เรามีทั้งข่าวดีและไม่ดีเกี่ยวกับธุรกิจนี้ ข่าวดีคือคุณสามารถใช้โปรแกรมอิคอมเมิร์ซ affiliate เพื่อการโปรโมตสินค้าได้หลากหลายมากขึ้น รวมไปถึงสินค้าที่มีราคาแพง พร้อมกับค่าคอมมิชชั่นที่มากกว่า แต่ข่าวไม่ดีคือ คุณอาจจะไม่พร้อมกับการแข่งขันในสายอาชีพนี้
แต่อย่างไรก็ดี ถือว่าคุณโชคดี เพราะว่าในบทความนี้จะช่วยให้คุณได้เตรียมพร้อม ว่าคุณจะต้องคาดหวังข้อเสนออะไรเพื่อโปรโมต ซึ่งเป็นกลุ่มออกที่จะท้าทายสักหน่อย แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่คุณไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยกรอบความคิดของคุณ
พูดง่าย ๆ ก็คือโลกของอิคอมเมิร์ซ ประกอบไปด้วยร้านค้าออนไลน์ และสินค้าเหล่านั้นที่ถูกส่งไปถึงลูกค้าผ่านจากร้านค้าออนไลน์นั่นเอง ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับตัวแทน เพราะไม่จำเป็นจะต้องโปรโมตธุรกิจในชีวิตจริง แค่โปรโมตธุรกิจออนไลน์เท่านั้น วิธีที่ใช้ได้ผลคือคุณเลือกร้านค้าออนไลน์ เพื่อจะโปรโมตสินค้าจากร้านค้านั้น และก็รับค่าตอบแทนในภายหลัง แต่อย่างไรก็ดี ในบทความนี้เราจะมาลงลึกถึงรายละเอียด และตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดที่คุณจำเป็นจะต้องรู้เกี่ยวกับการทำงานของธุรกิจประเภทนี้
นักการตลาดแบบ affiliate จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำงานร่วมกับเครือข่ายอีคอมเมิร์ซ คือความอยู่รอดของร้านค้าหรือธุรกิจออนไลน์นั้นขึ้นอยู่กับบริษัทในเครือ ถ้าไม่มีใครโปรโมตสินค้า ดูเหมือนว่าสินค้าออนไลน์นั้นก็จะตกเทรน แต่ถ้าพวกเขาใช้ความช่วยเหลือจากบริษัทในเครือจริง ๆ ยอดขายของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น ปัจจุบันนี้ สินค้ามากกว่า 80% ใช้โปรแกรม affiliate ทั้งนั้น แล้วทำไมจะไม่ลองทำให้รายได้ของ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้เพิ่มขึ้นอีกสักเล็กน้อยจากการคาดการของบริษัทในเครือในปี 2022
สิ่งที่เรารู้คือการโปรโมตของอิคอมเมิร์ซนั้นให้ข้อเสนอที่ดี แต่ทำไมหละ ทำไมถึงมีตัวแทนสินค้ามากมาย และทำไมถึงมีกลุ่มเครือข่ายมากมายเกิดขึ้นในกลุ่มนี้ เหตุผลคือ:
จะโปรโมตข้อเสนอของอิคอมเมิร์ซได้อย่างไร
ลักษณะการทำงานของเครือข่ายตัวแทนอิคอมเมิร์ซ ก็เหมือนกับเครือข่ายแบบอื่นๆ ทั่วไป เครือข่ายเหล่านี้จะจัดเตรียมโค้ดโปรโมชั่นให้กับคุณ เพื่อให้คุณสามารถเชิญคนอื่นๆ เข้าร่วมโปรโมชั่นได้ ทางเครือข่ายก็จะทราบถึงการทำงานของคุณถึงจำนวนเส้นทางของคนที่ถูกคุณเชิญไปที่ลิงก์ของเครือข่ายนั้น และนั่นเป็นพื้นฐานการทำงานของเครือข่าย คุณอาจจะได้รับข้อเสนอเป็นค่าตอบแทน
แน่นอน ว่าคุณจะต้องเปลี่ยนเส้นทางไปที่ลิงก์เครือข่าย แต่วิธีที่คุณจะได้ ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการชำระเงินของลูกค้า และวิธีที่เขาจะเลือกคำนวณรายได้ของคุณ จากนั้นคุณก็หาวิธีเชิญชวนลูกค้าให้เข้าร่วมกับโปรโมชั่น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือการดูสินค้า หรือการสมัครบนเว็บไซต์
มีหลายวิธีที่ตัวแทนเครือข่ายอีคอมเมิร์ซจะจ่ายเงินให้กับคุณ
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าจะทุกกรณีที่จ่ายเงินให้คุณเหมือน 3 วิธีที่กล่าวมา มีข้อยกเว้นบางประการณ์ที่พวกเขารวมเข้ากับวิธีเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น บางโปรแกรมอีคอมเมิร์ซคุณอาจจะได้เงินสองทาง ทั้งรายได้ที่เกิดจากจำนวนคนที่เข้ามาชมเว็บไซต์ และรายได้ที่เกิดจากยอดขายของเว็บไซต์นั้น ซึ่งไม่ใช่แค่คุณจะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการดึงลูกค้าเข้าเว็บไซต์ผ่านลิงก์ของคุณ แต่คุณยังได้ค่าคอมมิชชั่นที่เกิดจากลูกค้าได้ซื้อสินค้าจากเว็บไซต์นั้นด้วย อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Amazon ก็เป็นหนึ่งโปรแกรมที่ทำวิธีนี้
ในกรณีอื่นๆ บางโปรแกรมอาจจ่ายเงินให้คุณก็เมื่อมีคนสมัครสมาชิกผ่านลิงก์ตัวแทนของคุณ และทุกครั้งที่พวกเขาทำการซื้อสินค้า อัตราค่าคอมมิชชั่นของคุณอาจขึ้นอยู่กับประเภทข้อเสนอที่คุณเลือก
มีโปรแกรมและข้อเสนอมากมาย แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าข้อเสนอไหนดีและเหมาะสมกับคุณ และนี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยคุณได้:
เมื่อคุณโปรโมตข้อเสนอพันธมิตรอีคอมเมิร์ซ คุณต้องจำไว้ว่ามีหลายวิธีในการดำเนินการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คุณต้องมุ่งเน้นไปที่ช่องทางที่ฟรี ที่คนใช้เข้าชมเว็บไซต์ วิธีนี้จะไม่ทำให้คุณเกิดข้อผิดพลาด นั่นคือเหตุผลของบทความนี้ ที่เราได้รวบรวมข้อเสนอฟรีเพื่อใช้โปรโมต
นี่เป็นสิ่งแรกที่คุณจะต้องทำความเข้าใจ ว่า SEO นั้นให้ประโยชน์อะไรกับคุณ ส่วนมากแล้วเหล่าตัวแทนอิคอมเมิร์ซจะมีบล็อกส่วนตัวของตัวเอง เช่น YouTube, หรือโปรแกรมที่ใช้เปลี่ยนลิงก์เส้นทางของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตไปที่เว็บไซต์ของเครือข่าย วิธีที่ SEO ช่วยคุณได้คือการพาคุณไปหาผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าทั้งหมดที่มาจากผลการค้นหา ดังนั้นคุณจะรู้ได้ทันทีว่าเมื่อมีคนเข้ามาที่บล็อกของคุณ นั่นคือพวกเขามีความต้องการในสินค้าถึงได้เข้ามา สิ่งที่คุณต้องทำคือ ดึงความสนใจพวกเขาให้มากที่สุด แต่อย่างไรก็ดีนั่นเป็นอีกเรื่องที่จะกล่าวต่อไป สิ่งที่ SEO ช่วยคุณได้คือ ทำให้ชื่อหรือเว็บของคุณมองเห็นได้ง่ายในผลการค้นหา ซึ่งช่องทางที่ผู้คนใช้ในการค้นหานี้ฟรีและทำงานได้ดี และมีเคล็ดลับบางอย่างที่จะช่วยปรับให้เหมาะสมกับกับการค้นหาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นอีด้วย ซึ่งคุณจะเรียนรู้ทั้งหมดได้จาก หัวข้อนี้
สาระสำคัญที่คุณจะต้องใส่เข้าไปทั้งหมดของคำค้นหาในระหว่างข้อความของคุณ ไม่ว่าจะเป็นข้อความคำอธิบายในช่อง YouTube หรือบทความที่คุณโพสต์ในบล็อกของคุณ โดยคำคีย์เวิร์ดที่คุณใส่เข้าไปนั้นต้องสอดคล้องสะท้อนตลอดข้อความในรูปแบบของกลุ่มคำ โดยต้องเจาะจงกลุ่มคำให้แคบลงเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้คน หรืออะไรที่พวกเขาจะต้องค้นหาไม่ใช่แค่กลุ่มคำทั่ว ๆ ไป สมมุติว่าคุณอยากจะโปรโมตรองเท้าวิ่งสำหรับร้านค้าขายเครื่องกีฬาออนไลน์ กลุ่มคำที่คุณจะต้องใช้เพื่อดึงดูดความสนใจคือ “รองเท้าวิ่งระบายอากาศสำหรับผู้หญิง” แทนที่จะใช้คำว่า “รองเท่าวิ่ง” หากคุณต้องการเป็นผู้นำด้าน “รองเท้าวิ่ง” การมีคู่แข่งจัดว่าเป็นการท้าทายอย่างหนึ่ง การทำให้คีย์เวิร์ดนั้นแคบลง จะช่วยให้คุณเจอลูกค้าที่กำลังมองหาคุณอยู่เหมือนกัน
ตอนนี้คุณก็มีคนมาเข้าชมบล็อกหรือ landing page ของหุ้นส่วนคุณมากขึ้น คุณต้องหาวิธีที่ทำให้คนเข้ามาดูเว็บไซต์และทำการคลิกที่ลิงก์ของคุณจริง ๆ และนี่แหละที่เราเรียกว่าการเปลี่ยนแปลง การมี landing page ที่ดีจะช่วยให้เห็นถึงความแตกต่างเมื่อมีการแข่งขันเกิดขึ้น ห้ามพลาด ในบทความนี้เรามีคู่มือที่จะช่วยให้เห็นถึงความน่าทึ่งของ landing page
คุณจะต้องทำคือ มาตรฐานที่ผู้ใช้เกิดความคุ้นเคยด้วย ซึ่งจะต้องมีคำโฆษณาและข้อเสนอ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ (เช่นการซื้อสินค้าในระยะเวลาที่มีส่วนลดจำกัด) และทั้งหมดต้องให้เป็นที่สะดุดตา ในแว็บแรกที่เห็นในหน้า landing page และที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากจะให้ข้อเสนอกี่ครั้งที่คุณอยากจะให้มีที่เหลือในหน้า landing page ของคุณ แต่คุณจะต้องจำใว้ว่า ลูกค้าจะใช้เวลาในการเข้าดูเว็บไซต์เพียงแค่ครึ่งวินาทีถึงจะทำการตัดสินใจถ้าพวกเขาไม่ชอบเว็บไซต์ของคุณ หรือไม่พบในสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา
เพื่อทำให้แคมเปญของคุณเปลี่ยนการตัดสินใจของลูกค้า คุณจะต้องไม่เร่งเร้าลูกค้าจนเกินไป เพียงแต่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า คุณกำลังยื่นข้อเสนอที่ลูกค้ายากที่จะปฏิเสธ ตัวอย่างเช่น แทนที่คุณจะพูดว่า “ซื้อรองเท้าวิ่งในราคา $50 ดอลลาร์ตอนนี้” ให้ใช้คำอื่นเช่น “รีบเป็นเจ้าของ กับมหกรรมลดราคา 50% กับรองเท้าวิ่งชั้นนำมากมาย” และให้รู้เอาไว้ว่า แม้คนอ่านจะรู้สึกสงสัยกับคำอธิบายของคุณ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณเขียนคำโฆษณาผิด
คุณเคยเปิดดู Instagram แล้วเห็นคนมากมายโปรโมตผลิตภัณฑ์ที่พวกเขา “ชอบ” หรือไม่ นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่พวกเขากำลังโปรโมตสินค้าด้วยโปรแกรมตัวแทน ซึ่งคุณก็สามารถทำได้เช่นกัน และอะไรคือสิ่งที่จำเป็นในการสร้างฐานลูกค้าให้พวกเขาสนใจในผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังโปรโมตอยู่จริง และให้กลายมาเป็นลูกค้าที่ภักดีของเรา นี่อาจจะต้องใช้ทักษะเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าด้วยการที่คุณจะต้องเริ่มโปรโมตผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง ครั้นเมื่อคุณถึงจุดที่คุณต้องการแล้ว ทุกอย่างก็จะดูง่ายไปเลย และเมื่อถึงจุดนั้นสินค้าต่าง ๆ จะมาหาคุณเองเพื่อให้คุณช่วยโปรโมต
การที่จะเริ่มขั้นต้อนนี้ได้ คุณจำเป็นที่จะต้องสร้างตัวตนของคุณให้เป็นที่รู้จัก และพูดถึงผลิตภัณฑ์บางชนิดด้วยความชื่นชอบอย่างจริงจัง และเมื่อถึงจุดนั้นแล้วคุณจะมีผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการสร้างแบรนด์คุณจะต้องมีแนวคิดที่สอดคล้องกันเพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในตัวคุณและผลิตภัณฑ์ที่คุณโปรโมต และหลังจากนั้นคุณก็แค่รีวิวผลิตภัณฑ์เป็นครั้งคราวก็จะทำให้คุณสามารถขายได้มากขึ้น
บางสื่อโซเซียลที่ดีอย่าง Instagram, YouTube และ TikTok โดยเฉพาะปัจจุบันนี้วิดีโอของ TikTok มีคนนิยมดูกันมากเพราะช่วงเวลาที่แสดงนั้นสั้น ดังนั้น คุณควรจะใช้ TikTok และเปลี่ยนเส้นทางของคนที่เข้ามาดูให้ไปรับส่วนลดที่หน้า landing page
กรณีศึกษา: ตัวแทนนักการตลาดทั้งหลาย เขาประสบความสำเร็จได้อย่างไร
เราได้ทราบกันแล้วว่า วิธีที่จะสร้างและโปรโมตข้อเสนอของ affiliate นั้นทำอย่างไร เรามาดูถึงขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้นว่ามันทำงานในระบบตัวแทนพันธมิตรได้อย่างไร
เธอเริ่มทำบล็อกเมื่อปี 2014 และตั้งแต่นั้นมาส่วนมากเธอก็ยังคงโพสต์ถึงสุขภาพและไลฟ์สไตล์ คุณอาจจะสังเกตุเห็นอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับเธอ เมื่อคุณคลิกเข้าไปที่ลิงก์ bio ของเธอ
คุณจะเห็นได้ว่าที่หน้าเพจของเธอมีคำว่า “Shop” ซึ่งจะแสดงถึงผลิตภัณฑ์มากมายที่เหมาะกับไสตล์ของเธอ เพียงแค่คุณคลิกเข้าไปในแต่ละลิงก์ก็จะรู้ได้ทันทีเลยว่าลิงก์เหล่านั้นเป็นลิงก์แบบ affiliate ที่จะนำไปสู่ร้านค้าออนไลน์อื่น ๆ ตั้งแต่ร้านค้าเล็ก ๆ ไปจนถึง Amazon.
อย่างที่คุณได้เห็น ของส่วนมากที่อยู่ในบ้านของเธอ นั้นหมายความว่าเธอซื้อมาใช้เองทั้งหมด และก็ทำการโปรโมตสิ่งที่เธอซื้อมาในรูปแบบแบรนด์ของเธอเอง
คุณอาจจะคิดว่าการที่มีผู้ติดตาม 90,000 คนอาจจะไม่ใช่ตัวเลขที่เยอะมากมาย แต่เฉลี่ยแล้วแต่ละบล็อกทำรายได้ให้เธอประมาณ $1 ล้านดอลลาร์ เพียงแค่ทำโปรโมตสินค้าหลาย ๆ แบรนด์และก็เขียนบรรยายถึงสรรพคุณของสินค้าก็ทำเงินได้แล้ว
Chic Pursuit เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ โดย Maria Julia แต่มาปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่พวกเขารับโปรโมตและรีวิวสินค้าความสวยความงามและแบรนด์ที่มีไสตล์ทั้งหลาย เว็บไซต์ของพวกเขามีคนเข้ามาดูมากกว่า 500,000 ครั้งต่อเดือน จึงทำให้บล็อกของพวกเขาเหมาะสำหรับโปรแกรม affiliate ในแบบของตัวพวกเขาเอง เมื่อไปที่หน้า landing page ของพวกเขา คุณจะเห็นสินค้าอื่น ๆ ในรูปแบบคำรีวิวของสินค้าที่แตกต่างออกไป
เมื่อคุณคลิกไปที่หัวข้อ คุณจะเห็นผลิตภัณฑ์หลากหลายกับลิงก์ affiliate ที่แนบอยู่ ที่เพจของพวกเขาไม่ได้มีแค่โฆษณาอย่างเดียว แต่อยังมีลิงก์ affiliate ของแบรนด์ดัง ๆ หลายแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับของหลาย ๆ คน อย่างเช่น Vans, Tommy Hilfiger และแบรนด์ดังอื่น ๆ อีกมากมาย
เหล่าลิงก์อีคอมเมิร์ซ affiliate ทั้งหลายเหล่านี้ (และแน่นอนก็พวกโฆษณานั่นแหละ) ปัจจุบันนี้พวกนี้ทำรายได้ให้พวกเขาถึง $200,000 ดอลลาร์/เดือน เลยทีเดียว ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่คุณจะได้เรียนรู้จาก Chic Pursuit นั่นก็คือแรงกระตุ้นในการทำโปรแกรมระบบตัวแทน ทำไปจนกระทั่งมันผลิดอกออกผลกำไรให้เรา
เมื่อพิจารณาดูจะเห็นความจริงอย่างหนึ่งที่ทั้งสองเคสที่เกิดขึ้นจากระบบตัวแทน ทำให้พวกเขาต้องลาออกจากงานประจำและมาศึกษาสิ่งเหล่านี้ คุณจะเห็นได้ว่าพวกเขาไม่ได้ใช้เวลานานเลยในการที่จะมีธุรกิจที่มั่นคง จากการโปรโมตสินค้าที่พวกเขาชื่นชอบและใช้มันจริง ๆ
บทสรุป
ตอนนี้คุณก็ทราบถึงกระบวนการการทำงานของระบบ ecommerce affiliate แล้วว่าคุณจะหาประโยชน์อะไรได้จากพวกนี้ คุณสามารเริ่มได้เลยตั้งแต่ตอนนี้ เพราะมันมีหลายวิธีที่จะเริ่มต้น อย่างเช่น เริ่มเขียนบทความ เรื่องราว ลงบนบล็อกของตัวเอง เช่นบล็อก Medium หรือไม่ก็สร้างช่อง YouTube หรือสร้างบัญชี TikTok ขึ้นมา แล้วแต่ว่าเราถนัดแบบไหน และมีความคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ชนิดไหน แต่โปรดจำเอาไว้ว่า พยายามทำให้สม่ำเสมอ แคร์ความรู้สึกของผู้ซื้อ และจงซื่อสัตย์ต่องานของตน