คุณอาร์ดาน ยาริซิ (Ardan Yarici) เป็น media buyer และเป็นผู้ก่อต้องบริษัท HeidraX ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์อยู่ที่เบลเยียม ได้แบ่งปันประสบการณ์ที่เขาสามารถทำให้ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชาย ทำให้แบรนด์มีรายได้มากกว่า $800,000 ดอลลาร์ จากการยิงแอดบนแพลตฟอร์ม Facebook และ TikTok
ในบทความนี้ อาร์ดาน เล่าถึงความสามารถที่เขาใช้เพิ่มสเกลให้กับแบรนด์ด้วยการยิงแอดทั้งสองแพลตฟอร์มผสมกันไป รวมถึงการเข้าไปซื้อพื้นที่สื่อโฆษณา และเทคนิคที่เขาใช้ควบคุม traffic ของทั้งสองแพลตฟอร์มยักใหญ่
ผลิตภัณฑ์ : ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชาย
ประเทศ : สหรัฐอเมริกา
ผลิตภัณฑ์ราคา : $50
ค่าใช้จ่ายในการยิงแอดของทั้งสองแพลตฟอร์ม: $190,000 ดอลลาร์
รายได้: $827,000 ดอลลาร์
จะสังเกตได้ว่าประมาณ 10% ของโฆษณา Facebook ไม่ได้มีการติดตามจากตัวจัดการโฆษณาของ Facebook
อาร์ดานกล่าวว่างานโปรเจคนี้ เขาเริ่มจากคิดแคมเปญโฆษณาบน Facebook ขึ้นมาก่อนเพื่อเป็นการโปรโมตแบรนด์ เขาใช้รูปแบบแคมเปญพื้นฐานที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษพิสดาร แต่ให้ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาดีเกินคาด
นี่คือสิ่งที่ อาร์ดาน ตั้งค่าแคมเปญของ Facebook:
อาร์ดาน ได้ทำซ้ำแคมเปญชุดนี้และเปลี่ยนที่เป้าหมายลูกค้าเป็นเลข 1
เริ่มต้นผลลัพธ์ออกมาถูกต้อง แล้วจากนั้นเขาก็ปิดชุดโฆษณาเอาไว้ 4 วัน แล้วเปลี่ยนโฆษณาใหม่ทั้งหมดทันที อาร์ดาน กล่าวว่า แคมเปญชุดนี้เขาได้ 3.5 เท่าของ ROAS ใน 3 สัปดาห์แรก นี่แค่ด่านแรกก็ทำเอาเขาดีอกดีใจไปหมด
เราจะมาพูดในด้านเนื้อหาโฆษณากันบ้าง อาร์ดานกล่าวว่า เขาใช้สูตร 1:1 แต่ก็คิดว่า การปล่อยวิดีโอบนหน้า feed ของ Instagram คงจะแสดงไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ถ้าต้องใช้โฆษณาใหม่ถึง 4 แบทซ์ คงทำกำไรได้ยาก เขาจึงตัดมันออกทันที เพราะดูแล้วยิงวิดีโอแบบ Reels น่าจะดีกว่า เขาจึงตัดสินใจยิงโฆษณาบน Reels ลงเป็นสองเท่า และในตอนท้าย เขาได้ทดสอบลองรันโฆษณาแบบ reels ครั้งนึงปล่อยโฆษณาแปดตัว และในขณะเดียวกันก็ยังรันโฆษณาแบบภาพเดี่ยวด้วย
แคมเปญนี้เขาใช้เงินไปประมาณ $10,000 ดอลลาร์ ทำให้ได้ ROAS อยู่ที่ 4.5 ซึ่งก็เริ่มดูมีความหวังขึ้นมา นั่นหมายความว่า จำนวนของรายได้จะอยู่ที่ประมาณ $45,000 ดอลลาร์ จากแคมเปญเริ่มต้นของ Facebook และก็ยังทำผลงานได้ดีเรื่อยมา ต้องขอบคุณโฆษณาแบบ Reels ของ Instagram ที่ช่วยไว้
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตัดสินใจ ยกเลิกตัดภาพเดี่ยวออกจากสูตรโฆษณาทันที และจากจุดนี้เขาได้ลองยิงแอดแบบ Reels ไปอีก 10 ตัว
ในขณะที่เขาปล่อยให้โฆษณาบน Facebook และ Instagram ดำเนินไป อาร์ดาน ก็ได้ทำคอนเทนต์เพื่อใช้ยิงแอดบน TikTok ดังนั้น แผนการปล่อยโฆษณาบน TikTok จึงเกิดขึ้นก่อน ที่โฆษณาบน Reel จะประสบความสำเร็จเสียอีก
ตอนแรก เขาแยกเนื้อหาโฆษณาของ TikTok กับ Reel ออกไว้ต่างหาก แต่ก็มานึกได้ว่า นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะผลการทดลองยิงแอดไม่กี่ตัวตัวบน TikTok กับ Reel รวมกันไปเลยจะได้เห็นว่าโฆษณานั้นทำงานได้ดีกับทั้งสองแพลตฟอร์มหรือเปล่าในเวลาเดียวกัน (อย่างน้อยก็เฉพาะแคมเปญนี้) เลยทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายไปเลยสำหรับอาร์ดาน
อาร์ดาน กล่าวว่า เขาไม่ได้ทำอะไรพิเศษสำหรับการ retargeting เลย เพราะที่ผ่านมาเขาทำลองไปหลายอย่างมาก แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทำงานได้ผลดีคือ เขาเปิดหน้าต่างแคมเปญโฆษณาตัวเดียวกันทั้ง 3 วัน แค่นั้นเอง แต่การ retargeting บน TikTok ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่สู้ของ Facebook ไม่ได้ ได้ผลดีกว่า นั่นก็เป็นเพราะว่าแพลตฟอร์ม TikTok เปรียบเสมือนช่องทางหลักของแหล่งที่มาของการเข้าชมบนสุดนั่นเอง
อาร์ดานแชร์สิ่งที่เขารู้มาเกี่ยวกับการยิงแอดบน TikTok เขาบอกว่า ถ้าจะให้การยิงแอดบน TikTok ยังไงให้ปังให้ทำตามกฎเกณฑ์ของระบบ:
บริษัทใหญ่ๆ ส่วนมากเขายอมจ่ายเงินเป็นล้าน เพื่อการแข่งขันทำโฆษณาของแต่ละเจ้าให้ออกมาน่าสนใจดึงดูดคนดูให้ได้มากที่สุด ถ้าโฆษณาของใครคนกล่าวถึงมากที่สุดของคนนั้นชนะ นี่เป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่คนชนะจะได้หยิบชิ้นปลามันไปกิน
ต่อไปนี้คือเทคนิคที่อาร์ดานใช้ยิงแอด TikTok
ตอนที่ยิงแอดโฆษณาบน TikTok ยังวิ่งอยู่นั้น จะต้องคอยส่งคอนเทนต์ไม่ให้ขาดสาย— ซึ่งสิ่งนี้สำคัญมาก สิ่งหนึ่งที่ส่วนใหญ่คนทำโฆษณาบน TikTok มักจะผิดพลาดอยู่เสมอ คือมีคอนเทนต์โฆษณาไม่เพียงพอ เพราะสิ่งนี้สำคัญที่สุด เลิกเปรียบเทียบโฆษณาระหว่าง TikTok และ Facebook ซะ เพราะอย่างไรเสียคุณก้ไม่สามารถทำกำไรจากแคมเปญเดียวกันได้เกิน 2 สัปดาห์แน่นอน
อาร์ดาน กล่าวว่า เพื่อไม่ให้พลาดเขามีคนผลิตคอนเทนต์อย่างน้อย 4 คน และยังมีครีเอทีพคืนอื่นอีกทำคอนเทนต์อยู่ที่ออฟฟิศ รวมเป็น 5 คน ที่ต้องคอยเตรียมสตรีมโฆษณาตัวต่อไปทันที เมื่อก่อนเขาลองรันโฆษณาทีประมาณ 30-40 ตัวต่อเดือน และตอนนี้โฆษณาที่เขาลองรันก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ปัจจุบันเพิ่มไปหน้ามากถึง 100-150 ตัว ต่อเดือน
“ แรกๆ เราก็ต้องมาคลำทางดูว่าโฆษณาแบบไหนถึงดี” เริ่มด้วยโฆษณาประมาณ 20 แบบแตกต่างกัน เราก็รันโฆษณาไปตามปกติดูว่าแนวทางโฆษณาเราจะไปทางไหน เรารันโฆษณาไปทุกๆ 5 วัน เราเริ่มจ้างครีเอทีฟใหม่ แล้วพอเราเจอแล้วว่าโฆษณาตัวไหนที่เข้าเป้า เราก็เริ่มทำโฆษณาตัวนั้นใหม่ทันทีโดยใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นหุ้นส่วนกับเรา เพื่อจะได้ปล่อยโฆษณาแบบ Spark ads ด้วยกลยุทธ์นี้ยอมรับเลยว่าได้ผลดีกับเรามาก”
โฆษณาปกติ คือโฆษณาที่เราตั้งค่าผ่านตัวจัดการโฆษณาของ TikTok ดังนั้น โฆษณาตัวนี้จึงเป็นแค่ โฆษณา “ธรรมดา” แต่โฆษณาแบบ Spark ads จะถูกโพสต์ผ่านตัวจัดการโฆษณาของ TikTok อีกที ด้วยวิธีนี้ เราจะไม่รู้เลยว่าโพสต์ตัวนี้คือโฆษณา นี่แหละพลังของ Spark ads
และนี่เป็นไอเดียที่อาร์ดานใช้:
“ถ้าเกิดว่าเราติดปัญหา หาอินฟลูเอนเซอร์มาร่วมด้วยไม่ได้ ก็ให้ลองไปหาดูที่เว็บไซต์ Collabstr ดู” แต่ผมไม่ได้แนะนำให้คุณใช้เว็บไซต์นั่นทำโฆษณาใหม่ที่น่ะ! เพราะมันแพงมาก รับรอบคุณเจ๊ง ถังแตกแน่สิ่งที่ผมจะแนะนำคือ ให้คุณทำโฆษณาขึ้นมาเอง หรือลองหาทางทำให้ราคาถูกลงมาหน่อย และถ้าคุณเจอโฆษณาตัวที่เด่นที่สุดดีที่สุดแล้ว ให้ไปหาอินฟลุเอนเซอร์มาเอาโฆษณาตัวนั้นไปทำใหม่แล้วก็ให้เขาอัปโหลดบนบัญชี TikTok เพื่อทำให้โพสต์นั้นมัน Spark” อาร์ดาน กล่าว
บทสรุป
ด้วยความสามารถของอาร์ดาน ทำให้แบรนด์สินค้าอี-คอมเมิร์ซของลูกค้ามีเสกลที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ยอดขายได้มากกว่า $800,000 ดอลลาร์ จากการยิงแอดควบคู่กันไปบน TikTok และ Facebook (Reels) และจากเหตุการณ์นั้นอาร์ดานจ่ายค่าโฆษณาของทั้งสองแพลตฟอร์มรวมกันแค่ $190,000 ดอลลาร์เองอาร์ดาน ยังกล่าวอีกว่า Reels และ TikTok ทำให้โฆษณาเด่นกลายเป็นพระเอกไปเลย และงบประมาณสำรองที่มีให้นำไปใช้กับการทดสอบโฆษณา และอย่าไปเสียเงินกับการทดสอบผู้ชมเป็นอันขาด เพราะถ้าหากว่าโฆษณาตัวนั้นของคุณไม่ได้ผลประสิทธิภาพไม่ดี คุณเสียเงินป่าวแน่และเวลาที่เราจะรันโฆษณาแบบ Spark ให้พยายามหาอินฟลูเอนเซอร์เอามาร่วมงานกับเราให้ได้ คือให้คนเหล่านี้รันโฆษณาผ่านบัญชีของเรา เพราะจะทำให้เราได้ประโยชน์จากช่องทาธรรมชาติของ TikTok อีกทางหนึ่ง