22 กันยายน 2022 0 412

ใช้อินฟลูเอนเซอร์ Youtube สร้างรายได้ให้แบรนด์อีคอมเมิร์ซ 1.5 ล้านดอลลาร์

สำหรับโพสต์ในวันนี้ เราจะมาแชร์กรณีศึกษาจากคุณ Dennis White เจ้าของแบรนด์อีคอมเมิร์ซ ที่สามารถสร้างรายได้จากยอดขายกว่า $1,500,000 ในปี 2020 โดยใช้การตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer marketing)

ในกรณีศึกษานี้ เราจะมาดูกันว่า เขา Scale แบรนด์อย่างไร โดยเจาะลึกในทุก ๆ ขั้นตอน ตั้งแต่หาอินฟลูเอนเซอร์มาโปรโมตครั้งแรก จนไปถึงการ Scale อินฟลูเอนเซอร์หลายคน

กรณีศึกษานี้จะช่วยคุณ หากคุณ:

  • กำลังหาอินฟลูเอนเซอร์
  • พยายามติดต่ออินฟลูเอนเซอร์
  • ใช้ Facebook ad ไม่ได้ และกำลังมองหาช่องทางอื่น ที่นักการตลาดหลายคนนิยมทำกันอยู่ตอนนี้
  • กำลังหาทางเลือกอื่นที่สามารถกระตุ้น Traffic ทำเงิน
  • ทำ Scale กับอินฟลูเอนเซอร์เป็นและกำลังไปได้สวย คุณจะได้เคล็ดลับดี ๆ สำหรับที่ทำ Scale เป็น

สรุปรายละเอียด

ด้วย Scale จำนวน $1,500,000 นี้ Dennis ทำสองร้านด้วยสินค้าตัวเดียวกัน โดยแบ่งตามนี้

  1. เขาทำร้านแรก จนสร้างรายได้กว่า $1,040,853 ตั้งแต่ 15 มีนาคม ถึง 31 ธันวาคม ปี 2020

  2. ร้านที่สองใช้ Outsource จากเอเจนซี่การตลาดผ่าน Youtube ที่ทำยอดขายได้ $467,000 ในปลายเดือนธันวาคม ปี 2020

เลือกสินค้า

สำหรับแบรนด์นี้ Dennis เลือกใช้สินค้าที่พิสูจน์แล้วโดยเพื่อนของเขาว่าได้ผลจริง ด้วยยอดขาย $48,000 ที่ทำโดยเพื่อนของเขา เขาเลยสร้างแบรนด์ของตัวเองด้วยสินค้าตัวเดิมและสร้างร้านค้าออนไลน์

มองหาและติดต่อยูทูปเบอร์

ในการหาอินฟลูเอนเซอร์ YouTube มาร่วมงาน Dennis แค่เข้า YouTube และเสิร์ชหา โดยใช้คีย์เวิร์ดเฉพาะ Niche ของสินค้า จากนั้นเขาก็เลือกและทำตารางของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ ที่สามารถกระตุ้น Traffic และทำเงินได้มากที่สุด

ทดสอบกลยุทธ์

Dennis พบอินฟลูเอนเอนเซอร์รายเล็ก ใน Niche ที่เลือก เขาจึงนำมาใช้เป็นตัวทอสอบ เพื่อพิสูจน์แนวคิดนี้ ก่อนที่จะทำการ Scaling งบให้สูงขึ้นสำหรับรายใหญ่ ๆ 

โดยตัวอินฟลูเอนเซอร์มีผู้ติดตามอยู่ประมาณ 10,000 คน และ Dennis จ่าย $1,000 ให้เป็นค่าโปรโมต จากนั้นจึงมีการสร้างและอัปโหลดวิดีโอ

พอเริ่มมียอดขายจากวิดีโอแรก Dennis ตัดสินใจลุยต่อและจ้างอินฟลูเอนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นมา

ทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่

Dennis เข้าถึงอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่คนหนึ่ง ที่จัดอยู่ในตารางที่ทำไปก่อนหน้านี้ และได้ทำการเจรจาต่อรองถึงวิดีโอสำหรับการโปรโมต

หลังจากการเจรจา พวกเขาตกลงกันที่ราคา $4,000 โดยรวมทั้งวิดีโอ YouTube และสตอรี่ Instagram 

ในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง วิดีโอที่อินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ปล่อยออกไป ทำยอดขายได้ราว $22,000

Dennis อธิบายว่า "นี้แหละ วิธีที่ใช้ได้ผลบน YouTube อย่างแรกให้พิสูจน์แนวคิดด้วยอินฟลูเอนเซอร์รายเล็ก แล้วค่อยไปหาอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่”

วิดีโอตัวอื่น
วิดีโอทำยอดขายไปได้ $22,000 แต่ Dennis ต้องการวิดีโออีกตัวเพื่อเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น เขาเลยจ่ายเพิ่มให้กับอินฟลูเอนเซอร์คนเดิม และยอดขายก็เพิ่มขึ้นภายในเกือบ 4 สัปดาห์

วิดีโอตัวที่สองของอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ ทำยอดขายได้ราว $60,000 รวมเป็นรายได้ทั้งหมดกว่า $80,000 หลังจากผ่านไปสองวิดีโอ แต่จ่ายค่าโฆษณาเพียง $8,000 หมายความว่าเขาได้ ROAS ถึง 10 เท่า ซึ่งถือว่าเยอะมาก

การเพิ่ม Scaling กับอินฟลูเอนเซอร์ที่รายใหญ่ขึ้น

จากการร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ครั้งแรก ทำให้กำได้มากพอจนเป็นตัวพิสูจน์ว่า แนวคิดของเขานั้นใช้ได้ผล และถึงเวลาที่ต้อง Scale ให้เร็ว Dennis ทำการจ้างอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ และทำการเจรจาเรื่อง "การผูกขาด" เพื่อไม่ให้มีใครทำแข่งกับแบรนด์ที่เขาทำการ Scaling 

"การผูกขาดหมายถึง การทำสัญญาว่าคุณจะเป็นแบรนด์เดียวที่พวกเขาจะโปรโมตบางสิ่งบางอย่างให้เท่านั้น เพื่อป้องกันคุณจากกลุ่มคนที่พยายามเลียนแบบ นั้นคือสิ่งที่ผมย้ำกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ เพราะเมื่อคุณทำการ Scaling ยอดวิวเป็นล้านจะมาลงในวิดีโอแค่ละตัวของคุณ คุณจึงต้องปกป้องสิทธิของตัวเองด้วยวิธีนี้"

นั้นคือสิ่งที่เขาทำให้กับร้านแห่งแรก ที่มีรายได้ราว $1,000,000 ในปลายปี 2020 จนในเดือนมีนาคม ปี 2021 ร้านค้าสามารถทำยอดขายได้เกือบ $1,200,000

ร้านแห่งที่สอง

ร้านแห่งที่สองทำยอดขายได้ $467,000 แต้เป็นเพราะเอเจนซี่การตลาดที่มียูทูปเปอร์เป็นเจ้าของ คอยทำวิดีโอและจัดการการตลาดทั้งหมดผ่านการทำวิดีโอ จึงนับว่ายังเป็น Influencer Marketing ยอดขายจำนวน $467,000 นั้นได้มาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน จนหมดเดือนธันวาคม ปี 2020

โดยมีความเป็นหุ้นส่วนกันมากกว่า ทำให้เขาไม่ต้องจ่ายให้กับยูทูปเบอร์โดยตรง ด้วยความที่สนิทกัน พวกเขาเลยทำงานร่วมกันในร้านแห่งที่สอง และสามารถขยายผู้ชมของยูทูปเบอร์ด้วย

จุดสำคัญ

  • เมื่อถึงเวลาปล่อยสินค้าให้กับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ คุณจะเห็นเลยว่าใครบ้างที่กำลังทำเงินให้คุณ
  • คุณไม่อยากเสียเวลาทั้งวันมองหาอินฟลูเอนเซอร์ วิธีหาคนมาทำเงินให้คุณได้มากที่สุดนั้นง่ายนิดเดียว เพียงหาคนที่อัลกอริทึม Youtube เลือกให้ ตามสินค้าของคุณ แบบเดียวกับ Instagram 
  • คุณต้องมองหาอินฟลูเอนเซอร์ที่มีคอมมูนิตี้ใน Niche สินค้าของคุณ คุณจะได้สามารถเข้าถึงกลุ่มคอมมูนิตี้นั้น
  • ต้องดูเป็นยูทูปเปอร์ที่สามารถทำเงินจากผู้ชมอยู่แล้ว จ่ายค่าจ้างและรอดูยอดขายที่พวกเขาทำให้แบรนด์ของคุณ

สรุปก็คือการหาคนที่มีกลุ่มลูกค้าที่ดีอยู่แล้ว โดยจ้างพวกเขาให้สร้าง Traffic แล้ว Scale แบบเดียวกันกับอินฟลูเอนเซอร์อีกหลายคน

ยกตัวอย่าง นี้เป็นอินฟลูเอนเซอร์อีกรายที่ดังมาก ที่ Dennis ร่วมงานด้วยและทำยอดขายไปได้มากกว่า $120,000 เขาทำการโปรโมตคูปองส่วนลด จนมียอดขายสุทธิ $97,000 หลังคิดส่วนลด

อินฟลูเอนเซอร์คนนี้ได้รับค่าจ้าง $4,000 ต่อวิดีโอ และหนึ่งในวิดีโอที่เขาสร้างนั้นกลายเป็นไวรัล

ซึ่งมียอดวิวกว่า 4,500,000 ครั้ง ในตอนนั้น และทำยอดขายได้มากกว่า $54,000 จากที่จ่ายไป $4,000 โดยการเติบโตของยอดวิวและยอดขาย ใช้เวลาประมาณหกเดือน ซึ่งเป็น 13 เท่าของค่าใช้จ่ายที่เขาจ่ายให้กับวิดีโอโปรโมตหนึ่งตัว

เขาเลยจ้างเพิ่มอีก 6 คน ที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ ด้วยวิธีเดียวกัน

เคล้ดลับในการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ YouTube จาก Dennis

  • ให้เริ่มต้นด้วยอินฟลูเอนเซอร์รายย่อยบน YouTube ที่มียอดวิว 10,000 ถึง 100,000 ครั้ง พอพบว่าสินค้าของคุณตรงกับความต้องการของ Niche ค่อยไปหาอินฟลูเอนเซอร์รายใหญ่ ที่มียอดวิวมากกว่า 100,000 ถึงหนึ่งล้าน แล้วทำการเจรจาต่อรอง
  • อีกสิ่งที่ควรจำ คือคุณไม่จำเป็นที่จะต้องรีบให้งานอินฟลูเอนเซอร์จนเต็ม จริงอยู่ที่เราควรใช้กำลังผลิตของอินฟลูเอนเซอร์ให้คุ้ม แต่คุณต้องชัวร์ก่อนว่าจะโปรโมตกี่ครั้ง ถ้าคุณโปรโมตเยอะเกินไปในเดือนเดียว อาจส่งผลกระทบต่อกำไรได้
  • และก็อย่าใช้จ่ายเกินตัวไปกับอินฟลูเอนเซอร์ เพราะผลลัพธ์นั้นไม่มีความแน่นอน คุณไม่สามารถคาดการณ์ตัวเลขตรง ๆ ของยอดวิวและ ROAS ได้หรอก โดยเฉพาะถ้าไม่เคยทำการโปรโมตกับอินฟลูเอนเซอร์คนนั้นมาก่อน

สรุป
ข้อดีของการโปรโมตด้วยอินฟลูเอนเซอร์ YouTube คือ วิดีโออยู่ตลอดไป หมายความว่าวิดีโอหนึ่งตัวบน YouTube สามารถสร้างยอดขายให้คุณได้เยอะ เป็นเดือนหลังจากที่อัปโหลดวิดีโอ

เมื่อไรก็ตามที่คุณทำการโปรโมตกับยูทูปเปอร์ บางครั้งคุณอาจจะไม่ได้กำไรทันทีในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก ที่ไม่ค่อยเป็นไปตามความคาดหวังของทุกคน แค่พอวิดีโอเริ่มมีการดึงลูกค้าเข้ามา คุณจะเริ่มเห็นกำไร ROAS ก้อนโต หลังจากที่ผ่านไปประมาณ 1-2 เดือน

นี้เป็นเหตุผลที่ทำให้การโปรโมตของอินฟลุเอนเซอร์ YouTube มีความนิยมกว่าโมเดลอินฟลูเอนเซอร์ของ Instagram เป็นเพราะสตอรี่ Instagram จะขึ้นเพียง 24 ชั่วโมง และจะทำยอดขายได้เพียงแค่ในช่วงเวลานั้น ในขณะที่วิดีโอ YouTube มีเวลาทำเงินให้คุณได้นานกว่า

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?