้คุณจะเห็นว่ามีผู้เข้าชมใช้เวลาท่องเว็บนานมากเมื่อเทียบกับเว็บไซต์ Affiliate เจ้าอื่น เฉลี่ยนประมาณ 2 นาที เป็นผลมาจากคอนเทนต์ที่เข้าถึงได้ อ่านง่ายและไม่ลำเอียง


6. 10Beasts

10Beasts เป็น Niche Website อีกตัวที่เขียนเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฮเทค ถือตัวอย่างที่ดีสำหรับเป็นเว็บไซต์ที่มีคอนเทนต์ไม่มาก แต่ยังสามารถทำเงินได้เยอะผ่านลิงก์ของ Affiliate ซึ่งคุณอาจคาดว่าเว็บไซต์ใหญ่ ๆ จะต้องมีคู่มือบทความต่าง ๆ มากมายที่มีลิงก์ Affiliate แต่เว็บไซต์ของ 10Beasts จะมีระบุจำนวนโพสต์ที่คอยอัปเดตอยู่ และดึงดูดผู้เข้าชมได้เดือนละมากกว่า 9 หมื่นคน ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะและน่าตกใจนิดหน่อยหากคุณดูที่ตัวเว็บไซต์

พวกเขามีโพสต์ที่ครอบคลุมทั้งในสิ่งที่ลูกค้าต้องการอ่านและอยากซื้อ คาดว่า 10Beasts จะทำเงินได้ราวเดือนละประมาณ 3 หมื่นดอลลาร์ ด้วยเว็บไซต์ขนาดเล็ก กับบาความเกี่ยวกับอุปกรณ์ไอเทคและไกด์คู่มืออีกนิดหน่อย


7. Health Ambition

Health Ambition เป็นเว็บไซต์ใน Niche ของสุขภาพและความงาม ซึ่งมีโพสต์และไกด์คู่มืออยู่หลายหัวข้อ เช่น การลดน้ำหนัก จนไปถึงความงามและกิจวัตรประจำวัน กลยุทธ์ที่พวกเขาใช้ให้ติดอันดับใน SEO คือ การโพสต์ข้อความประมาณ 2,000 คำ ในทุก ๆ บทความ ปัจจุบันคุณจะพบว่าเว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่มีลิงก์ Affiliate จะมีคำประมาณ 2,000 คำ โดยแนะนำสินค้าพร้อมกับลิงก์ Affiliate อย่างละ 5 แบบ บ้างเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบ้างก็เป็นไกด์คู่มือสำหรับวิธีการใช้อย่างประสิทธิหรือการตัดสินใจ Health Ambition ได้เลือก Niche ที่มีหัวข้อย่อยมากมาย เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมให้เยอะขึ้น

พวกเขายังมีไกด์คู่มือเกี่ยวกับการลดน้ำหนักและรักษาสุขภาพ  ปัจจัยสำคัญของ Health Ambition ก็คือการจัดเรียงข้อมูลบนเว็บไซต์ที่ดีเยี่ยม ทำให้ผู้ใช้สามารถตามหาสิ่งที่ต้องการได้ง่าย


ขายสินค้า

วิธีการสร้างรายได้อีกอย่างผ่าน Niche Website ของคุณก็คือ การขายสินค้า ซึ่งมีตั้งแต่สินค้าของตัวเอง จนไปถึงสินค้าที่รับมาขายต่อ บางครั้ง Niche Website จะมีร้านที่เอาไว้เปิดขายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นทั้งแบบดิจิทัลหรือของที่จับต้องได้ หรือแม้แต่หนังสืออีบุ๊ค นับเป็นรายได้ที่ดีอีกทาง หากผู้เข้าชมชื่อชอบและยินดีที่จะสนับสนุนในตัวคุณ

เดี๋ยวนี้นักเขียนบล็อกบางรายมีหนังสืออีบุ๊คของตัวเอง วางขายอยู่บนเว็บไซต์ ซึ่งในตัวอย่างถัดไปนี้ เราจะได้เห็นสินค้าที่ผู้คนวางขายกันบน Niche Website ของตัวเอง โปรดจำไว้ว่า Niche Website ที่ขายสินค้า อาจไม่ใช่เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเสมอไป แต่คือเว็บไซต์ที่แนะนำสินค้า ในขณะที่มีฐานผู้ติดตามสนใจและซื้อสินค้านั้นผ่านเว็บไซต์เดียวกัน


8. Legion Athletics

Legion Athletics เป็นเว็บไซต์ที่โฟกัสการขายสินค้าประเภทอาหารเสริมของตัวเอง พวกเขาควรถูกมองเป็นเว็บไซต์ที่ขายสินค้าของตัวเอง แทนที่จะเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ หรือเว็บไซต์ของ Affiliate แม้เว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่มีจะเป็นร้านค้า พวกเขาพร้อมให้ข้อมูลแก่ลูกค้า เป็นธุรกิจที่ทำเงินได้ปีละประมาณ 1 ล้านดอลลาร์ เพราะเป็นเจ้าของแบรนด์ตัวเอง ซึ่งจะต่างจากการรับมาขายต่อ หรือขายแบบไร้คนกลาง ส่วนกรณีนี้ถือว่าพวกเขาครองตลาดของตัวเองได้อยู่หมัด


9. The International Freelancer

The International Freelancer เป็นเว็บไซต์ของนักเขียนฟรีแลนซ์นาม Natasha Khullar Relph ซึ่งบนเว็บไซต์เธอจะเล่าถึงบันทึกการเดินทางของเธอในฐานะนักเขียนฟรีแลนซ์ และแนะนำหนังสือบางเล่มที่เธอเขียนเอง โดยในหนังสือเหล่านี้ เราจะเขียนถึงประสบการณ์ในฐานะนักเขียนและเคล็ดลับที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในฐานะนักเขียนมืออาชีพ สิ่งหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์นี้มีความพิเศษ คือการไม่ได้แค่เว็บไซต์ที่ไว้ขายหนังสืออีบุ๊ค แต่เป็นแหล่งแบ่งปันความรู้ในเรื่องงานเขียนที่เข้าอ่านฟรึ คุณสามารถสนับสนุนหรืออ่านหนังสือของเธอเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม หนังสือแต่ละเล่มจะมีราคาอยู่ที่ $4.99 ถือว่าเหมาะสำหรับหนังสือที่แค่ฟังชื่อก็น่าอ่านแล้ว


10. Nomadic Matt

Nomadic Matt เป็นเว็บไซต์ท่องเที่ยวที่นำเสนอโดย Matt Kepnes มีจุดเริ่มต้นเหมือนกับ Niche Website อื่นที่ประสบความสำเร็จ Matt เริ่มทำบล็อกเกี่ยวกับผจญภัยและทริปของตัวเองขึ้นมาเล่น ๆ พอนานวันเข้า เขาก็เริ่มขยับขยายธุรกิจด้วยการเขียนหนังสือและไกด์บุ๊คขึ้นมาหลายเล่ม ในราคาถูกแสนถูก Matt เลือก Niche ที่เหมาะทำเงินมากที่สุด เพราะกลุ่มเป้าหมายที่สนใจเรื่องการท่องเที่ยว มักมีเงินสำรองที่พร้อมยอมจ่ายให้กับงานอดิเรกที่ชอบ

หมายความว่าหนังสือที่ Matt เขียนขึ้นมา ไม่ใช่ปัญหาสำหรับกลุ่มเป้าหมายของเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดูจากสเกลที่ใหญ่ขึ้น คุณจะเห็นว่าเว็บไซต์ของเขานั้นมีผู้เข้าชมเดือนละ 4 แสนกว่าครั้ง และนั้นจะช่วยให้เขาสามารถทำเงินได้อย่างน้อยเดือนละ 5 หมื่นดอลลาร์ ผ่านการขายหนังสืออีบุ๊ค

Do you have a passion you could write ebooks about?
1 โหวต

สร้างคอร์ส

สำหรับปี 2022 นี้อาจเป็นหัวข้อที่มาแรงที่สุดแล้วก็ว่าได้ การสร้างคอร์สสามารถทำให้คุณมีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก จนกลายมาเป็นผู้ติดตามในท้ายที่สุด การสร้างคอร์ส คือการสื่อสารกับผู้คนในเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญ หากคุณสามารถนำเสนอตัวเองในแบบที่สามารถชวนให้คนหันมาสนใจลองคอร์สของคุณได้ งั้นนี้ก็เป็นทางของคุณแล้ว บางครั้งอาจสร้างคอร์สฟรีขึ้นมาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย หลังจากนั้นคุณก็สามารถเสริมการสร้างรายได้ผ่านเว็บไซต์ด้วยวิธีอื่นต่อได้


 11. Making Sense of Cents

Making Sense of Cents เป็นเว็บไซต์ที่ชินกับ Niche การจัดหาเงินทุนและการออมทรัพย์ ไม่ใช่แค่ชื่อที่น่าสนใจ แต่ยังมีชื่อเสียงในเรื่องคอร์สการทำเงินออนไลน์ ที่จะสอนให้คุณรู้ว่าต้องทำอะไรและแนวทางในการทำเงินออนไลน์ เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จด้วยการตัดสินใจที่ดีขึ้น

Make Sense of Cents มีคอร์สเกี่ยวกับ Affiliate Marketing และการเริ่มต้นเขียนบล็อก โดยคอร์สเหล่านี้มีราคาไม่เกิน $200 ถือว่าคุ้มหากมองเป็นการลงทุนเพื่อตัวเองในอนาคต โดยตัวเว็บไซต์มีรายได้มาจากหลายช่องทาง เช่น รายได้จากค่าโฆษณาและ Affiliate Marketing ด้วยเช่นกัน และยังถือเป็นสุดยอดตัวอย่างของเว็บไซต์ที่คอร์สยอดนิยม  แถมพวกเขายังเปิดเผยเรื่องรายได้เดือนละกว่า 1 แสน 2 หมื่นดออลาร์


12. Website Setup

Website Setup เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์, SEO, การออกแบบเว็บไซต์, การพัฒนา, ฯลฯ และยังมีไกด์คู่มือมากมาย โดยเฉลี่ยแต่ละอันมีมากกว่า 5,000 คำ ที่อธิบายวิธีการการสร้างเว็บไซต์ทั้งหมด แม้ว่าคอร์สและบทความที่มีมาให้จะฟรี แต่เครื่องมือที่แนะนำนั้น จะมีให้ทั้งแบบฟรีและเสียตังค์ที่มีค่าคอมมิชชั่นให้กับพวกเขา

ถึงแม้ตัวเว็บไซต์ช่วงเริ่มต้นจะมีเพียง Nick Schäferhoff และปัจจุบันมีนักเขียนต่าง ๆ มากมายมาเข้าร่วม มาคอยแชร์ประสบการณ์และสร้างรายได้แบบ Passive Income เมื่อเข้าเว็บไซต์มาเป็นครั้งแรก คุณสามารถอ่านดูบทความเกี่ยวการสร้างเว็บไซต์ที่มีมากกว่า 10,000 คำ ได้เลยฟรี ๆ เนื่องจากเป็นการโปรโมตของทางเว็บไซต์


13. Marie Forleo

Marie Forleo มีเว็บไซต์ที่เธอเอาไว้ใช้สอนผู้คนเกี่ยวการทำการตลาด เธอมีคอร์สแบบเสียเงิน ที่รวมถึงการฝึกอบรม 6 สัปดาห์ ในราคาเกือบ 2 พันดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่อยากรู้ลึกจริง ๆ และอีกส่วนที่ทำให้เว็บไซต์ดูดีเป็นพิเศษก็คือ การออกแบบเว็บไซต์ ที่เป็นมอบประสบการณ์แก่ผู้ใช้ ซึ่งทำให้คุณรู้สึกได้ทันทีเลยว่านี้เป็นคอร์สที่มีระดับ

เว็บไซต์นี้มีผู้เข้าชมเดือนละประมาณ 2 แสน 5 หมื่่นครั้ง พร้อมกับ Bounce Rate เพียง 60.84% เท่านั้น ชี้ให้เห็นถึงยอด Conversion จำนวนมาก ส่วนด้านราคา ธุรกิจนี้พิสูจน์ให้เห็นอยู่ผ่านสถิติอยู่แล้ว ว่าประสบความสำเร็จมามากขนาดไหน ปัจจุบันคนเราไม่ค่อยอยากออกจากบ้าน เพื่อเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อีกแล้ว ฉะนั้นหากคุณมีกลยุทธ์ที่สามารถนำพาให้ผู้คนหันกลับมาหาคุณได้ จงอย่ารอช้ารีบคว้าเอาไว้


แสดงโฆษณา

ปัจจุบัน Ad หรือโฆษณา เป็นวิธีทั่วไปในการสร้างรายได้ผ่านเว็บไซต์ และมีเกือบในทุกบล็อก แม้จะมีกลุ่มเป้าหมายที่เล็กมากแค่ไหนก็ตาม หลายคนคิดว่าโฆษณานั้นจะช่วยเพิ่มยอดขายมากมายให้กับธุรกิจ ทว่าแท้จริงแล้ว ต่อให้คุณปล่อยโฆษณาออกไปเยอะยังไง การมียอดผู้เข้าชมเดือนละมากกว่า 5 หมื่นครั้ง ก็ไม่อาจดีเท่ากับวิธีที่เราเอามาฝากคุณในโพสต์นี้

นั้นคือกรณีที่กลุ่มเป้าหมายไม่เบื่อเว็บไซต์ของคุณ ที่มีแต่โฆษณาเต็มไปหมด แน่นอนคุณคงไม่อยากให้เว็บไซต์มีแต่โฆษณา หมายความว่าแค่โฆษณาอย่างเดียวนั้นไม่พอ ทว่าเรามีเว็บไซต์มาให้คุณได้ศึกษาและดูวิธีการจัดการที่พวกเขาใช้ จนสามารถสร้างรายได้มากพอสมควร ส่วนโฆษณาก็ไม่เยอะเมื่อตอนแรก


14. Tom’s Hardware

Tom’s Hardware เป็นเว็บไซต์ที่เด่นในเรื่องของเทคโนโลยีและอุปกรณ์การแต่ง PC หลายคนเคยใช้งานเว็บไซต์นี้มาเป็นปีแล้ว และเว็บไซต์เองก็ทำรายได้ที่ค่อนข้างเสถียร

สาเหผตุที่ว่าทำไม Tom’s Hardware  ถึงมีรายได้จากการแสดงโฆษณาต่อเดือนครั้งละประมาณ 16 ล้านครั้ง ซึ่งเดือนนั้นพุ่งขึ้นถึง 7 หลัก แต่แค่นี้ยังไม่พอ พวกเขายังมีการโปรโมต Affiliate ของ Amazon ซึ่งทำเงินให้กับพวกเขามากว่าเดิม โดยรวมแล้วแม้ว่าเว็บไซต์นี้จะเป็นตัวอย่างที่ใหญ่เกินไป แต่คุณควรรู้เอาไว้ด้วยเช่นกันว่า ขนาด Tom’s Hardware เองยัง ก็เริ่มต้นจากอะไรที่ธรรมดาอย่างฟอรั่มเลย จนพวกเขาสามารถใช้สร้างรายได้หลังผ่านมาไปเป็นปี


15. Greatist

Greatist เป็นอีกสุดยอดตัวอย่างที่อาจดูใหญ่เกินไป แต่มีอายุมานานมาก โดยเป็นเว็บไซต์ที่โฟกัสในเรื่องของสุขภาพ และเริ่มจากอะไรเล็ก ๆ ปัจจุบันเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับนักอ่านหลายคน มีผู้เข้าอ่านตกเดือนละประมาณ 2 ล้านครั้ง

ในไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ พวกเขามียอดผู้ชมเดือนตกละกว่า 5 ล้านครั้ง ทั้งที่ตามปกติต้องใช้เวลาราว 6 เดือน ตัวอย่างนี้ไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะทำตามได้หรือไม่ แต่เป็นการเรียนรู้ที่ว่าคุณจะนำไปปรับใช้ได้มากน้อยแค่ไหนต่างหาก


คอนเทนต์ตามค่าสมาชิก

อีกหนึ่งสุดยอดวิธีของการทำเงิน คือการสร้างคอนเทนต์แบบพิเศษให้แก่สมาชิกของคุณ อย่างแรกคุณต้องมีฐานผู้ติดตาม หากพวกเขาชอบในคอนเทนต์และต้องการดูคอนเทนต์พิเศษ พวกเขาก็จะต้องสมัครสมาชิกรายเดือนของคุณ เพื่อเข้ามาดูคอนเทนต์นั้น ๆ 

บางครั้งรูปแบบคอนเทนต์ตามค่าสมาชิก อาจเป็นจดหมายข่าว หรือโพสต์ในบล็อกทั่วไป ซึ่งมีเว็บไซต์มากมายที่โพสต์คอนเทนต์แบบนี้ผ่านบล็อก เว็บไซต์เหล่านี้มักทำคอนเทนต์กลุ่มคนที่จ่ายค่าสมาชิกเท่านั้น ตัวอย่างถัดไป เราจะมาดูวิธีการที่มีอยู่สองแบบด้วยกัน


16. Mark Manson

Mark Manson เป็นหนึ่งในสุดยอดตัวอย่างของการทำคอนเทนต์เพื่อสร้างรายได้ เขาทำคอนเทนต์ด้านการดูแลเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง คอนเทนต์บางส่วนบนเว็บไซต์จะมีอนุญาตดูเฉพาะผู้ติดตามเท่านั้น และหากคุณต้องการอ่าน คุณสามารถจ่ายเพิ่มเดือนละ $4 จำนวนเงินอาจดูน้อยแต่ถ้าเทียบกับยอดเข้าชมของเว็บไซต์ที่ตกเดือนละประมาณ 1.4 ล้านครั้ง และอยู่หน้าเว็บไซต์เฉลี่ยคนละ 2 นาที คาดว่าเขาทำรายได้จากเว็บไซต์ไปประมาณ 7 หมื่นดอลลาร์ 


17. Economist

Economist เป็นตัวอย่างของเว็บไซต์ที่สร้างรายได้จากการทำคอนเทนต์ของตัวเอง  เวลาที่คุณได้อ่านเจออะไรที่ชอบและรู้สึกว่า ‘อยากอ่านต่ออีกหน่อยอีกหน่อย’ หากเป็นแบบนั้น คุณสามารถเลือกระหว่างแผนระหว่างแบบดิจิทัล หรือทั้งแบบดิจิทัลและแบบพิมพ์ เพียงแค่จ่าย $40 คุณก็สามารถอ่านคอนเทนต์ทั้งหมดของ Economist ย้ำว่าทั้งหมดเลย หากคุณมีความสามารถในการทำคอนเทนต์ที่ช่วยให้ผู้อ่านสนใจได้แบบนี้ได้ แสดงว่านี้คือทางออกในการสร้างรายได้มหาศาลของคุณ ซึ่ง Economist มีผู้เข้าชมตกเดือนละประมาณ 12 ล้านครั้ง ตีได้เลยว่าทุกเดือนพวกทำเงินได้เกิน 7 หลัก


โพสต์สปอนเซอร์

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือโพสต์สปอนเซอร์ ที่มีความคล้ายกับ Affiliate Marketing แต่ต่างตรงที่คุณจะไม่ได้ค่าคอมมิชชั่นจากลิงก์ Affiliate หรืออะไรทำนองนั้น แต่คือการที่มีผู้ให้บริการ ธุรกิจหรือแบรนด์สินค้า มาเป็นสปอนเซอร์ให้คุณเขียนบทความ สร้างวิดีโอ หรือพูดถึงการให้บริการของพวกเขาบนเว็บไซต์ของคุณ แล้วคุณก็คิดเงินกับพวกเขา เป็นการโปรโมตแบบเดียวกับที่ Affiliate Marketing ใช้ เพียงแต่ครั้งนี้สปอนเซอร์จะเป็นคนมาหาคุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องใช้ Affiliate Progarm

คุณอาจเคยยูทูปเปอร์หลายคนใช้วิธีการนี้ แบบเดียวกับโพสต์ที่คุณเห็นตามบล็อก ปัจจุบันมีบล็อกมากมายที่เผยแพร่ข้อมูลปลอม การทำแบบนี้จะทำให้คุณเสียชื่อเสียงได้ คุณจึงจำเป็นต้องค้นคว้าเกี่ยวกับโปรเจกต์ที่ต้องการนำเสนอ หรือเขียนก่อนล่วงหน้า หากไม่ระวังคุณอาจถูกมิจชาชีพหลอกใช้และอาจถูกดำเนินคดีอีกด้วย


18. Gear Patrol

Gear Patrol เป็นเว็บไซต์ที่มีความหลากหลาย โดยที่ใครก็สามารถเข้าถึงได้ วิธีที่ Gear Patrol ใช้ทำเงินก็คือ การเขียนโพสต์สปอนเซอร์และ Affiliate Marketing ภาพด้านล่างนี้จะเป็นหน้าตาของโพสต์สปอนเซอร์ Gear Patrol มีผู้เข้าชมประมาณเดือนละมากกว่า 6 ล้านครั้ง หมายความว่าพวกเขาสามารถทำเงินจากโปรโมตได้เดือนละมากกว่า 7 หลัก แน่นอน


19. The Spruce

The Spruce เป็น Niche Website สุดท้ายแล้วในลิสต์ของเรา โดยเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับของแต่งและของดูแลบ้านซะส่วนใหญ่ คุณสามารถเข้าไปดูสินค้าที่พวกเขาโปรโมตได้ผ่านบนเว็บไซต์ ซึ่งมีทั้งโพสต์สปอนเซอร์และโพสต์โปรโมต Affiliate ปะปนกันไป โดยรวมแล้ว The Spruce เป็นคำที่สายตกแต่งบ้านคุ้นเคย ช่วยดึงดูดผู้เข้าชมเดือนละกว่า 20 ล้านคน ซึ่งจำนวนขนาดนี้ รายได้เกินล้านดอลลาร์แน่นอน

Can you tell a niche website’s success by its bounce rate?
1 โหวต

สรุป

ทีนี้คุณก็รู้วิธีสร้างรายได้ทั้งหมดผ่านเว็บไซต์ของตัวเองแล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของคุณแล้ว คุณจะทำเงินเท่าไรก็ได้ตามที่คุณต้องการ ด้วยวิธีที่ไม่ทำลายชื่อเสียงของใครหรือน่าเบื่อจนผู้เข้าใช้หนีหายหมด จุดประสงค์ของการเลือก Niche ต้องเป็นในสิ่งที่คุณสนใจและใช้เวลาศึกษาในสิ่ง ๆ นั้น โดยไม่สนเรื่องเงินทอง ทำไปเรื่อย ๆ และผลลัพธ์จะมาเอง คอยตามอัปเดตทั้งคุณภาพและข้อมูลให้แม่นย้ำทันยุคทันสมัย

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?