ไรอัน โฮกค์ (Ryan Hogue) นักพัฒนาเว็บและเจ้าของธุรกิจออนไลน์ ในปี 2016 เขาเริ่มต้นทำธุรกิจในรูปแบบ Print-On-Demand จนตอนนี้เขาก็สามารถทำเงินได้ $14,000 ต่อเดือนแบบ passive income ซึ่ง Print-On-Demand หมายถึงรูปแบบธุรกิจที่อาศัยเทคโนโลยีการพิมพ์เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ตามที่ลูกค้าได้สั่งซื้อและชำระเงินแล้ว
โมเดลธุรกิจนี้ช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับเงินก่อนที่จะทำการพิมพ์ผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้จะเป็นหนังสือ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หรือวัสดุพิมพ์อื่นๆ
ในบทความนี้ คุณไรอันจะมาแชร์ประสบการณ์สร้างธุรกิจนี้ 6 ปีที่ผ่านมาและอธิบายเกี่ยวกับวิธีขยายธุรกิจจนทำรายได้ $14,000 ต่อเดือนได้แบบสบายๆ เลย
เรื่องราวความเป็นมา
ในปี 2014 คุณไรอันมีรายได้ $85,000 ต่อปี จากอาชีพนักพัฒนาเว็บซึ่งเป็นงานประจำ ตอนนั้นเขาหาเงินได้มากพอที่จะจ่ายค่ากินค่าอยู่ได้ แต่คุณไรอันก็ยังรู้สึกว่าเขาต้องใช้เวลาทำงานมากเกินไป คุณไรอันจึงอยากหางานออนไลน์ที่พอจะช่วยเพิ่มเวลาพักผ่อนให้กับตัวเขาเองมากขึ้น
"ผมรู้ว่าการทำธุรกิจเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซนั้นมีโอกาสที่จะสร้างรายได้แบบ passive income ได้ ดังนั้นในปี 2016 หลังจากที่ผมเคยลองทำ "Dropshipping" ผมก็ได้อ่านโพสต์นึงใน Reddit ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเริ่มทำธุรกิจในรูปแบบ Print-On-Demand เป็นช่องทางหารายได้เสริม
Print-On-Demand ช่วยให้ผมได้มีโอกาสขายเสื้อยืด เพียงติดต่อการจ้างงานทั้งด้านการพิมพ์ ด้านการบรรจุภัณฑ์ และการจัดส่ง ภายในปี 2020 ผมทำเงินได้มากพอที่จะตัดสินใจลาออกจากงานประจำและหันมาจริงจังกับธุรกิจส่วนตัวนี้ที่มันกำลังไปได้สวยเลย"
ในขณะที่เขายังมีอายุ 33 ปี ในวันนี้ คุณไรอันสามารถทำรายได้เฉลี่ย $14,600 ต่อเดือนด้วยการทำธุรกิจ Print-On-Demand
"นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุดเลย ผมทำงานเพียงวันละหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น" คุณไรอันกล่าวไว้
เริ่มต้นโดยไม่มีพื้นฐานการออกแบบ
คุณไรอันบอกว่า เสื้อยืดที่เขาได้ออกแบบเป็นครั้งแรก มันคือเสื้อลายสัตว์ประหลาดล็อกเนสแบบน่ารักๆ ซึ่งเขาเริ่มวาดโดยใช้ Adobe Photoshop แต่โปรแกรมนี้ก็ใช้งานยากไปหน่อย ซึ่งเขาก็ยังไม่เคยฝึกอย่างจริงจังเลย
ตอนนี้เขาใช้เว็บไซต์ All Sunsets, Creative Fabrica, และ Vexels เพื่อใช้ในการออกแบบ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Print-On-Demand ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการออกแบบกราฟิกมากนัก เนื่องจากคุณสามารถดาวน์โหลดภาพประกอบที่เป็นลิขสิทธิ์ของตัวเองแทนที่จะวาดด้วยตัวคุณเอง
ค่าสมัครสมาชิกของ All Sunsets เริ่มต้นที่ $59 ต่อปี, Creative Fabrica ราคา $4 ต่อเดือน และ Vexels ราคา $22 ต่อเดือน
ก่อนที่จะทำการออกแบบ คุณไรอันจะค้นหาคีย์เวิร์ดที่เป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้าของเขา โดยใช้ส่วนขยาย DS Amazon Quick View และ PrettyMerch Chrome บางครั้งเขาก็ทำเสื้อที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทรนด์ใหม่ๆ และอีเวนต์ต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
สร้างรายได้แบบ Passive Income ด้วยการทำ Print-On-Demand
ประมาณ 50% ของรายได้แบบ passive income ของคุณไรอันมาจาก Amazon Merch on Demand ซึ่งเขาขายสินค้าส่วนใหญ่ของเขา คุณไรอันบอกว่าเขาชอบแพลตฟอร์มนี้ เพราะเขาไม่ต้องจ่ายเงินค่าสินค้าคงคลังล่วงหน้า
สามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ ดังนี้เลย:
ผู้จำหน่าย Amazon Merch จะได้รับค่าลิขสิทธิ์อยู่ประมาณ 13% ถึง 37% ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทผลิตภัณฑ์และเรตราคา โดย Amazon เรตราคากำหนดไว้ล่วงหน้า โดยที่ผู้จำหน่ายนั้นสามารถเลือกได้
คุณไรอันบอกว่าสินค้าที่ขายดีที่สุดของเขาคือเสื้อยืดมาตรฐาน เขาคิดค่าบริการ $19.99 ต่อเสื้อยืดและทำ 26% ค่าลิขสิทธิ์ต่อการขายเท่ากับ $5.23 ในกำไร อเมซอนเก็บส่วนที่เหลือไว้
"นอกเหนือจากเสื้อยืดแล้ว ผมยังขายเสื้อฮูดี้ เสื้อกันหนาว แก้วกาแฟ หมวก และอุปกรณ์เสริมอื่นๆเช่น สติกเกอร์และเคสโทรศัพท์ ผมจะตั้งราคาผลิตภัณฑ์ให้สามารถทำกำไรอย่างน้อย $5 ต่อการขาย แต่ผมก็ยังมีสินค้าขนาดใหญ่ด้วย เช่นเสื้อกันหนาวที่สามารถกำไรได้ $10" คุณไรอันกล่าวเสริมว่า
คุณไรอันยังใช้ Printful เป็นอีกแพลตฟอร์มที่จะคล้ายๆ กันกับ Amazon Merch on Demand ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยประหยัดงบประมาณในการขายผลิตภัณฑ์ แพลตฟอร์มนี้จะช่วยในด้านการพิมพ์ การบรรจุผลิตภัณฑ์ และการขนส่ง โดยที่เขาสามารถลงขายผลิตภัณฑ์ใน eBay และ Etsy ได้ ซึ่งใน eBay จะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการลงขายผลิตภัณฑ์ ส่วนใน Etsy จะต้องเสียค่าใช้จ่าย $0.20
การทำงานในแต่ละชั่วโมง
คุณไรอันกล่าวว่าเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานไปกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ นำผลิตภัณฑ์เข้าตลาด และใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับเครื่องมือที่จะช่วยให้เขาทำธุรกิจต่อไปได้แบบอัตโนมัติ
คุณไรอันยังเพิ่งจะเปิดแชนแนล YouTube และสร้างคอร์สเรียนออนไลน์เพื่อแชร์ความรู้ของเขาเอง:
"ผมอยากบอกให้ผู้คนในยุคนี้รู้ว่า เราไม่จำเป็นต้องมีจบปริญญาสาขาการออกแบบกราฟิกเลย ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ ลองมาทำธุรกิจด้วยรูปแบบ Print-On-Demand เพียงคุณแค่มีความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจเพียงเท่านี้ก็พอแล้วครับ"
สรุป
มีเจ้าของธุรกิจมากมายต่างเลือกที่จะทำธุรกิจในรูปแบบของอีคอมเมิร์ซและสร้างรายได้แบบ passive income ออนไลน์ เช่นเดียวกับคุณไรอัน ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องมีทักษะในการออกแบบกราฟิกมากนักในการทำธุรกิจในรูปแบบนี้ เพียงแค่คุณสามารถเข้าใจเทรนด์ความต้องการของตลาดและสามารถจัดระบบกระบวนการผ่านการใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ได้
ในอดีต คุณไรอัน โฮกค์ เขาเคยลาออกจากงานนักพัฒนาเว็บไซต์และการเป็นอาจารย์ เพื่อหันมาทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซของเขาเองจนประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นคุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมจากเขาบนเว็บไซต์ของเขาหรือแชนแนล YouTube ของเขา โดยที่เขาจะสอนวิธีการสร้างรายได้แบบ passive income ตามสไตล์ของคุณไรอันเองเลย"