วันนี้เราจะแชร์กรณีศึกษาจาก ไมเคิล ซาเวียเยอ (Michael Xavier) ผู้ดูแลเว็บและบล็อกเกอร์ที่ตัดสินใจสร้างเว็บไซต์ที่แสดงเนื้อหาที่่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หลังจากที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการทำช่อง Youtube ชื่อ Income School เมื่อ 2 ปีก่อน ปัจจุบันเว็บไซต์ดังกล่าวสร้างรายได้ให้เขามากกว่า $10,000 ต่อเดือน และรับผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มากกว่า 390,000 เซสชันต่อเดือน
ในกรณีศึกษานี้ เราจะพูดถึงวิธีที่ไมเคิล สร้างเว็บไซต์นี้ที่เริ่มต้นจากศูนย์จนถึงจุดที่ทำให้เขามีเงิน 5 หลักต่อเดือนภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี และเคล็ดลับของเขาในการทำให้เนื้อหาเว็บไซต์ของคุณมีรายได้ถึง 6 หลักได้อย่างไร
ไมเคิล เริ่มทำบล็อกตอนปี 2020 เป็นโปรเจคเสริมหลังจากที่เขาค้นพบช่อง YouTube ที่ชื่อ Income School และนั่นเกิดแรงบันดานใจให้กับเขาในการหารายได้ออนไลน์ เขาเลือก niche เฉพาะกลุ่มกว้างๆ และตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างโดยเป็นเนื้อหาที่ให้ข้อมูลที่มีรายละเอียดเป็นหลัก ซึ่งคู่แข่งส่วนใหญ่ไม่ได้นำเสนอในสิ่งนี้
99% ข้อมูลเนื้อหาของไมเคิลค่อนข้างที่จะมีข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงมากๆ คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาชมเว็บไซต์ของเขาก็เพราะอยากจะได้เฉพาะข้อมูลที่พวกเขาต้องการ และพวกเขาไม่มีเหตุผลจำเป็นอะไรที่จะต้องสนใจหัวข้อ หรือเนื้อหาอื่นๆ ไมเคิลตั้งเป้าที่จะผลิตเนื้อหาขึ้นมาประมาณ 20 เรื่องต่อเดือน แต่ละเรื่องมีเนื้อหาประมาณ 1,400 คำ
ในตอนแรก ไมเคิลเขียนหัวข้อเองทั้งหมด แต่มาเร็วๆนี้ ไมเคิลเริ่มจ้างงานเขียนบางส่วนกับนักเขียนอิสระเพื่อเพิ่มเวลาและก็ทำให้มันเป็นธุรกิจจริงจังไปเลย ไมเคิลเคยมีเรื่องราวเจ็บปวดกับนักเขียนอิสระคนหนึ่ง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายังไม่กล้าที่จะจ้างงานเขียนจากข้างนอกได้ 100% เลย
“ผมเคยมีนักเขียนที่ฝีมือดีคนหนึ่ง คนที่ผมเคยให้ค่าจ่างล่วงหน้าราคา 9 เซ็นต์ต่อคำ นักเขียนคนนี้เขียนงานให้ผมได้ 20+ กว่าเรื่อง ซึ่งทำเงินให้ผม $100+ ต่อการโพสต์ 1 ครั้ง แล้วจากนั้นเขาก็เงียบหายทิ้งผมไปเลย ไม่ตอบอิเมล์ ไม่อะไรเลย ผมเป็นคนมีเหตุผลและยุติธรรมพอคนหนึ่ง และจะจ่ายให้เขามากกว่าเดิมด้วยถ้าติดต่อเขาได้ แต่การหาคนที่ความสามารถและจะรักษาเขาไว้ได้มันยากมากจริงๆ” ไมเคิล กล่าว
ส่วนที่ทำให้ไมเคิลนำหน้าคนอื่นอยู่ก็คือการเขียนเนื้อหาที่ไม่เหมือนใคร ในขณะที่คนอื่นในกลุ่ม niche เขียนแต่งานที่ซ้ำกับคนอื่น และก็มาสรุป 3 อันดับแรกเอาเอง สำหรับคีย์เวิร์ดที่พวกเขาต้องการในภายหลัง แต่สุดท้ายเนื้อหาของพวกเขาก็จบลงคุณภาพปานกลางในหน้าเพจ ๆ หนึ่งแค่นั้น
ไมเคิลได้เจาะลึกไปถึงการแก้ปัญหาที่แท้จริงของปัญหาที่เจอ เพื่อที่จะสรุปออกมาให้ชัดเจน เขาทำการวิจัยเยอะมากผ่านช่อง Youtube และในทางกลับกัน เนื้อหาของเขาได้จะได้รับเวลาเฉลี่ย 7 นาที และ 20 นาที ต่อเซสซั่น
ตอนเริ่มต้นไมเคิลเลือก niche เฉพาะกลุ่มกว้างๆ ทำให้เขาได้เปรียบมากมายจากการมีคีย์เวิร์ดของคู่แข่งน้อยมากๆ แลกกับจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเขา เขายอมรับว่า เขาใช้เวลาแค่ 20% ในการทำวิจัยคีย์เวิร์ด
ไมเคิล กล่าวว่า “ผมใช้เวลาไป 3 วัน กับการทำรายการขึ้นมา ขัดเกลาเนื้อหา และจัดลำดับความสำคัญ ในการค้นหาคีย์เวิร์ด และแยกหน้าหนึ่งเพื่อที่จะดูว่าผมจะสามารถทำให้มันได้ดีกว่านี้/ให้มันติดอันดับได้ไหม ผมใช้ความคาดเดาล้วน ๆ และผมพนันได้เลยว่า คนที่ทำการวิจัยคีย์เวิร์ด ส่วนมากพวกเขาไม่ได้เจาะลึกลงไปจริงๆ ถ้าคุณกำลังใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการเขียน และคุณต้องมั่นใจว่ามันให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดกับการลงทุนเวลาไป”
จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของไมเคิล มาจากการค้นหาคีย์เวิร์ดล้วนๆ เฉพาะในเดือนมกราคา ปี 2022 เดือนเดียวเว็บไซต์ของเขามีผู้เข้าชมถึง 397,000 ครั้ง และมีการเข้าชมเพจอีก 435,000 ครั้ง แค่กลางปี 2020 เว็บไซต์ของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว เขาเคยมีคนเข้าชมเว็บไซต์แค่ 2,500 ครั้งต่อเดือน เฉลี่ยประมาณ 82,000 ครั้ง ในกลางปี 2021
เขายอมรับว่าในขณะที่ ahhrefs กล่าวหาว่าเว็บไซต์ของเขามี 6000 ลิงค์ย้อนกลับ (backlink) โดยที่เขาไม่เคยสร้างหรือจ่ายเงินสำหรับ backlink ใดๆ เลย หรือแม้แต่การโพสต์ของผู้เข้าชมก็ตาม
ปัจจุบันนี้ เว็บไซต์ของไมเคิลทำรายได้ที่มั่นคงถึง 5 หลัก/เดือน ในเดือนธันวาคม ปี 2021 เขาทำเงินได้ $17,000 และต่อมาในเดือนมกราคมปี 2022 เขาทำเงินได้อีก $13,000 รายได้หลักๆ ของเขามาจากโฆษณา เนื่องจากเว็บไซต์ของเขาส่วนใหญ่มีเนื้อหาที่ให้ข้อมูลจริงๆ มากกว่าแค่เนื้อหาส่งเสริมการขาย รายได้จากบัญชีตัวแทนทางการตลาดทำเงินให้เขา 5% ในทุกๆ เดือน
เขาใช้ Adthrive ในการสร้างรายได้จากโฆษณา และ Amezon Associates สำหรับ การตลาดแบบ affiliate และสำหรับตัวเขาเองก็คงยังเป็นนักเขียนต่อไปเพื่อรักษาเนื้อหาให้มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
“ผมฝันถึงการทำเงินออนไลน์แค่ไม่กี่ร้อยดอลล่าแค่ 365 วัน แต่การเติบโตแบบก้าวกระโดนอย่างพวกเรามันเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจอย่างมาก พอมันเกิดขึ้นจริงๆ ก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็ทำให้เรามีประสบการณ์ และได้เห็นประสบการณ์ของคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน มันเห็นได้ชัดเจนเลยว่าถ้าเนื้อหาของคุณแข็งแรงกว่าของใครๆ ก็มีโอกาสที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วกับ Google สำหรับผม ผมใช้เวลาเกือบ 2 ปี มากกว่า 200 โพสต์กว่าจะได้เติบโต” ไมเคิล กล่าว
แผนของไมเคิลสำหรับไซต์ในปี 2022 คือการทำแบบเดียวกันนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม เป้าหมายของเขาคือการโพสต์ให้ได้ 20 โพสต์ต่อเดือน ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนที่เขียนเนื้อหาเอง เขาพยายามปรับขนาดเพิ่มขึ้นกับนักเขียนบล็อกเกอร์อย่าง Fivver, Upwork และนักบล็อกเกอร์อย่าง P and Pro แต่มันก็ไปได้ไม่ดีนัก ดังนั้น แทนที่เขาจะใส่เนื้อหาต่างๆ ที่ไม่มีประโยชน์บนไซต์ของเขา เขาวางแผนที่จะเขียนเพื่อตัวเขาเอง เพื่อรักษาเนื้อหาที่มีคุณภาพตลอดไป
ไมเคิลมั่นใจมากกว่าการเขียนบล็อกยังคงใช้ได้อยู่ ผลิตเนื้อหาออกมาทุกเดือน เพราะผู้คนต้องการความสม่ำเสมอ ยึดตามตารางเวลา ไม่ต้องไปกังวลเรื่องเงิน ถึงเวลามันก็มาเอง คุณไม่สามารถที่จะไปควบคุมได้ว่าเมื่อไหร่คุณต้องได้เท่าไหร่ สิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้คือการผลิตเนื้อหาดีๆ มีคุณภาพออกมาก็พอ
นอกเหนือจากนี้ เมื่อพูดถึงแพลตฟอร์มโฆษณา เขาแนะนำให้คนพยายามลองใช้ทางเลือกอื่นนอกเหนือจาก AdSence เพราะให้ค่าตอบแทนน้อยเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ เขาแนะนำ Ezoic สำหรับจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์ที่ไม่มาก แนะนำ Mediavine สำหรับรับจำนวนผู้เข้าชมต่อเดือนที่ 50,000 เซสซั่น และแนะนำ AdThrive สำหรับจำนวนคนเข้าชม 100,000 เซสซั่นขึ้นไป
บทสรุป
ด้วยการผลิตคอนเท้นท์ออกมาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เว็บไซต์ของไมเคิลเติบโตขึ้นมีรายได้จาก 0 ถึง $100,000 ต่อเดือน ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีแค่นั้น เว็บไซต์ของเขาเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่เขาเพิ่มคอนเท้นท์มากมายใว้บริการให้กับ niche ของเขา และความตั้งใจของเขาตอนนี้คือ อยากให้มีผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเขาถึงล้านคนต่อเดือน
ความสำเร็จแบบนี้ใครๆ ก็เลียนแบบได้ง่ายๆ ทั้งหมดที่ต้องการคือความพยายามที่จะผลิตเนื้อหาให้มากขึ้นทุกเดือน