วันนี้เดี๋ยวทางเราจะมาแบ่งปันกรณีศึกษาของ คุณมายา พอร์ตอเรียล (Maya Portorreal) ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซที่สร้างรายได้ไปมากกว่า $350 000 เมื่อปีที่แล้ว โดยการขายเครื่องประดับผ่านร้านค้าออนไลน์ของเธอเอง
ก่อนที่จะเข้าสู่วงการธุรกิจออนไลน์ Maya Portorreal ทำงานเป็นผู้ช่วยค้าปลีกให้กับแบรนด์เครื่องแต่งกายสุดหรูที่มีชื่อว่า “Pierre Hardy” ในรัฐนิวยอร์กซิตี้ ตอนนั้นก็ได้เงินแค่ $45,000 ต่อปี เมื่อปีที่แล้วเธอมียอดขายมากกว่า $350,000 จากธุรกิจเครื่องประดับออนไลน์ของเธอ ซึ่งเธอก็ได้มาทำเป็นอาชีพเสริมในปี 2019
คุณมายาได้เล่าว่า เธอมีผิวที่บอบบางแพ้ง่าย ซึ่งอาการจะเกิดกับชิ้นส่วนเครื่องประดับทองเหลืองจึงเป็นเหตุให้เธอเริ่มหาแบรนด์เครื่องประดับที่ใช้วัสดุที่เหมาะกับสภาพผิวของเธอ และจากความสำเร็จนี้ก็ต้องขอบคุณผิวที่บอบบางของเธอด้วย
โดยคุณมายาใช้เวลาอย่างมากในการช่องว่างทางการตลาด ซึ่งก็ได้พบว่าเครื่องประดับต่างๆ ที่หลายๆ คนนิยมใช้ ไม่ว่าจะมีระดับสูง ทั้งราคาแพงมากหรือราคาถูก ส่วนใหญ่ก็ยังถูกผลิตมาจากวัสดุที่มีราคาถูก มันก็เลยทำให้เธอเกิดอาการมีผื่นคัน เธอไม่สามารถซื้อเครื่องประดับราคาแพงและก็ยังสวมใส่เครื่องประดับทองเหลืองหรือทองแดงไม่ได้อีกด้วย
"ฉันเป็นคนที่มีผิวที่บอบบางมากๆ ทำให้สวมใส่เครื่องประดับที่ทำมาจากทองเหลืองไม่ได้เลย แถมยังใส่ทองแดงมากเกินไปก็ไม่ได้อีก" คุณมายาบอก
คุณมายาจึงตัดสินใจหันมาเปิดแบรนด์บูติกเป็นของตัวเอง ในชื่อ “Kitten Co.” เครื่องประดับราคาไม่แพงที่ผลิตมาจากวัสดุที่เป็นมิตรกับผิวหนัง ไอเดียทั้งหมดนี้เกิดมาจาก ความคับข้องใจและปัญหาของเธอเอง ซึ่งเธอก็เชื่อว่า ยังมีคนอื่นอีกมากมายที่กำลังเผชิญปัญหาเดียวกันกับเธออยู่ ดังนั้นคุณมายาจึงใช้เงินที่เก็บสะสมจำนวน $2,000 มาใช้เริ่มต้นทำแบรนด์เป็นของตัวเองตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น โดยเธอจะติดต่อกับซัพพลายเออร์และผู้ผลิตเพื่อขอความช่วยเหลือในการเปลี่ยนไอเดียของเธอให้กลายเป็นสายผลิตภัณฑ์เครื่องประดับที่ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง
สำหรับแบรนด์เครื่องประดับ เธอได้เปิดเป็นร้านค้าออนไลน์ และใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์เครื่องประดับของเธอเอง จะโปรโมทโดยการเล่าเรื่องราวว่า แบรนด์นี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง อีกทั้งยังได้ทำการติดต่อกับเหล่าอินฟูลเอนเซอร์ในโซเชียลออนไลน์ เพื่อร่วมมือกันนำเสนอเครื่องประดับของเธอในรูปแบบโพสต์ ซึ่งตอนนี้ร้านของเธอก็สร้างรายได้ไปมากกว่า $30,000 ต่อเดือนแล้ว นับเป็นกำไร $15,000 ถึง $20,000 ต่อเดือนเลย
หลังจากที่แบรนด์ของเธอเปิดตัวขึ้น ก็ได้เกิดเทรนด์ที่ใหญ่ที่สุดเมื่อปีที่แล้ว โดยมีแร็ปเปอร์คนนึงชื่อว่า “Saweetie” เขาได้สวมสร้อยคอ Jewelry’s Maiko butterfly ของ Kitten Co. ในมิวสิกวิดีโออย่างเป็นทางการของเธอเอง "Best Friend" กับเพื่อนแร็ปเปอร์ Doja Cat ซึ่งกลายเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก — และในที่สุดก็สายสร้อยคอผีเสื้อของคุณมายาก็ถูกเปิดเผยต่อสายตาชาวโลก จนทำให้เกิดเป็นเทรนด์นี้ขึ้นมาได้
คุณมายาบอกว่า เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะทำเงินได้เยอะขนาดนี้
“ฉันไม่เคยคิดว่า มันจะเกิดขึ้นเร็วมากขนาดนี้" คุณมายาได้กล่าวไว้"
คุณมายาทำงานที่ Pierre Hardy ได้ไม่ถึงสองเดือน เมื่อเธอได้แชร์ไอเดียในการเริ่มต้นสร้างแบรนด์ของตัวเองกับเพื่อนๆ ซึ่งตอนนั้นพวกเขาก็น่าจะคิดว่าเธอบ้าไปแล้ว บางทีตอนนี้ก็อาจจะยังคิดว่าฉันยังบ้าอยู่ก็ได้ เพราะฉันสามารถประสบความสำเร็จในด้านนี้ได้จริงๆ
คุณมายายังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า จิตวิญญาณการเป็นผู้ประกอบการของเธอได้รับแรงบันดาลใจส่วนใหญ่จาก คุณลุงและคุณปู่ของเธอ โดยทั้งสองมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตัวเอง ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับความท้าทายในการเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง และ Kitten Co. ถือเป็นความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ อย่างน้อยก็เป็นรายได้เสริม
โมเดลธุรกิจ:
คุณมายาเริ่มก่อตั้ง Kitten Co. ด้วยรูปแบบ Private Label โดยเธอจะติดต่อกับทางผู้ผลิตเครื่องประดับเพื่อใส่ชื่อแบรนด์ของเธอลงไปในโมเดลที่ให้ไป ในปัจจุบันแบรนด์ของเธอนั้นได้ขายผลิตภัณฑ์มากกว่า 150 ชนิด รวมไปถึง แหวน ต่างหู ที่ครอบหู สร้อยคอ และกำไลข้อเท้า ซึ่งสินค้าบางรายการยังคงเป็นรายการฉลากส่วนตัว แต่ตอนนี้เธอยังสร้างการออกแบบเครื่องประดับของเธอเองโดยใช้โปรแกรมออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์
ในการแก้ปัญหาผิวบอบบางของเธอคุณมายาบอกว่า เธอค้นพบวิธีแก้ปัญหา โดยจะใช้วัสดุเงินบริสุทธิ์อย่างน้อย 92.5% — เคลือบกับโรเดียม ซึ่งเป็นโลหะที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งจะเคลือบด้วยเงินเพื่อการปกป้องและความเงางามได้เป็นพิเศษ การเคลือบผิวนี้เป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันการระคายเคืองผิวจากเครื่องประดับได้ ซึ่งมันเป็นปัญหาที่ผู้คนนับล้านเลย
วิธีการนำผลิตภัณฑ์ออกมาตีตลาด
คุณมายายอมรับว่าในช่วงเดือนแรกๆ เธอแทบจะขายสินค้าไม่ได้เลย แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเธอเลือกที่จะใช้วิธีร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์เพื่อทำการตลาด ธุรกิจของคุณมายาเริ่มได้รับความสนใจ นับตั้งแต่ที่เธอเริ่มส่งข้อความถึงอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลออนไลน์โดยตรง ซึ่งพวกเขาก็มีผู้ติดตามจำนวนมาก — เหล่าครีเอเตอร์ที่ทำคอนเทนต์สไตล์ตรงกับแบรนด์ของเธอ ซึ่งบางคนก็ตกลงที่จะร่วมงานกับเธอเอง
จุดสังเกตแรกที่เธอเห็นหลังจากที่ได้เปิดตัวแบรนด์และได้รับความสนใจคือ ผลิตภัณฑ์ของเธอมีราคาต่ำกว่าตลาด เธอขายผลิตภัณฑ์ของเธอในราคา $18.99 ในตอนแรก แต่กลับมีความต้องการสูงมาก จนเธอต้องปรับราคาจาก $30 สำหรับสินค้าประเภทแหวน จนถึง $250 สินค้าประเภทสร้อยคอ
คุณมายาบอกว่า จิ๊กซอชิ้นสุดท้ายที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จคือ การเข้าคอร์สเรียนออนไลน์ เรียนรู้เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการ Abu Fofanah เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีสร้างแคมเปญโฆษณาบน Facebook การเขียนคำอธิบายภาพ และการกำหนดเป้าหมายลูกค้าที่มีศักยภาพอีกครั้งเพื่อให้เกิดการสร้างการรับรู้แบรนด์อยู่ตลอดเวลา
"คอร์สนี้ทำให้ธุรกิจของฉันเติบโตขึ้นถึงจุดที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ถึงแม้คอร์สนี้จะมีราคา $3,000 แต่มันทำให้ตอนนี้ฉันได้รับเงิน $700,000 ได้ โฆษณาบน Facebook กลายเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจของฉันไปแล้ว ซึ่งฉันไม่สามารถทำงานได้โดยขายเครื่องมือชิ้นนี้" คุณมายาได้กล่าวเอาไว้
จากอาชีพเสริมข้างทางสู่รายได้หลัก
ในเดือนที่สี่ของการทำธุรกิจ คุณมายาบอกว่า ยอดขายได้ลดลงจาก $0 เป็น $500 — และจากนั้น $500 ก็เพิ่มเป็น $1,000 อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่เดือนต่อมาที่เธอได้เห็นยอดขาย $10,000 ต่อเดือน และหลังจากปีแรก เธอทำยอดขายทั้งหมดได้ประมาณ $250,000 เลย
ณ จุดๆ นี้คุณมายาได้รับรายได้มากกว่าที่เธอได้รับในงานประจำของเธอ แต่อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่ได้ลาออกจากที่ทำงานประจำเลยเลย เหตุผลหลักๆ ที่เธอไม่ลาออกก่อนเวลาอันควรเป็น เพราะเธอได้นำเงินที่ได้จากการขายเครื่องประดับกลับมาลงทุนในธุรกิจอีกครั้ง โดยเธอจะใช้เวลาในช่วงพักกลางวันมาพูดคุยกับผู้ผลิตและอินฟลูเอนเซอร์ และใช้เวลาช่วงเย็นในการรับออเดอร์ที่บ้านครอบครัวของเธอในนิวเจอร์ซีย์ นั้นก็แปลว่าเธอใช้เวลาทั้งคืนในการบรรจุเครื่องประดับในกล่องพัสดุ
ในที่สุด คุณมายาก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำในปี 2020 ในปีนั้นบริษัทของเธอมียอดขายรวม $472,000 ซึ่งในธุรกิจของเธอมีรายได้เพิ่มเป็นสองเท่าของปีแรก
ในปี 2021 ผู้ผลิตหลักของเธอได้หยุดดำเนินงาน เนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด -19 ทำให้ยอดขายของเธอลดลงเหลือ $350,000 คุณมายาบอกว่า เธอก็หาผู้ผลิตรายใหม่ได้แล้ว แต่สถานการณ์ดังกล่าวยังคงส่งผลกระทบต่อยอดขายของเธออย่างต่อเนื่อง
คุณมายากล่าวว่า เธอวางแผนที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อีก 150 รายการ โดยเธอจะสร้างสินค้าในรูปแบบใหม่ที่จะแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ และยังมาแนะนำหมวดหมู่สินค้าใหม่อีกด้วย เช่น เครื่องประดับของผู้ชาย
"ฉันชอบที่นำเสนอตัวเลือกมากมายสำหรับลูกค้าทุกคน เพื่อค้นหาสิ่งที่พวกเขาชอบ เพื่อค้นหาสิ่งที่เหมาะกันตัวพวกเขาเอง ผ่านสไตล์ของฉัน" เธอได้กล่าวไว้
สรุป
คุณมายาสามารถเปลี่ยนปัญหาของเธอให้กลายเป็นกิจการออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จซึ่งตอนนี้สร้างรายได้ไปมากกว่า $350,000 ต่อปีเลยทีเดียว ทั้งหมดนี้เธอเริ่มต้นจากการทำเป็นอาชีพเสริม และก็กลายเป็นธุรกิจเต็มเวลา เมื่อเธอได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการตลาดบน Facebook มาอย่างสมบูรณ์แบบดีแล้ว
คุณมายามีความเชื่อว่า เครื่องประดับไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงเสมอไป สำหรับเครื่องประดับในความคิดของของเธอ คือการแสดงออกจากตัวเองและเป็นสิ่งที่สนุกไปกับมัน และใช้งานได้ตลอดเวลาด้วย
โมเดลธุรกิจของเธอ เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซจำนวนมากได้ปฏิบัติตามนำไปใช้และประสบความสำเร็จ เราได้ครอบคลุมเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์อีคอมเมิร์ซกับอินฟลูเอนเซอร์และการตลาดบน Facebook ด้วยบทความในเว็บไซต์ของเราและคุณสามารถเรียนรู้วิธีการทำซ้ำรูปแบบธุรกิจนี้ได้