31 มกราคม 2023 0 246

สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า $2,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ จากการโปรโมตหลักสูตรการเงินส่วนบุคคลกับ TikTok

ใบบทความนี้ เราจะนำกลยุทธ์ของ Twinky Hustle มาให้ศึกษาดูว่าภายในสองเดือนนั้นเขาใช้กลยุทธ์นี้เพิ่มรายได้จาก $0 - $15,000 ดอลลาร์ได้อย่างไร ทำให้เฉลี่ยแล้วมีรายได้ $2,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ และยังทำให้จำนวนผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นถึง 100% แบบไม่่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา 

บัญชี TikTok ที่ใช้ชื่อว่า Twinky Hustle นั้นเป็นผู้ประกอบการอินเตอร์เน็ตในสหรัฐฯ และเป็นผู้สอนด้านการตลาดแบบตัวแทนให้กับผู้ที่สนใจทั่วไปในฐานะผู้ประกอบการ

ภาพตัวอย่างรายได้ที่เกิดขึ้นจริง

ด้านบนนี้เป็นภาพเกี่ยวกับการชำระเงินประจำสัปดาห์ในระยะเวลา 2 เดือนที่มีรายได้รวมประมาณ $15,000 ดอลลาร์ โดยคิดเป็นรายได้เฉลี่ย $2,000 ถึง $3,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์

3 สิ่งที่คุณจำเป็นต้องมี เพื่อให้เกิดรายได้  $2,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์นั่นคือ:

  • ผลิตภัณฑ์หน้าบ้าน (Front End) ไม่ว่าจะเป็นหน้าโฮม หน้าเว็บเพจ รูปภาพ ลิงก์ เป็นต้น เป็นโปรโมชั่นสำหรับตัวแทนเท่านั้น
  • ผลิตภัณฑ์หลังบ้าน (Backend Offer) หรือระบบจัดการเว็บไซต์ (เป็นโปรโมชั่นที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ส่วนหน้าบ้าน)
  • ผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าของคุณ ส่วนนี้ถือเป็นส่วนสำคัญเสมอที่จะช่วยสร้างความสำเร็จในการทำธุรกิจเกี่ยวกับตัวแทนทางการตลาดโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดึงคนเข้ามาชมเว็บไซต์ของเราได้ถึง 100% ซึ่งมันมีหลายวิธีในการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า แต่คุณต้องมั่นใจได้ว่ากลยุทธ์ของคุณใช้ได้กับ traffic แบบไม่เสียเงิน

รูปแบบช่องทางการขายของระบบตัวแทนทางการตลาด

นี่เป็นภาพการอธิบายช่องทางของเส้นทางที่ลูกค้าที่มีแนวโน้มจะใช้ในการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านเพจของตัวแทน อาจจะมีบางอันที่มีแค่ตัวเลือกเดียว แต่แนะนำให้ใช้ตัวช่วยในการสร้างช่องทางออนไลน์ขึ้นมาจะดีกว่า

  1. Create a Free Traffic Source สร้างแหล่งที่มาของการเข้าชมฟรี การตลาดบนสื่อโซเซียลมีเดียเป็นทรัพยากรที่สำคัญสำหรับช่องทางใช้ในการเข้าชมแบบไม่มีค่าใช้จ่ายของตัวแทนการตลาดทั้งหลาย สร้างบัญชีแพลตฟอร์มที่เป็นที่รู้จักขึ้นมาสักหนึ่งบัญชีอย่างเช่น TikTok, Instagram, Facebook, Pinterest และอื่น ๆ ซึ่งแคมเปญที่ทาง Twinkle Hustle ใช้จะเป็น TikTok นั่นเป็นแพลตฟอร์มตัวใหม่ที่พึ่งมีขึ้นมา โดยพวกเขาใช้โพสต์เนื้อหาที่คล้ายกันและน่าสนใจลงไป ทำให้ผู้เข้าชมสามารถที่จะคลิกไปที่ bio บัญชี TikTok ของพวกเขาที่ฝังลิงก์เอาไว้ในหน้าแลนด์ดิงเพจซึ่งจะเป็นหน้าเพจที่พวกเขาเลือก opt-in เอาไว้นั่นเอง วิธีที่ดีที่สุดคือการสร้างวิดีโอให้มีความยาวประมาณ 60 นาทีเพื่อเป็นการดึงดูดคนดูให้ได้ตัดสินใจกับเนื้อหาวิดีโอของคุณ
  2. Opt-In Page and Email List เป็นขั้นตอนแรกของช่องทางการขายคือ หน้า Opt-in และรายชื่ออิเมล แต่สิ่งนี้ทางระบบจะจัดการสร้างให้คุณเองโดยที่คุณไม่ต้องทำอะไร แต่สิ่งที่คุณต้องทำคือการดึงคนให้มาสนใจโปรโมชั่นที่หน้าเพจของคุณให้ได้ โดยในหน้า opt-in จะประกอบไปด้วยข้อมูลการส่งเสริมการขายเกี่ยวกับตัวแทน และนี่คืออีกขั้นตอนหนึ่งที่พวกเขาใช้เก็บรวบรวมข้อมูลอิเมลของผู้ที่เข้ามาชมเพื่อใช้สำหรับเป็นข้อมูลอิเมลทางการตลาดอีกด้วย สำหรับในระบบคุณควรกำหนดค่าระบบตอบกลับอัตโนมัติ เพื่อใช้เผยแพร่ข้อมูลให้กับผู้เข้าชมในสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา
  3. Bridge page หรือเพจที่เป็นสะพานเพื่อเชื่มต่อไปยังหน้าเพจอื่น ๆ ในหน้าเพจนี้จะรวมไปด้วยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าของตัวแทน ที่คุณกำลังทำการโปรโมตอยู่ และในหน้านี้เป็นเหมือนหน้าปิดการขายที่จะนำผู้ชมเข้าไปยังสินค้า ที่ได้วางเอาไว้แต่แรก เพื่อจะทำให้ลูกค้าได้รู้จักคุณและสินค้าของคุณมากขึ้น โดยที่แนวคิดของการโปรโมตสินค้าก็เพื่อที่จะแก้ปัญหาเฉพาะทางต่าง ๆ ในสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหา และนี่จะเป็นหน้าเพ่จสุดท้ายที่ลูกค้าของคุณจะได้เห็นก่อนที่จะนำพวกเขาไปสู่หน้าการขายของตัวแทน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีคุณควรจะแนบลิงก์ตัวแทนของเครือข่ายที่คุณได้สมัครเป็นตัวแทนลงไปในหน้าเพจนี้ด้วย
  4. Affiliate Product Page หน้าผลิตภัณฑ์ของตัวแทน หน้าที่ของคุณในฐานะผู้จัดการตัวแทนทางการตลาดจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อลูกค้าได้เข้ามาที่หน้านี้แล้ว ในระบบโปรแกรมตัวแทนจะปรับให้หน้าเพจมีอัตราการเข้าชมเว็บไซต์ที่หน้าเดี่ยวหรือการ bouncing rate ให้มีอัตราต่ำ แต่จะทำให้ conversion rate หรือยอดสั่งซื้อสินค้าสูงขึ้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกจะต้องแปลงเป็นยอดสั่งซื้อที่สูงขึ้นแทน นี่เป็นสิ่งที่ตัวแทนนักการตลาดจะเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่ดีใช้ในการโปรโมต

ตามที่ Twikle Hustle ได้กล่าวไว้ว่า

“ผลิตภัณฑ์ที่เราใช้โปรโมตเป็นผลิตภัณฑ์ในเครือที่แปลงแล้วมีอัตราการขายสูงมากจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เรามีรายได้จากยอดขายถึง $15,000 ดอลลาร์ภายใน 60 วัน โดยที่คุณไม่ต้องไปเสียเวลากับการส่งจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ไปให้กับไซต์ที่ไม่มีการแปลงอัตราตัวเลขจำนวนคนกับยอดขาย ดังนั้นคุณควรเลือกผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ตัวเพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น"

หน้านี้จะนำลูกค้าของคุณไปยังหน้าตัวแทนผลิตภัณฑ์ในชื่อคุณเพื่อทำการชำระเงิน แล้วคุณก็จะได้ค่าคอมมิชชั่น

5. Affiliate Up Sell Page หน้าเพจเพิ่มยอดการขายของตัวแทน ในหน้านี้คุณจะได้รับเงินค่าตอบแทนจากการขายผลิตภัณฑ์จากหน้าเพจของคุณ อันนี้จะเป็นในส่วนของ back-end product ที่ดีมาก ๆ จากการหารายได้ให้เพิ่มมากขึ้น

6. Email Sequence การตั้งค่าการส่งอิเมลเป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะมันส่งผลให้เห็นถึงข้อแตกต่างระหว่างการทำยอดขายผลิตภัณฑ์ได้เล็กน้อย กับทำยอดขายได้เป็นพัน ๆ รายการ เพราะเมื่อลูกค้ามาถึงหน้าที่ขายสินค้าแล้วพวกเขาอาจจะไม่ได้ทำการซื้อโดยทันที บางคนอาจจะใช้เวลาสักหน่อยในการตัดสินใจซื้อ หรือบางคนอาจจะขอข้อมูลของผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเพื่อทำการตัดสินใจซื้อ ด้วยขั้นตอนนี้จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าอย่างไรเสียลูกค้าก็ไม่มีทางที่จะลืมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณอย่างแน่นอน จุดประสงค์หลักของการตั้งค่าการส่งอิเมลก็เพื่อเป็นการเตือนความจำผลิตภัณฑ์ของคุณ ข้อที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งของระบบนี้คือมันจะทำการส่งออกอิเมลโดยอัตโนมัติตามเวลาที่ตั้งไว้ ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการด้วยตัวเอง

ข้อมูลเพิ่มเติม - บางอิเมลที่คุณส่งออกไปให้หาลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการแนะนำหรือเพื่อให้ลูกค้าได้ระลึกถึงโปรโมชั่นในส่วนของผลิตภัณฑ์หลังบ้านของคุณ (back-end) เพราะในระบบของคุณจะมีสองผลิตภัณฑ์ที่เป็นโปรโมชั่นหลังบ้าน ที่ใช้เป็นตัวเสริมให้กับผลิตภัณฑ์หน้าบ้าน (front-end) นั่นจะทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะด้วยกระบวนการนี้คุณสามารถตั้งค่าผลิตภัณฑ์ได้หลายตัวแทนที่จะเป็นตัวเดียว จะทำให้รายได้ของคุณมีศักยภาพมากไปอีกด้วย

บัญชี TikTok ของ Twinky Hustle

  • ชื่อบัญชี – twinkyhustle
  • จำนวนผู้ติดตาม – 212,500 คน
  • จำนวนผู้กำลังติดตาม – 23 คน
  • จำนวนการกดไลก์ – 808,700 ไลก์

Twinky Hustle ได้กล่าวว่า

“ฉันรู้ว่าหลายคนอาจสงสัย ว่าที่ฉันทำได้ทั้งหมดนี้ก็เพราะมีผู้ติดตามถึง 200,000 คน แต่อยากจะบอกว่า ตอนที่ฉันเริ่มตอนนั้นยังไม่มีอะไรเลย แม้แต่ผู้ติดตามทางสื่อโซเซียล พวกเราแทบจะไม่รู้วิธีการใช้ TikTok ด้วยซ้ำในตอนนั้น เพราะพวกเรายังไม่เคยมีสื่อโซเซียลมาก่อน พวกเราพึ่งจะมีบัญชี TikTok เมื่อสองเดือนที่แล้วเอง และสิ่งทีพวกเราทำก็แค่ขยันโพสต์ทุกวัน พวกเราผลิตเนื้อหาให้ออกมาน่าเชื่อถือ และตั้งแต่พวกเราขยันโพสต์ก็ทำให้บัญชีนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว”

การสร้างบัญชี TikTok ไม่ต้องใช้ทักษะหรือความชำนาญอะไรเลย แค่ต้องขยันโพสต์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพให้สม่ำเสมอ พยายามมองหาว่าผู้ติดตามของคุณพวกเขากำลังมองหาอะไร แล้วคุณก็หาสิ่งนั้นมาโพสต์เพื่อแก้ปัญหาในการค้นหาของพวกเขา

ทาง Twinky Hustle จึงได้ผลิตวิดีโอให้ออกมาเป็นที่สะดุดตาและทันสมัย เพื่อทำให้เกิดการกระตุ้นการซื้อ

การกระตุ้นให้เกิดการซื้อ

 

หลังจากที่ผู้เข้าชมคลิกที่ลิงก์ bio บนบัญชี TikTok ก็จะนำพวกเขาไปที่หน้าเพจที่แสดงอยู่ด้านบน ซึ่งบนหน้าเพจนั้นมีรายละเอียดของผลิตภัณฑ์อยู่นิดหน่อย ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรไว้มาก ซึ่งมีความเป็นไปได้มากว่าผู้เข้าชมย่อมมีความสนใจที่จะอยากรู้ข้อมูลมากขึ้น เพราะถ้าคุณไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากมายที่ตรงนี้ก็มีโอกาสสูงที่ขายได้มากขึ้น (ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เราได้เรียนรู้ถึงการทำกำไรต่อยอดธุรกิจโดยที่เราอาจจะไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน)

สร้างรายการเพื่อส่งข้อมูลทางอิเมล

จะปรากฏหน้าต่างแบบด้านบนขึ้นมาและพร้อมให้เราใส่ชื่อและอิเมลเพื่อกด enter ทำการส่งได้เลย ดังนั้นจะทำให้เข้าถึงหน้าถัดไป (เพื่อเชื่อมโยงไปอีกหน้าหนึ่ง) หลังจากป้อนข้อมูลลงในช่องทั้งสองที่แสดงขึ้นมา

ในขั้นตอนนี้ จะมีข้อมูลเกี่ยวกับการขายที่หน้าถัดไป นี่เป็นส่วนที่สำคัญมากส่วนหนึ่งของช่องทางการขาย เพราะคุณได้แนะนำให้ผู้เข้าชมได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ในแบบที่ลูกค้าต้องการซื้อสินค้าพอดี

และในหน้านี้จะมีภาพรวมที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

ในข้อความจะมีคำแนะนำสั้น ๆ ของผลิตภัณฑ์และบางข้อความจะเน้นไปที่การรับรองเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ในเครือของ Twinky Hustle: ท้าให้ลอง Dave Sharp ใน 15 วัน

 

Twinky Hustle กล่าวว่า:

“ท้าให้ลองผลิตภัณฑ์ Dave Sharp ใน 15 วัน กำลังฮอตมากในตอนนี้ และมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางดีมาก เพราะ ความท้าทาย 15 วัน จะเป็นการแนะนำและสอนคนถึงวิธีการเปิดตัวธุรกิจตัวแทนการตลาดแบบออนไลน์ทีละขั้นตอน เราทำการทดลองด้วยตัวเอง จึงทำให้รู้ว่านี่เป็นโปรแกรมที่ดีมากตัวหนึ่งที่จะสอนให้คนรู้ถึงวิธีการหาเงินออนไลน์ และยังช่วยลดปัญหาให้กับคนที่มีความตั้งใจแต่ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน”

โปรแกรมนี้จำนำผู้คนไปสู่กระบวนการง่าย ๆ ใน 15 วัน ที่จะสอนพวกเขารู้วิธีการสร้างกำไรจากการทำธุรกิจออนไลน์แบบ Affiliate ได้อย่างไร Twinky Hustle ได้ผลิตวิดีโอที่พวกเขาคิดว่าผลิตภัณฑ์นี้เปลี่ยนชีวิตพวกเขาอย่างไร และจะเปลี่ยนชีวิตผู้ชมได้อย่างไร กลยุทธ์ที่ดีคือการดึงบทเรียนจากชีวิตของคุณเพื่อให้คนอื่นรู้สึกเชื่อมโยงกับคุณ นี่คือวิธีที่พวกเขาจะสร้างความไว้วางใจในตัวคุณ และพวกเขาก็จะคลิกปุ่มเพื่อดูวิดีโอบนเพจของคุณ

หน้าเพจการขาย
 

หลังจากที่พวกเขาได้ดูวิดีโอแล้ว ก็จะปรากฏหน้าเพจการขายตามภาพข้างล่างนี้

ตามที่ Twinky Hustle กล่าว หน้าที่ของคุณในฐานะตัวแทนนักการตลาดจะเสร็จสมบูรณ์ที่หน้าเพจนี้ เนื่องจากหน้านี้เป็นหน้าที่ได้รับการปรับแต่งอย่างมืออาชีพซึ่งออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นจำนวนที่สมเหตุสมผล และในฐานะตัวแทนนักการตลาดอย่างคุณ ก็ไม่ต้องไปรับผิดชอบในส่วนของการบริการลูกค้าหรือเกี่ยวกับการจัดการภายในของผลิตภัณฑ์อีกต่อไป คุณมีหน้าที่ทำแค่ดึงคนเข้ามาในเพจแค่นั้น

การเพิ่มยอดขาย
 

ชุดผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างชุดท้าให้ลอง 15 วัน ที่ใช้สำหรับเพิ่มยอดขาย จึงเป็นที่มาของการขายแบบ high ticket ซึ่งเป็นแคมเปญนี้มีต้นทุนอยู่ที่ $7 ดอลลาร์ คุณอาจจะเริ่มสงสัยว่าผลิตภัณฑ์ราคาเท่านี้ ทำไมถึงเกิดเป็นรายได้มากถึงหลายพันดอลลาร์ นั่นก็เพราะพวกเขาจัดลำดับการเพิ่มยอดขายให้กับลูกค้าให้มีราคาอยู่ระหว่าง $700 ถึง $2,500 ดอลลาร์ จึงทำให้เหล่าตัวแทนการตลาดได้รับค่าคอมมิชชั่นอยู่ 40% ของราคาผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ที่ลูกค้าซื้อ

  • Front End - ต้นทุนผลิตภัณฑ์หน้าบ้านแคมเปญ ท้าให้ลอง 15 วัน อยู่ที่ $7 ดอลลาร์
  • Back End – ผลิตภัณฑ์หลังบ้านมีราคาสูงถึง $700 ถึง $2,500 ดอลลาร์

รายได้
 

Twinky Hustle กล่าวว่า

“เมื่อคุณได้รับหนึ่งพันดอลลาร์ต่อผลิตภัณฑ์ high ticket (ผลิตภัณฑ์ละ $2,500 ดอลลาร์ฯ) จากนั้นคุณก็ทำยอดขายอีกแค่สองสามยอดต่อเดือนนั่นก็ทำให้คุณอยู่ได้แล้ว”

ตัวอย่างเช่น ยอดขาย 10 รายการกับผลิตภัณฑ์ high ticket ของนักการตลาดระดับตำนานคือ $10,000 ดอลลาร์

สรุปยอดรายได้

  • Front End Product ผลิตภัณฑ์หน้าบ้าน — กำไร $2.8 ดอลลาร์ (กำไร 40% ของต้นทุน $7 ดอลลาร์
  • Back End Product ผลิตภัณฑ์หลังบ้าน — กำไร $1,000 ดอลลาร์ (ส่วนต่าง 40% ของราคา $2,500 ดอลลาร์)
  • รวมกำไรได้ — $1,002.8 ดอลลาร์
  • คิดเป็นสัดส่วน 16 ภายใน 2 เดือน — $16,048.00 ดอลลาร์ (ยอดขาย 8 ครั้งต่อเดือน)
  • ค่าใช้จ่าย — $0 ดอลลาร์
  • รายได้ — $16 044. 80 ดอลลาร์
  • ระยะเวลา — 8 อาทิตย์
  • รายได้ต่อสัปดาห์ — $2 005.60 ดอลลาร์

ถ้าคุณสามารถแปลงค่าได้ตามนี้ รับรองรายได้คุณเพิ่มขึ้นแน่นอน

บทสรุป

คุณสามารถหาเงินได้มากถึง $16,000 ดอลลาร์ ภายใน 2 เดือนด้วยผลิตภัณฑ์มีราคาสูง (เฉลี่ยแล้วมีรายได้ประมาณ $2,000 ดอลลาร์ฯ/สัปดาห์) แต่อย่างไรก็ดี การใส่ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงให้กับคนที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้าเราในอนาคตมากเกินไปไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดี ตัวอย่างที่มีให้เห็นอย่างข้อเสนอผลิตภัณฑ์ชุดท้าให้ลอง 15 วัน สำหรับตัวแทนนั้นถือว่าดีมาก เพราะด้วยราคาของผลิตภัณฑ์หน้าบ้านที่ต้นทุนตกอยู่ที่ $7 ดอลลาร์ฯ แต่ราคาขายของผลิตภัณฑ์หลังบ้านอยู่ที่ $2,500 ดอลลาร์ฯ จึงทำให้ราคา $7 ดอลลาร์เป็นตัวดึงดูดผู้ซื้อที่พร้อมจะจ่ายเงินให้กับผลิตภัณฑ์หลังบ้านที่ราคา $2,500 ดอลลาร์ฯ นี่จึงเป็นกลยุทธ์ที่นับว่าดีมาก ถ้าเราชักชวนให้ลูกค้าเข้าร่วมทดลองในผลิตภัณฑ์ที่ราคาถูกได้แล้วค่อยแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูงเป็นตัวพ่วงเพื่อเป็นการเพิ่มยอดขาย

อย่าลืมสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างรายชื่ออิเมลของลูกค้าเก็บเอาไว้เผื่อเวลาเรามีผลิตภัณฑ์ใหม่จะได้ส่งไปแนะนำให้พวกเขาได้รู้

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?