09 มีนาคม 2023 0 224

บทสำภาษณ์ของ Jason Akatiff: มหาเศรษฐีพันล้าน ตัวแทนนักการตลาดในเครือ และเจ้าของบริษัท A4D เครือข่ายเน็ตเวิร์ค

เรากำลังนำคุณเข้าสู่บทสัมภาษณ์ของ เจสัน อักคาทีฟ ผู้ที่เป็นตำนานตัวแทนเครือข่ายทางการตลาด แต่ที่เด่นไปกว่านั้นคือ เขาเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานบริษัทตัวแทนเครือข่าย A4D เจสันอยู่ในอุตสาหกรรมด้านการตลาดออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2003 และยังคงเป็นบุคคลสำคัญในการสร้างอุตสาหกรรมนี้ขึ้นมา เขาได้ก่อตั้งธุรกิจอื่นๆ ในอุตสาหกรรมนี้ประกอบไปด้วย ธุรกิจ e-commerce ที่สร้างรายได้ให้มากกว่า $50,000 ต่อปี

เขาเป็นต้นแบบและเป็นบุคคลที่น่าจับตามองของผู้ประกอบการทั้งหลาย ที่มองหาพื้นที่ธุรกิจออนไลน์ และตอนนี้จะได้รับรู้ถึงชีวิตเบื้องหลังและความรู้ความสามารถของเขาผ่านการสัมภาษณ์ที่จัดขึ้นโดย Offer Vault เรามาเริ่มติดตามอ่านและเรียนรู้ไปจนจบว่าเขากลายมาเป็นบุคคลที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างไร ความตั้งใจและแรงบันดานใจในอนาคตในอุตสาหกรรมนี้ของเขาจะเป็นอย่างไร

อยากทราบว่าเมื่อก่อนคุณทำอะไรมา ก่อนที่จะมาทำเครือข่ายการตลาด และก่อนที่จะก่อตั้งบริษัท A4D
 

ก่อนที่ผมจะมาเริ่มงานตรงนี้ ผมทำอะไรมาหลายอย่างมาก ผมรับสร้างบ้าน สร้างตึกอาคารพานิชต่างๆ และทำที่จอดรถ ทำกับครอบครัวของผม หลังจากนั้น ผมไปเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ 4 ปี และหลังจากนั้นผมก็มาเปิดบริษัทรับจำนองเล็กๆ ซึ่งผู้คนให้การรับรอง และใว้ใจให้จัดการเกี่ยวกับเอกสารการกู้ของพวกเขา หลังจากที่ผมเห็นแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าธุรกิจไม่น่าเติบโตไปได้อีก ผมจึงไปทำงานด้านการขาย

ผมได้เคยอ่านหนังสือ พ่อรวยสอนลูก และหนังสือ เงินสี่ด้าน และนั่นทำให้ผมได้รู้ว่า ถ้าอยากเป็นนักธุรกิจที่ดี ต้องเรียนรู้การขาย นั่นจึงทำให้ผมได้งานเกี่ยวกับการขายเฟรนไซร์ ของบริษัท Blimpie International และจากนั้นก็มีเฟรนไชร์อื่นๆ ตามมา และในที่สุดผมก็โดนเลิกจ้างใน 2004 ผมก็เลยย้ายตัวเองไปทำงานด้านออนไลน์

คุณเข้าสู่โลกออนไลน์ได้อย่างไร โดยเฉพาะทางด้านอุตสาหกรรม Affiliate
 

ต้องย้อนกลับไปในปี 2003-2004 ผมไปสะดุดเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่ง มีข้อความที่น่าสนใจว่า คุณสามารถทำเงินได้จากอินเตอร์เน็ต ซึ่งมันถูกเรียกว่า เครื่องมือค้นหา Cloaker ซึ่งเป็นช่องทางโปรโมทเว็บโดยใช้เทคนิคต่างๆ ที่ไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติของแอดเซนส์ (AdSense) โดยผู้คนจะป้อนคำในสิ่งที่ต้องการค้นหา เมื่อเจอแล้วก็จะแสดงหน้าเว็บไซต์นั้นขึ้นมาพร้อมด้วยโฆษณาที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน ผมทำจนถูกแบนจาก AdSense หลังจากนั้นผมก็ย้ายไปทำตัวแทนการตลาดแบบระยะสั้น ในหนังสือเล่มนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับระบบออนไลน์ ที่มาพร้อมกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ e-book ในรูปแบบไฟล์ PDF จำนวน 100 หน้า ที่มีราคาถึง $35 แต่ระบบนี้ก็ทำเงินกลับมาให้ผมถึง $100  และนั่นก็เริ่มจุดประกายในตัวผม ทำให้ผมได้เห็นว่าผมสามารถหาเงินได้บนอินเตอร์เน็ต.

คุณมาก่อตั้งบริษัท  A4D ได้อย่างไร
 

ในตอนแรก ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้บริษัท A4D เป็นตัวแทนเครือข่าย จากประสบการณ์ที่ผมได้เรียนรู้รูปแบบต่างๆ มากมายในการหาเงินออนไลน์รวมไปถึง วิธีการหาช่องโหว่ในการโกงอัลกอลิธึ่ม ( blackhat SEO) ทางการซื้อสื่อ หรืออะไรก็ตามที่มันควรจะเป็น แต่ผมก็ไม่ได้ทำตามทั้งหมด ดังนั้นสิ่งที่ผมทำถ้าไม่นำเงินมาให้ ก็จะได้ข้อมูลต่างๆ มาแทนเช่น ข้อมูลทางด้านเทคนิค ที่อยู่ IP และอะไรก็ตามที่ผมต้องทำให้สำเร็จให้ได้ นั่นจึงทำให้ผมต้องตามหาใครสักคนมาเป็นผู้บริหารที่ดี หรืออาจจะนักออกแบบรหัส ซึ่งผมจะบอกพวกเขาได้ว่าผมอยากจะสร้างอะไร มันจะได้ผลอย่างไร และการดำเนินการจัดหาข้อมูลเพื่อให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีได้อย่างไร

ตอนนั้น ผมมีหุ้นส่วนอยู่ 7 คนด้วยกัน และพวกเราก็จบลงด้วยการทำงานด้าน affiliate ที่แตกต่างกันถึง 5 อย่าง แต่ที่เป็นหลักก็คือ COPEAC แต่เราก็อยากจะเสนอไปในพื้นที่อื่นๆ นี่ยังหมายถึงผมยังมีบัญชีของตัวแทนเครือข่ายที่ต้องบริหารด้วยตัวเองอีก 35 บัญชี

ในตอนนั้นเอง เพื่อนของผมชื่อ ริ๊ค รักจีโร ซึ่งเป็นญาติกับ ไมค์ ครังเจล ที่เป็นเจ้าของ COPEAC ได้จัดตั้งระบบเครือข่ายพันธ์ affiliate เล็กๆ ขึ้นมา และเขาก็ขายให้ผมในราคา $20,000 ผมจึงได้มาจัดการเองทั้งหมดซึ่งจะทำให้ผมทำงานง่ายขึ้น และผมก็ได้มารู้ทีละเล็กทีละน้อยในภายหลังว่าเครือข่าย affiliate มีชื่อเสียงที่แย่มากในด้านช่องทางการหลอกลวง และทำให้ต้องชดใช้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ผมต้องใช้เวลาสักพักเพื่อขุดหารอยรั่วนั้น.

ช่วงนั้น ผมเป็นผู้ดูของ Wicked Fire เป็นกลุ่มตัวแทนที่ใหญ่มาก พวกเขาน่าจะมีประมาณ 100,000 บริษัทในเครือ และประมาณ 10,000 บริษัทก็ดำเนินการไปได้ดีเลยทีเดียว มีหลายคนมารู้ว่าผมมีแพลตฟอร์มเครือข่าย พวกเขาก็สนใจอยากเข้าร่วมกับผม

ตอนนั้นพวกเรามีบริษัทในเครือประมาณ 2,000 บริษัทที่มาเข้าร่วมจากในงาน Wicked Fire และผมก็ต้องเปิดจ้างพนักงานให้เร็วที่สุด ในตอนแรก พวกเรายังไม่มีสำนักงาน พวกเราทำงานกันที่บ้าน เรามี 2 คนทำงานบนโต๊ะอาหารในครัว สื่อสารเห็นหน้ากันด้วยคอมพิวเตอร์เป็นระบบควบคุมทางไกล CRT เมื่อย้อนไปสมัยนั้น

ผมยังจำได้ว่าวันหนึ่ง ภรรยาของผมกลับมาถึงบ้าน เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารและผมก็มองไปที่เธอ และมาคิดว่า “ถ้ามีออฟฟิศมันจะดีกว่านี้” และนั่นเป็นออฟฟิศแรกที่ผมมี ประมาณปี 2008 ซึ่งก็หลังจากที่ผมเริ่ม A4D network เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2008

บอกพวกเราอีกสักนิดว่าพวกคุณถนัดในด้านใหน และพวก affiliates ต้องรู้อะไรเกี่ยวกับ A4D

A4D นั้นมีความชำนาญในหลายด้าน ในช่วงหลายปีมานี้ พวกเราแทบจะเป็นเครือข่ายเจ้าแรกที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเจ้าแรกที่ให้ทดลองใช้เครือข่าย Nutra ฟรี เมื่อย้อนกลับไปปี 2008 ถึงปี 2012 หลังจากนั้นเราก็ถูกฟ้องโดยคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลาง (FTC) และก็ทำให้เราหลุดจากตำแหน่งนั้นไป

จากนั้นเรามาเริ่มทำหลายอย่างในส่วนของ lead-gen เราทำ auto lead-gen เกี่ยวกับประกันรถยนต์ สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อจำนอง และมากมาย ดังนั้น lead-gen ของเราก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของผู้นำโลก และเราก็เริ่มขยับไปทำในส่วนของ e-commerce พวกเราได้ร่วมงานกับคนมากมายหลายหน้าอย่าง Shipify store และแบรนสินค้าอุปโภคบริโภคโดยตรงอื่นๆ และเรายังสร้างส่วนแบ่งของธุรกิจนั้นอีกด้วย และยังมีในส่วนธุรกิจขนาดใหญ่ที่เราจัดการเกี่ยวกับจดหมายข่าวการเงิน พวกเราขายข่าวให้กับเขา และเขาก็จ่ายเราด้วยราคา $50 ต่อสมาชิก 1 คน ผมจะไม่เข้าใกล้ พวกคริปโต หุ้นทางเลือก หรืออะไรก็ตามที่จะมีส่วนทำให้เกิดการหลอกลวง ดังนั้นพวกเราจะมุ่งไปให้บริการกับสิ่งที่จะเกิดประโยชน์กับลูกค้า ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าท้ายที่สุดพวกเขาจะได้รับความสุขจากการให้บริการของเราในอีกด้าน
 

วันๆ ผมทำแต่งานหาแต่เงินอย่างเดียว โดยที่ไม่สนใจเลยว่าใครจะบาดเจ็บหรือเป็นอะไร ขอให้งานต้องสำเร็จลุล่วงไปอย่างเดียวตอนนี้ผมมีเงินมากพอ ที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ผู้คนชื่นชอบ และก็ทำสิ่งที่ดีมีประโยชน์ให้กับโลกไม่ใช่แค่ทำเงินอย่างเดียว ซึ่งมีหลายช่องทางมากที่จะทำสิ่งดีๆ และทำเงินได้ด้วยในเวลาเดียวกัน โดยที่เราไม่ต้องไปทำร้ายผู้อื่น ขโมยเงินผู้อื่น หรือแม้แต่ติดตั้งเครื่องส่งข้อความอัตโนมัติเรียกเก็บเงินโดยที่พวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมไม่ต้องการดำเนินธุรกิจแบบนั้น หรือมีอะไรที่คล้ายพวกนั้นเลย 

เวลาคุณรับสมัครตัวแทนมาใหม่ อะไรคือคุณสมบัติที่มองหา เพื่ออนุญาตให้บริษัทในเครือได้เข้าสู่เครือข่ายของคุณ
 

ประเด็นหลักคือ การที่เรายอมรับใครซักคนที่มีการวางแผนงานที่ดี ใครบางคนที่มีเป้าหมายในดำเนินธุรกิจไปให้ถึงผลสำเร็จ เพราะนี่ไม่ใช่การเล่นพนัน เราต้องการให้คนปฏิบัติจริงจังกับธุรกิจนี้ และอยากให้อยู่ในธุรกิจนี้ไปนานๆ


คุณมีคำแนะนำอะไรที่จะให้กับตัวแทนใหม่ ผู้ซึ่งต้องการมองหาความสำเร็จในอาชีพนี้
 

มีผู้คนอยู่ 2 ประเภท ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ ประเภทแรก คือพวกที่มีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม เพราะคนประเภทนี้จะคิดคำโฆษออกมาได้ดี ทำให้ขายดี และคนอีกประเภท เป็นกลุ่มคนที่ผมมองเห็นว่าพวกเขาน่าจะประสบความสำเร็จเป็นอย่ามากในอาชีพนี้ ก็คือพวกนักวิเคราะห์ข้อมูล คนกลุ่มนี้จะเข้าใจได้ดีว่าโอกาสไหนสมควรจะใช้ชุดข้อมูลอะไร และปรับเปลี่ยนใช้ประโยชน์เหล่านั้นให้เกิดประโยชน์ที่สุด  ดังนั้น จึงมีทักษะที่สำคัญที่สุดอยู่ 2 อย่าง ที่จะเรียนรู้ให้เห็นถึงความสำเร็จ

เมื่อพูดถึงความสำเร็จ คุณเป็นบุคคลหนึ่งที่ประสบความเสร็จอย่างมากในอุตสาหกรรมนี้ คุณให้คำนิยาม ความสำเร็จ ไว้อย่างไร
 

Tony Robbins กล่าวถึง คำถามในการขับเคลื่อนต่างๆ ทุกคนมีโจทย์ปัญหาเป็นแรงผลักดันทั้งนั้น ส่วนตัวผมเองก็มี แต่หัวใจหลักของปัญหาคือ “ผมจะทำอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่มากที่สุดโดยที่ออกแรงน้อยที่สุด” สิ่งที่ทำให้ผมได้รู้ถึงความสุข ก็คือการเรียนรู้และการเติบโต ความท้าทายอันยิ่งใหญ่ทำให้ผมประสบความสำเร็จ ผมก่อตั้งบริษัทวิดีโอเกมขึ้นมา 1 บริษัท จากจุดนั้นในที่สุดก็ยังไม่ได้เลิกกิจการไป ยังคงประสบความสำเร็จอย่างมากทางการเงิน แต่ผมก็ได้เรียนรู้ผ่านกระบวนการนั้นทำให้ผมคิดว่ามันประสบความสำเร็จอย่างมาก และนั่นทำให้ผมกล้าที่สร้างบริษัท e-commerce ขึ้นมา มันทำเงินให้ผมประมาณ $50,000,000  ในปี 2018 และพวกเราตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะทำเงินได้ในปี 2019 ประมาณ $120,000,000 – $150,000,000  

สำหรับผมแล้ว การสร้างสิ่งดีๆ ขึ้นมานั่นคือความสำเร็จ  และบอกได้ว่าเราเป็นคนสร้างมาและขายไป นั่นแหละคือความสนุกสำหรับผม เป้าหมายของผมอีกอย่างหนึ่งคือ ที่ได้สร้างบริษัท e-commerce ขึ้นมาและขายมันไปในราคา $1,000,000,000 ในอีก 3-4 ข้างหน้า หลังจากนั้นผมอยากจะเอาเงินที่ได้มานั้นมาใส่ไว้ในกองทุนเล็กๆ ส่วนตัว แล้วก็เอาไปพลิกโฉมแบรนด์สินค้าอย่าง Toys R Us คงจะดีมากถ้าได้ซื้อ Toys R Us หรืออาจจะซื้อ JC Penneys หรือพวกแบรนด์เก่าๆ ที่ตกรุ่นไปแล้ว ผมจะเข้าไปซื้อพวกนั้นแล้วแปลงโฉมใหม่ และเปลี่ยนให้เป็นบริษัทที่มีศักยภาพจริงๆ ดังนั้น สิ่งที่น่าสนใจสำหรับผมคือ ความท้าทายในการสร้างสิ่งที่ยากๆ แล้วทำมันให้ประสบความสำเร็จ

อะไรคือการลงทุนที่ดีที่สุด เท่าที่คุณเคยทำมา
 

คือการจ้างคน ผมเริ่มต้นจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดด้วยตัวผมเอง และผมไม่เคยบริหารคน หรือแม้แต่ทำงานร่วมกันคนอื่น มองจากมุมมองของผู้บริหารผมยังคงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับคำว่า เจ้านายสักเท่าไหร่ เพราะผมมองเห็นตัวเองเท่าเทียมกับคืนอื่นๆ ตลอดเวลา แม้ว่าผมจะไม่เข้าใจก็ตาม การเข้าใจในการดำเนินธุรกิจและการประเมินความสามารถของใครสักคน ที่เข้ามาสร้างขบวนการและจัดการมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจ นั่นคือจุดเปลี่ยนแปลงสำหรับผม เมื่อคนต้องการสร้างบริษัท พวกเขาจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีคนคอยบริหารจัดการ ในท้ายที่สุดคนกลุ่มนี้ก็จะทำงานให้คุณในด้านที่คุณไม่ชอบ
 

ผมชอบสร้างระบบต่างๆ ที่เริ่มสร้างแรงกระตุ้นให้กับผม และส่งผ่านไปให้คนอื่นปฏิบัติงานต่อ ผมจะบอกเขาว่าผมกำลังทำอะไร และผมต้องทำอย่างไร และผมจะปล่อยให้เขาจ้างทีมงานเข้ามา สอนอบรมทีมงาน สร้างระบบให้ครอบคลุม และผมก็บริหารจากอีกที่โดยที่ผมไม่ต้องปรากฏตัวที่นั่น นี่แหละคือความท้าทายในชีวิตผม

พนักงานจะไม่ถือเป็นทุนหากจ้างมาอย่างเหมาะสม เพราะอันที่จริงแล้วพนักงานคือผู้ที่ทำเงินให้คุณเสียมากกว่า
 

คุณจะให้คำแนะนำอย่างไรกันคนที่พร้อมได้เตรียมตัวเพื่อเข้าสู่โลกแห่งความเจริง หรือคนที่พึ่งจบออกจากโรงเรียน เผื่อจะมีแนวคิดที่อาจจะเปลี่ยนเส้นทางอาชีพของเขาใน ณ โอกาสนี้
 

นี่เป็นคำถามที่ดีมากเลย ถ้าเรารับคนเข้ามาในช่วงวัย 20 ต้นๆ ทุกคนมักเร่งรีบให้ตัวเองได้เป็นผู้ประกอบการได้ไว ซึ่งผมมักจะแนะนำว่าไม่ควรทำอย่างนั้น ผมคิดว่านั่นเป็นคุณสมบัติที่น่าชื่นชมที่อยากจะสร้างธุรกิจ และผมเองก็เป็นนักสร้างธุรกิจ แต่อย่างไรก็ดี การจะสร้างธุรกิจและดำเนินการนั้นจำเป็นจะต้องมีทักษะการเข้าใจมากมาย เกี่ยวกับการเงิน การขาย การจัดการ และอีกหลายๆ สิ่ง ที่ผู้คนมักคิดว่าการทำธุรกิจก็แค่การหาเงินด้วยการเป็นตัวแทนทางการตลาด นั่นไม่เรียกว่าการทำธุรกิจ นั่นคือการกระตุ้น บ่อยครั้งที่ผมมักจะบอกกับคนหนุ่มสาว ว่าให้ลองใช้ชีวิตสัก 3 ถึง 5 ปี เพื่อที่จะค้นหาตัวเองว่ามีความสามารถในด้านไหนที่ต้องการที่จะดำเนินธุรกิจ การเรียนสิ่งเหล่านี้ พวกเขาควรที่จะลองไปทำงานด้านการเงินสักพักหนึ่ง แล้วก็ไปลองงานขายอีกสักพักหนึ่ง และทำซ้ำไปปแบบนั้นเพื่อเป็นการพัฒนาทักษะของพวกเขาเอง

คนมักจะถามหาผู้รู้เพื่อให้ชี้แนะ หรือเรียนรู้งานจริงๆ จากคนอื่นอยู่เสมอ ว่าจริงๆ แล้วทำงานเพื่ออะไร ถ้าคุณทำงานเป็น คุณก็จะสามารถไปทำงานกับใครก็ได้ที่เขายินดีจ้างคุณ และในเวลาเดียวกันคุณก็จะได้เรียนรู้ฝึกฝนทักษะพวกนั้นและคอยแนะนำต่อไป ผมคิดว่าช่วงนี้มีความเข้าใจผิดไปอย่างมากในโลกใบนี้ว่าการทำงานนั้นไม่ดี งานไม่ได้ไม่ดีไปทั้งหมด ผมมีคนมากมายที่ทำงานที่นี่ในหลายๆ บริษัทของผม พวกเขาทำได้ดีด้วย และทำเงินให้ผมมากมายมหาศาล ซึ่งเก่งมีทักษะในหลายๆ ด้าน และเมื่อจุดหนึ่งมาถึง เขาก็สามารถไปสร้างบริษัทเป็นของตัวเองได้อีกด้วย

ถ้าคุณยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ผมขอแนะนำให้คุณคุยกับผู้ประกอบการที่เขาทำธุรกิจ และถามเขาว่าทักษะอะไรที่สำคัญในการประสบความสำเร็จ จากนั้นคุณก็ไปทำงานพวกนั้น และแสดงทักษะเหล่านั้นไปอีกสองสามปีข้างหน้าของชีวิตคุณ และเริ่มสร้างเครื่องมือของตัวเองขึ้นมา ไล่ตามสิ่งที่คุณรู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร ดีกว่าที่จะเริ่มธุรกิจแต่ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าอยากเป็นอะไร หน้าตาเป็นอย่างไร ในระหว่างทางก็ทำความผิดพลาดให้มันเกิดให้มากที่สุด เพื่อที่สิ่งนี้จะช่วยลดความผิดพลาดต่างๆ ให้น้อยลงในอนคต และสิ่งนี้จะเร่งให้คุณเติบโตได้เร็วครั้นเมื่อคุณเริ่มทำธรกิจ

   อะไรคือความสำเร็จ ที่คุณรู้สึกภูมิใจมากที่สุด
 

ผมภูมิใจที่ได้สร้าง A4D ขึ้นมา ผมภูมิใจที่เคยถูกฟ้องโดย FTC ผมภูมิใจที่ผมใส่ใจในทุกคน ทั้งลูกจ้างและตัวแทนทั้งหลายโดยที่ผมไม่เคยลืมจ่ายเงินเดือนพวกเขาเลย ผมภูมิใจที่ได้ทำธุรกิจและประสบความสำเร็จทำให้เกิดความมั่นคง และมั่นใจมากว่าบริษัทในเครือจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเช่นกัน

ผมภูมิใจกับทุกคนที่ทำงานให้ผม หรือเคยเป็นบริษัทในเครือของเรา ให้ได้ดำเนินธุรกิจต่อไปสู่การสร้างบริษัทอันยิ่งใหญ่ ผมมีรายชื่อผู้คนอันยาวเหยียดที่เกิดผลกระทบกับผมและผมได้ช่วยมาตลอดหลายปี ผมไม่ต้องการกำไรพวกนั้น แต่ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นความสำเร็จของพวกเขา

บทสรุป

เรารู้สึกขอบคุณ คุณเจสันมากๆ ที่มาแบ่งปันสาระและประสบการณ์ให้ได้ฟัง และพวกเราเชื่อมั่นว่าทุกคน คงได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งนี้ไม่หนึ่งก็สองอย่าง สำหรับใครที่อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเจสันมากกว่านี้ คุณสามารถติดตามเขาได้ที่ช่องทางของเขาที่ชื่อ Jason Akatiff และอย่าลืมไปดูเว็บไซต์ของเขาได้ที่ jasonakatiff.com 

 

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?
#บทสมภาษณ #เครอขาย a4d