24 มีนาคม 2023 0 316

จะดีแค่ไหน ถ้าได้ใช้ชีวิตท่องเที่ยวอยู่ในเรือ ใช้เวลาทำงานสัปดาห์ละ 10 ชั่วโมง และยังมีรายได้เลี้ยงชีพถึง $760,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ปี

คุณแม่วัย 33 ปี มิเชลล์ ชโรเดอร์-การ์ดเนอร์ (Michelle Schroeder-Gardner) ลาออกจากงานประจำเมื่อปี 2013 เพื่อมาเป็นนักบล็อกเกอร์ หลังจากที่ได้เปิดตัวเว็บไซต์บล็อกการเงินและไลฟ์สไตล์ของตัวเองชื่อ Making Sense of Cents ในปี 2013 จนมาถึงวันนี้ก็ 11 ปีแล้วที่เธอทำบล็อกมา ทำให้เธอมีรายได้ต่อปีมากถึง $760,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ตัวเองพักอาศัยอยู่ในเรือใบเพื่อท่องเที่ยวไปทั่วโลกและยังใช้เวลาในการทำงานเพียงแค่ 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ในบทความนี้ เราจะนำเรื่องราวของเธอมาแบ่งปันจากการสัมภาษณ์จากทีมงาน CNBC โดยเรื่องราวจะเริ่มตั้งแต่ทำบล็อกไปจนถึงจุดที่ได้ใช้ชีวิตในฝันของผู้ประกอบการออนไลน์ทุกคนอยากเป็น  

มิเชลล์ เล่าว่าเธอเริ่มทำบล็อกการเงินและไลฟ์สไตล์ของเธอในปี 2011 เว็บไซต์ของเธอชื่อ Making Sense of Cents ตอนนั้นเธอยังไม่รู้เลยว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ตอนนั้นเธออายุ 22 ปี เธอทำงานเป็นนักวิเคราะห์ทางด้านการเงินมีรายได้ปีละ $40,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่รายได้ของเธอก็ยังไม่พอใช้หนี้ทุนการศึกษาที่เธอกู้ยืมมา

เธอเล่าว่า เพราะหนี้สินของเธอเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทำไมเธอถึงเริ่มทำบล็อก เธอต้องการให้คนอื่นได้รู้ถึงขั้นตอนการบริหารการเงินที่เป็นเป้าหมายหลักจนทำให้เธอสามารถที่จะเคลียหนี้การศึกษาได้จนหมด

สิบเอ็ดปีผ่านไป มิเชลล์ยอมรับอย่างมีความสุขว่าเว็บไซต์ของเธอเติบโตเกินกว่าความฝันที่เธอตั้งใจไว้มาก และห้าปีให้หลังทำให้เธอมีรายได้เฉลี่ย $760,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ปี จากรายได้แบบ passive income ด้วยการให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเริ่มในการลงทุน เกี่ยวกับข้อมูลทางการเงินที่เธอใช้ และวิธีการรับมือกับการตัดสินใจในเรื่องการเงินอื่นๆ

“ฉันและสามี พวกเราก้าวข้ามปัญหาการเงินกันมาได้แล้ว และมีเงินเก็บมากพอกับชีวิตหลังเกษียณ มันจึงทำให้ฉันใช้ชีวิตตามอุดมคติที่ฉันอยากใช้ ฉันทำงานแค่สัปดาห์ละ 10 ชั่วโมง และยังได้ท่องเที่ยวไปด้วยกับเรือใบคู่ใจ ได้ไปดำน้ำในที่ที่อยากไป ไปปีนเขา และเหนืออื่นใด พวกเราได้ใช้เวลาอยู่กับลูกสาวที่น่ารักวัย 6 ขวบอีกด้วย” มิเชลล์กล่าว

ด้วยรายได้ของมิเชลล์ทำให้เธอและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอยู่บนเรือใบท่องเที่ยวไปได้ทั่วโลกตามใจที่เธอต้องการ

จุดเริ่มต้นของการทำบล็อก
 

มิเชลล์เล่าว่า เธอเริ่มเขียนบล็อกเป็นงานอดิเลก หลังจาก 6 เดือนที่เริ่มเขียนบล็อก เพื่อนของเธอติดต่อบริษัทที่เขาต้องการสนับสนุนนักเขียนให้เขียนบทความโพสต์ให้กับบริษัท

“ฉันได้รับค่าจ้างจากบริษัท $100 ดอลลาร์เพื่อให้ดึงคนเข้าเว็บไซต์ให้ไห้ 50,000 คนต่อเดือน” —มิเชลล์กล่าว

 

หลังจากที่มิเชลล์ได้รับเงินค่าจ้างก้อนแรก เธอก็เริ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากบล็อกเกอร์คนอื่นๆ ว่าเขาหาเงินจากบล็อกของพวกเขาอย่างไร เธอโพสต์บล็อกของเธอบ่อยขึ้นและตั้งค่าปล่อยพื้นที่ให้เช่าโฆษณาบนเว็บไซต์ แต่เธอก็ยังคงเขียนโพสต์ให้บริษัทที่จ้างเธอ โดยได้ติดต่อกับแบรนด์ต่างๆ ที่เธอเห็นบล็อกเกอร์คนอื่นๆ ทำงานกับแบรนด์เหล่านั้น

มิเชลล์ใช้เวลาแค่ 2 ปี จนทำให้เธอมีรายได้ $5,000 ถึง $10,000 ดอลลาร์ต่อเดือน ทำให้เธอมีรายได้มากว่างานประจำที่เธอทำอีก จึงทำให้เธอมีเงินไปใช้หนี้การศึกษาที่เธอค้างอยู่ จากนั้นก็ลาออกจากงาน แล้วผลันตัวเองมาทำบล็อกแบบเต็มตัว

ในช่วงสองปีแรก เธอโฟกัสไปที่องค์ประกอบของธุรกิจการทำบล็อกและโพสต์ทุกวัน และเธอยังได้โพสต์บทความของนักเขียนคนอื่นในบล็อกของเพื่อนเธอด้วย

ทำให้ปัจจุบันนี้เธอมีผู้ติดตามสื่อโซเซียลอย่าง Facebook ของเธอมากกว่า 110,000 คน และบน Pinterest อีกกว่า 161,000 คน เธอยังได้จัดทำบัญชีรายชื่ออิเมลเป็นเวลากว่าหลายปี จนตอนนี้มียอดอิเมลสมาชิกมากกว่า 130,000 ราย

มิเชลล์ยังได้ทำช่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับรายได้เพิ่มอีกหลายช่อง เพื่อเป็นการยกระดับให้กับผู้ชมของเธอ ในปี 2016 เธอปล่อยหลักสูตรแรกเกี่ยวกับการทำบล็อก มาปัจจุบันนี้เธอใช้เวลาในการเขียนงานของเธอน้อยกว่า 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และเธอโพสต์บทความของเธอเพียงสัปดาห์ละครั้งถึงสองครั้งแค่นั้นเอง แต่ก็ทำให้เธอมีรายได้รวมในห้าปีหลังถึง $4,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯเลยทีเดียว

ใช้เว็บไซต์หาเงิน

มิเชลล์กล่าวว่า แม้ว่าจะหาเงินได้จากการทำบล็อกก็ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ต้องทำงาน เพราะยังไงคุณก็ยังต้องคอยบบริหารจัดการด้านบัญชีของธุรกิจคุณอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำยังไงให้เว็บไซต์ยังคงดำเนินการอยู่ การผลิตเนื้อหาใหม่ๆ ซึ่งคุณสามารถจัดการเรื่องพวกนี้เอาไว้ล่วงหน้าได้แล้วก็ปล่อยให้ตัวเว็บไซต์หาเงินให้คุณใช้ได้เป็นปีๆ ในขณะที่การบำรุงรักษาก็เล็กน้อยเสียเหลือเกิน

มิเชลล์มีรายได้หลักจากเว็บไซต์ 3 ทาง ได้แก่:

  • รายได้จากการเป็นตัวแทนทางการตลาดหรือ (Affiliate marketing)
  • ขายหลักสูตรออนไลน์ (Course sales)
  • ให้เช่าพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ (Display advertising)
  • รายได้จากการเป็นตัวแทนทางการตลาดหรือ (Affiliate marketing)

มิเชลล์เล่าว่า รายได้จากเว็บไซต์ของเธอ 50% คือค่าคอมมิชชั่นจากการเป็นตัวแทนทางการตลาด

“ฉันได้รับเงินจากการที่มีคนคลิกซื้อสินค้า หรือนำคนไปที่แบรนด์ของพาร์ทเนอร์ผ่านลิงก์ที่อยู่ในบล็อกของฉัน — รวมถึงรายได้จากโพสต์ต่างๆ ที่ฉันเขียนเอาไว้หลายปีมาแล้ว แต่ยังคงได้เงินจาก Google ผ่านช่องทางโซเซียลต่างๆ และจากบล็อกส่วนตัวของฉันอีก”

  •  ขายหลักสูตรออนไลน์

มิเชลล์กล่าวว่า 20% ของรายได้จากเว็บไซต์ของเธอมาจากการขายหลักสูตรออนไลน์ ซึ่งเธอทำหลักสูตรสอนการทำบล็อกออกมา 2 หลักสูตร เพื่อขายให้กับลูกค้าในบล็อกของเธอ และยังมีค่าสมาชิกทางอิเมลอีกจาก Making Sense of Affiliate Marketing ซึ่งคิดค่าสมาชิกที่ $197 ดอลลาร์สหรัฐฯ และจากโพสต์ของพาร์ทเนอร์ผู้สนับสนุน (Making Sense of Sponsored Posts) ที่ราคา $159 ดอลลาร์สหรัฐฯ

รายได้จากสองหลักสูตรออนไลน์ที่มิเชลล์ทำไปสร้างรายได้มากกว่า $1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อปี 2106

มิเชลล์ทำช่องขายหลักสูตรบน Teachable เธอลงมือทำเองทุกอย่างทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเขียนหลักสูตร บันทึกขั้นตอนการทำงานทุกอย่าง ยกเว้นสิ่งเดียวที่เธอไม่ได้ทำคือ จ้างฟรีแลนซ์ออกแบบกราฟฟิก
 

  • ให้เช่าพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ (Display advertising)

อีกหนึ่งช่องทางในการหาเงินที่ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมากเหมือนการทำบล็อกคือ มีพื้นที่ให้วางโฆษณาได้ ซึ่งมิเชลล์ได้ประโยชน์มากจากส่วนนั้น เธอได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการปล่อยพื้นที่หน้าเว็บไซต์ของเธอให้กับโฆษณาแบบดิสเพลย์ของหลายแบรนด์ผ่าน Adthrive มิเชลล์จะได้รับจ่ายเงินแบบอัตโนมัติ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผู้อ่านเห็นหรือคลิกที่โฆษณาที่อยู่ในบล็อกของเธอรายได้ของเธอก็เกิดขึ้นทันที


เคล็ดลับสำคัญจากมิเชลล์ในฐานะบล็อกเกอร์สำหรับการหารายได้แบบ passive income
 

นอกจากรายได้จากการทำบล็อกแล้วมิเชลล์พยายามทุกวิธีทางที่จะหาเงินให้มากขึ้นเสมอ เธอและสามีจึงได้ลงทุนในหุ้นและได้เปิดบัญชีเงินลงทุนในธนาคารเพื่อเป็นเงินสำหรับเกษียณอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม บล็อกที่เธอทำก็ยังเป็นรายได้หลักที่หาเงินได้มากสุดของเธอ

เนื่องจากว่าเธอใช้ชีวิตและเดินทางโดยอาศัยอยู่บนเรือใบเป็นส่วนใหญ่ เธอจึงไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ขณะที่อยู่บนเรือจึงไม่สามารถที่จะทำงานได้สม่ำเสมอ ถ้าไม่ใช่เพราะรายได้ที่เธอหาได้ เธอและครอบครัวคงไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตได้มี่ความสุขเพลิดเพลินแบบนี้ได้

สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณหาเงินได้จากการทำคอนเทนต์

1. เขียนในสิ่งที่พูด

ในเว็บ Making Sense จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเงิน มิเชลล์จะใช้คำและภาษาเพื่อให้อ่านและเข้าใจง่ายขึ้น ดังนั้นแม้คนธรรมดาที่ได้อ่านจึงรู้สึกเหมือนได้เรียนรูอะไรในสิ่งที่ไม่เคยรู้ มากกว่าที่จะรู้สึกสับสนหรือไม่มีความรู้เลย จึงทำให้คนเหล่านี้รู้สึกว่าอยากจะแบ่งปันความรู้เหล่านี้เลยเลือกที่จะแชร์ให้กับเพื่อนๆ ของพวกเขาได้รู้

อย่างที่บอกเคล็ดลับในการเขียนให้ใส่ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังคุยกับเพื่อนที่นั่งอยู่ร้านกาแฟ ดังนั้น คุณต้องมั่นใจว่าภาษาที่คุณใช้ในสื่อโซเชียลจะต้องดึงดูดและเป็นกันเองเป็นคำไม่ซับซ้อน

2. มีรายได้จากหลายทาง

ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการเป็นตัวแทนทางการตลาดอย่าง Affiliate marketing การปล่อยพื้นที่บนหน้าเว็บให้เช่าโฆษณา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งรายได้ที่ให้ผลตอบแทนดีอย่างการขายผลิตภัณฑ์ดิจิตอล

การมีรายได้หลายทางจะช่วยให้คุณไม่ต้องพึ่งรายได้ทางเดียว เพราะจะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงจากสภาพคล่องทางการเงินอีกด้วย

3. โพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ

ในขณะที่บล็อกผลงานเก่าๆ ยังคงทำเงินให้คุณไม่ขาดสาย แล้วมันจะดีแค่ไหนถ้าคุณมีเนื้อหาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย เพราะมันจะช่วยทำให้ดึงดูดนักอ่านหน้าใหม่หรือช่วยเพิ่มผู้ติดตามให้คุณอยู่ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาลูกค้าเก่าของคุณเอาใว้ได้ด้วย

4. ต้องเป็นที่พึ่งให้นักอ่านและลูกค้าได้

แม้ว่าแนวคิดนี้คือการทำให้นักอ่านทั้งหลายเกิดความสนใจให้มาที่บล็อกของคุณ แต่คุณก็ต้องทำให้พวกเขาเกิดความเชื่อมั่นจนรู้สึกอยากซื้อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับคำแนะนำของคุณ

ในเนื้อหาต้องประกอบไปด้วยสิ่งที่คนต้องการรู้มากกว่าคำถามที่พวกเขามีสำหรับเรื่องใหม่ เพราะฉะนั้นคุณต้องค้นคว้าหาข้อมูลว่าตอนนี้อะไรกำลังเป็นเทรนด์อยู่ พร้อมทั้งใส่คำแนะนำที่ผู้อ่านสามารถที่จะนำไปใช้ได้ทันที และสุดท้ายนี้ คุณต้องมีความเชื่อที่จะให้การสนับสนุนกับสิ่งที่คุณขายอย่างจริงจัง

สรุป

มิเชลล์ทิ้งงานที่มีรายได้ทั้งปีแค่ $40,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อมาทำบล็อกของตัวเองจนมีรายได้ทั้งปีมากถึง $730,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปีอย่างเว็บ Making Sense of Cents เป็นบล็อกที่ช่วยให้เธอมีเงินใช้หนี้จากการกู้ยืมเพื่อการศึกษาเกือบ $40,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 7 เดือนเท่านั้น และตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็ 11 ปีแล้วที่เธอได้ทำบล็อกมา ทุกวันนี้เธอและครอบครัวอาศัยอยู่ในเรือใบเป็นหลักและยังได้ท่องเที่ยวไปตามที่ใจฝัน แถมยังใช้เวลาทำงานเพียงแค่ 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นฝันที่หลายๆ คนปรารถนา

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?