16 ตุลาคม 2022 0 391

บทสัมภาษณ์ของคุณคริส รีดเดอร์ (Chris Reader): Affiliate หนุ่มวัย 23 ปีที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองใน Clickbank

เราจะพาคุณไปพบกับคุณคริส รีดเดอร์ (Chris Reader) นักการตลาด Affiliate ของออสเตรเลียวัย 23 ปีที่กำลังฮอตสุดๆในตอนนี้ โดยได้นำการผู้เข้าชมจาก Facebook และ Youtube ไปยังหน้าข้อเสนอของ Clickbank ล่าสุดเจ้าตัวได้คิดค้นกลยุทธ์การทำโฆษณาบน Youtube ใหม่ๆ ที่ช่วยให้เขาและทีมงานของเขาสามารถสร้างรายได้ด้วยค่าคอมมิชชั่นของ Affiliate ได้หลายล้านดอลลาร์ และในปัจจุบัน Affiliate ของทาง Clickbank หลายคนกำลังจับจ้องมาที่หนุ่มวัย 23 ปีผู้นี้

มาติดตามการสัมภาษณ์นี้ที่ทีมงานจัดขึ้นที่ “the 7-figure Entrepreneur” พอดเคสต์ ในขณะนี้คุณคริสจะแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางของเขา จากที่เคยเป็นเกมเมอร์จนผันตัวมาเริ่มต้นทำร้านค้าอีคอมเมิร์ซ และในที่สุดก็กลายเป็นนักการตลาด Affiliate นอกจากนี้เขายังจะมาพูดคุยถึงวิธีการโฆษณาบน Youtube ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้เขาได้รับค่าคอมมิชชั่นมากกว่า $10,000/วัน จากการเป็น Affiliate

คุณคริสช่วยบอกผมหน่อยว่าช่วงนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่บ้าง

ได้ครับ ผมเป็นนักการตลาด Affiliat คนหนึ่ง ซึ่งคนส่วนใหญ่ในที่นี้ก็คงพอรู้จักอาชีพนี้กันไปบ้างแล้ว - โดยเราจะช่วยขายโปรดักที่สร้างขึ้นโดยผู้ขายเดิม และเราก็จะได้รับส่วนแบ่งจากยอดขายของพวกเขาด้วย แต่เดิมทีแล้วผมเคยทำโฆษณาบน Facebook มาก่อน และผมก็เคยประสบความสำเร็จมามากที่สุดจากการยิงโฆษณาบน Facebook ซึ่งตอนนี้ผมยังคงยิงโฆษณาบน Facebook อยู่อย่างหนัก และมันก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญของธุรกิจที่ต้องทำควบคู่ไปกับโฆษณาบน Youtube อีกด้วย เราจะยิงโฆษณาแบบพรีโรลบน Youtube แล้วก็ส่งการเข้าชมไปยังหน้า Landing Page จากนั้นก็แสดงข้อเสนอ เรามักทำข้อเสนออาหารเสริมเพื่อสุขภาพกันเป็นหลัก

โดยส่วนใหญ่คุณทำงานกับทาง Clickbank ด้วยใช่ไหม?

ใช่แล้ว ผมทำงานกับทาง Clickbank และMaxweb และเครือข่าย CPA อื่นๆอีกด้วย

ก่อนที่ได้เข้ามาวงการการตลาดออนไลน์คุณทำอะไรมาก่อน? คุณเริ่มต้นมาทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างไรบ้าง?

เมื่อก่อนผมเคยเล่นเกมเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งส่วนมากเกมที่เล่นก็จะเป็น Counter-Strike ผมก็เคยเป็นสุดยอดนักแข่ง และตอนนั้นรู้สึกว่าผมก็เล่นเกมได้ทั้งวันสบายๆเลยแหละ เพราะเป็นกิจกรรมที่ผมถนัดมากจริงๆ ผมจำได้ว่าเคยได้แข่งเล่นกับคนที่อายุ 25 ปี ซึ่งในตอนนั้นผมยังอายุ 16 ปีอยู่เลย ผมยังจำได้ที่เคยบอกกับตัวเองไว้ว่าเมื่อตอนผมอายุ 18 แล้วผมจะเลิกเล่นเกม เพราะเวลาผมมองไปที่ผู้เล่นมากมายที่ผมเคยเจอ อายุของพวกเขาเยอะมากซึ่งทำให้คิดได้ว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วเมื่ออายุมากขึ้น ดังนั้นผมจึงหาหนทางที่จะพัฒนาตนเอง และตอนนั้นผมต้องแยกโลกความจริงกับความฝันออกจากกันแล้ว

ผมเคยดูสารคดี Zeitgeist ผมไม่รู้ว่าหลายคนได้ดูเรื่องนี้หรือเปล่าแต่มันลึกซึ้งมากๆ ผมได้ดูในช่วงที่เพิ่งออกมาจากโรงเรียนมัธยม ตอนสมัยมัธยมผมเคยเรียนเศรษฐศาสตร์และธุรกิจมาก่อน ผมจำได้ว่าผมเคยมีความฝันอยากทำธุรกิจและผมจะต้องมีลุคที่แบบใส่ชุดสูท หาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ทำงานที่ตึกใหญ่ๆ มีตำแหน่งเป็นประธานบริษัทอะไรประมาณนี้ แต่หลังจากดูสารคดีนั่นแล้ว โลกแห่งความฝันของผมก็พังทลายลงทันที โดยเปลี่ยนความคิดของผมไปเลยว่า ผมไม่มีวันหางานดีๆ ไม่มีวันได้เป็นผู้ชายที่ใส่ชุดสูท และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาตนเอง และได้เรียนรู้การเป็นผู้ประกอบการอีกด้วย

ช่วงผมจบจากโรงเรียนมัธยม และเคยทำงานในร้านกาแฟที่เป็นงานที่ผมเกลียดสุดๆ ผมจะโดดงานอยู่เสมอเพราะเกลียดมากๆ ผมแทบไม่มีเงินมาใช้เลย แต่แล้วทุกๆ อย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อผมสร้างร้านค้าอีคอมเมิร์ซเป็นครั้งแรกและโปรโมตร้านนี้ด้วย Instagram ตอนนั้นผมทำเงินไปได้ประมาณ $5,000 ใน 2 เดือนแรกกับร้านค้า และนั่นคือวิธีที่ผมค้นพบความเป็นไปได้ในเส้นทางการหาเงินจากอินเทอร์เน็ต

Shopify ร้านแรกของคุณหน้าตาเป็นยังไง แล้วคุณขายอะไรในร้านบ้าง?

ผมขายแหวนประแจในตอนนั้น ผมขายแหวนนี้ผ่านเพจ Instagram mechanic meme เพราะผมคิดว่าที่นั่นคือกลุ่มตลาดเป้าหมาย เพียงผมจ่ายเงินให้กับหน้าเพจ mechanic meme เพื่อโปรโมตสินค้านี้ ดังนั้นผมจึงไม่ได้ทำโฆษณาแบบเสียเงินในตอนทำแรกๆ แต่ว่าทำการตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์จะได้ผลดีมากกว่า ผมไม่รู้ว่าจะยิงโฆษณาบน Facebook ได้อย่างไรในตอนนั้น แต่หลังจากที่ผมทำเงินได้ $5,000 ในครั้งแรกได้แล้ว ผมจึงลองยิงโฆษณาบน Facebook เป็นครั้งแรกดูบ้าง ผมจำได้ว่าติดโฆษณาในลิสต์ที่แย่ที่สุดและผมก็สูญเสียเงินไป $400 อีกด้วย

คุณทำร้านค้าอีคอมเมิร์ซในด้านของรายได้ไปได้ไกลแค่ไหน?

ผมอาจจะมีรายได้ $15,000 และทำกำไรระหว่าง $5000 ถึง $7000 ภายในเวลา 4 เดือนและนั่นนับว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมาในชีวิตตอนอายุ 18 ปี รายได้มันมาจากการตลาดของอินฟลูเอนเซอร์ในอินสตาแกรมล้วนๆเลย

หลังจากที่ทำเงินได้ด้วยอีคอมเมิร์ซ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างต่อไป?

ผมเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อเรียนการตลาดโดยเฉพาะ มีวันหนึ่งผมนั่งดูวิดีโอบน Youtube คลิปที่มีผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเล่นเรื่องเกี่ยวกับอดีตพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของ Tai Lopez เขาพูดถึงผู้ชายคนนี้ที่ได้อาศัยอยู่ในบาหลีที่ชื่อว่า เจอรี่ แครมเมอร์ (Gerry Cramer) ที่ทำการตลาด Affiliate หลังจากดูเสร็จผมจึงตัดสินใจซื้อคอร์สเรียนของคุณเจอรี่ทันที โดยจากที่ผมได้เรียนรู้วิธีการทำการตลาด Affiliate ด้วยโฆษณาบน Facebook จากนั้นก็เริ่มทำการตลาด Affiliate ผมมีเงินเก็บถึง $10,000 ในตอนอายุ 20 ปี

ข้อเสนอแบบไหนบ้างที่คุณได้รับในเวลานั้น?

ข้อเสนอนั้นจะเป็น Flat Belly Flap Fix จากทาง Clickbank

ดังนั้นคุณจึงเริ่มต้นด้วยการทำอีคอมเมิร์ซ และจากนั้นคุณก็โปรโมตยาลดความอ้วนบน Clickbank ด้วย ยังมีข้อเสนออื่นๆ แบบไหนอีกบ้างที่คุณเคยโปรโมตไปแล้ว?

ในตอนนั้นข้อเสนอ Affiliate ของทาง Clickbank ส่วนใหญ่จะเป็นพวกหนังสืออีบุ๊กและโปรดักเชิงข้อมูลต่างๆ นั่นถือเป็นช่วงปีแรกๆ ที่ผมเข้าร่วมทำการตลาด Affiliate แต่แล้วผู้ขายเจ้าใหญ่ใน Affiliate บางรายก็สร้างโครงสร้างใหม่ๆ ขึ้นมาและเริ่มขายอาหารเสริมต่างๆ สิ่งที่เรานำมาใช้ในโครงสร้างใหม่ทั้งหมดก็เริ่มทำมันได้ดีมากๆ

ในด้านของผลกำไรโดยตั้งแต่เริ่มต้นทำการตลาด Affiliate รายได้ต่อวันที่สูงที่สุดอยู่ที่เท่าไหร่?

ในจุดที่สูงสุดก็จะมีกำไร $25,000 ต่อวัน

คุณมีทีมที่คุณทำงานด้วยหรือมีแค่คุณทำเองคนเดียว?

เดิมแล้วเป็นผมเองที่ทำคนเดียวหมดเลย จนกระทั่งเมื่อผมไปบาหลีเพื่อเป็นผู้พูดในงานของคุณเจอรี่ แครมเมอร์ นั่นคือตอนที่ผมได้พบพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจคนปัจจุบันของผม ซึ่งเขาอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสตอนนี้ เขาเป็นอีกคนสำคัญของธุรกิจนี้มากเหมือนกัน

แล้วพวกคุณเน้นยิงโฆษณาเพียงอย่างเดียว หรือคุณเคยคิดที่จะทำด้านอื่นๆ เกี่ยวกับธุรกิจบ้างไหม?

ตอนนี้เรากำลังตรวจสอบพัสดุของผู้ขายอยู่ เรากำลังจะสร้างโปรดักบางอย่างและเราก็กำลังทำงานร่วมกันกับกลุ่มนักเขียนคำโฆษณา โดยส่วนตัวแล้วผมเพิ่งพบกับ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อตอนที่กำลังดำเนินธุรกิจโฆษณาอยู่ และจากนั้นผมก็ได้สร้างคอร์สฝึกอบรมขึ้นมาเอง เพราะจากที่ผมได้เคยสมัครเป็นนักเรียนของคุณเจอรี่ ซึ่งในตอนนี้เขาก็ยังเชิญผมไปพูดในงานอีเว้นท์ด้วย อย่างที่ผมเคยพูดไม่ว่าจะเป็นที่ลาสเวกัส  ซานดิเอโก้ และบาหลี ซึ่งอาจฟังดูน่าเหลือเชื่อที่คิดจะสร้างคอร์สนี้ขึ้นมา

ผมตัดสินใจดรอปจากมหาวิทยาลัยในปีที่สอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองทำการตลาดจริงจังเกินไป มันบ้ามากๆ เพราะในการบรรยายครั้งแรกของผม การบรรยายที่กล่าวไว้ว่า ถ้าคุณเคยลองออกหาโอกาสนอกมหาวิทยาลัย คุณควรจะลาออกจากมหาวิทยาลัยได้แล้ว และไปไล่ล่าหาโอกาส เพราะยังไงมหาวิทยาลัยก็อยู่ที่เดิมเสมอ จากนั้นผมจึงออกบรรยายด้านการตลาด เพื่อที่จะไปบรรยายด้านการตลาดเองในตอนอายุ 21

อะไรที่ทำให้คุณเปลี่ยนจากการทำโฆษณาบน Facebook มาทำโฆษณาบน Youtube แทน?

ในการทำโฆษณาบน Facebook เริ่มทำยากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ในตอนแรกมันก็ดีสำหรับมือใหม่และระดับกลางๆ แต่ในปัจจุบันมันมีไว้สำหรับนักการตลาดขั้นสูง แล้วซึ่งมีเทคนิคการทำเว็บไซต์หลังบ้านจำนวนมากที่ไม่เกี่ยวข้องกับการยิงโฆษณาเลย ดังนั้นเราจึงมองว่า Youtube ถือเป็นแหล่งการเข้าชมที่ยังไม่ค่อยมีคนมาทำการตลาด Affilate เหมือนที่เราทำ เราเริ่มทำ Youtube และได้มีคุณคีแกน (Keegan) เป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจอีกคนของผมซึ่งเป็นผู้ดูแลใน Youtube เขาไม่เคยพาไปในทางลบ เป็นเวลา 6 เดือนด้วย Youtube มีวิธีการบางอย่างที่พวกเรานำมาใช้ และเขาสอนให้กับคนอื่นอย่างสม่ำเสมอจากรายได้ $2,000/วัน ไปยัง $31,000/วัน ในเวลา 2 วันด้วยวิธีการนี้ แทบน่าเหลือเชื่อกับวิธีนี้ เพราะเป็นการใช้เสียงหุ่นยนต์พูดมาใช้แทนเสียงมนุษย์ โมเดลธุรกิจของเราบน Youtube คือการสร้างสคริปต์คอนเทนต์การขาย จากนั้นทำวิดีโอโฆษณาที่มีเสียงหุ่นยนต์มาพูดสคริปต์ จากนั้นก็พาไปยังหน้า Landing Page แบบง่ายๆ และสุดท้ายก็แสดงข้อเสนอให้

เราเคยทดสอบวิธีนี้กับเสียงของมนุษย์จริง แต่ว่าเสียงของหุ่นยนต์ก็ได้ผลดีที่สุดเสมอ ดังนั้นเราจึงเริ่มใช้งานกับเจ้าเสียงนี้ และผลลัพธ์ที่ได้มันทำเอาปังสุดๆ ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อนบน Youtube และยังสามารถใช้เงินสนับสนุนได้อีกเยอะไปกับการทำโฆษณาบน Youtube เพราะยังไม่มี Affilate มาทำมากนักใน Youtube คุณสามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายโฆษณาจาก $2,000 จนเป็น $15,000 ในหนึ่งวันได้และค่า ROI ของคุณก็ยังคงมีเท่าเดิม

แล้วมีใครบางคนที่ทำ lead genneation บน Facebook สามารถลองยิงใช้โฆษณาวิดีโอเหล่านี้ด้วยเสียงหุ่นยนต์ และจากนั้นก็ส่งการเข้าชมไปยังหน้า Landing Page จากนั้นไปยังหน้าข้อเสนอได้เลยมั้ย?

เรายังไม่ได้ลองใช้วิธีนี้บน Facebook เลยเพราะเราให้น้ำหนักไว้ที่ Youtube มากกว่าและมันก็น่าสนใจดีที่ Youtube ไม่ได้เกลียดมัน ในโฆษณาบน Facebook ของผมเพียงแค่ใช้วิดีโอแบบธรรมดาๆ แบบไม่ใช่เสียงหุ่นยนต์ แต่เคล็ดลับในที่นี้ก็คือการมีสคริปต์สำหรับวิดีโอพูดในเสียงหุ่นยนต์โดยเฉพาะคำรับรองของผู้ใช้

เสียงนั่นเป็นยังไงบ้าง?

มันคล้ายๆ กับเสียงของ Siri หรือ Alexa ที่เป็นเสียงจากหุ่นยนต์ AI เหมือนกัน

พวกคุณได้ทำการทดสอบแบบแยกส่วนในด้านของหน้า landing page บ้างหรือเปล่า?

ลำดับที่ ใน Youtube เราจะได้รับอัตราการคลิก (CTR) ค่อนข้างสูง เพียงแค่เราทดสอบวิดีโอ หากมีวิดีโอไหนมีสถิติหน้าบ้านที่ดี เช่น ยอดวิวเยอะและค่า CTR ที่สูงแต่ว่าไม่มียอดขาย ดังนั้นผมจึงจะต้องทดสอบที่หน้า Landing Page แต่โดยปกติแล้วผมจะไม่ทำการทดสอบที่ไหนเลยบนหน้า Landing Page ตอนที่มีการใช้โฆษณา Youtube ซึ่งจะแตกต่างจากโฆษณาบน Facebook สิ้นเชิง

คุณได้จ้างนักเขียนสคริปต์มา หรือคุณเป็นคนเขียนสคริปต์ด้วยตัวเอง?

ผมเขียนสคริปต์เองทั้งหมดครับ โดย 15 วินาทีแรกของวิดีโอนั้นมีความสำคัญที่สุด และใน Youtube นี่เองคุณจะไม่ต้องใช้จ่ายเงินเลย ถ้าผู้ชมดูไม่ถึง 5 วินาทีแรก ดังนั้นควรต้องใส่ใจในการโน้มน้าว คุณต้องโน้มน้าวผู้ชมของคุณภายใน 5 วินาทีแรกให้ได้ สมมุติคุณทำโฆษณาเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ควรให้มีเสียงพูดออกภายใน 5 วินาทีแรก ซึ่งถ้าหากผู้ที่ชมอยู่ไม่ได้มีความสนใจเลยก็สามารถกดข้ามไปได้และคุณก็จะไม่ถูกเรียกเก็บเงิน

คุณได้ตั้งค่าการกำหนดเป้าหมายของคุณด้วย Youtube อย่างไรบ้าง?

ในช่วงเริ่มทำครั้งแรกเราได้ตั้งเป้าไปที่ด้านหัวข้อและการวางตำแหน่ง ในด้านหัวข้อถือว่าเป็นเหมือนกับความสนใจบน Facebook และด้านการวางตำแหน่งก็เป็นเหมือนกับช่อง Youtube ที่เฉพาะเจาะจงได้ แต่วิธีการกำหนดเป้าหมายที่ผมบอกมานี้ก็ไม่ได้มีผลดีกับเรา แค่เราอยากจะขยายให้เป็นวงกว้างและปล่อยให้อัลกอริทึมของ Google ทำหน้าที่ของมันบ้าง เพราะอัลกอริทึมของ Google นั้นดูฉลาดกว่าของ Facebook ซึ่งมันสามารถหาผู้ซื้อได้ไม่ว่าจะใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง

อาจฟังดูง่ายเหมือนคุณแค่พิมพ์ธนบัตรเงินบน Clickbank เลยงั้นหรอ?

เราเริ่มต้นทำคอร์ส “Profit Singularity” และเราได้จัดทีมนักการตลาด 15 คน โดยมีทั้งคนที่มีประสบการณ์และบางคนก็ไม่มีประสบการณ์มาก่อน โดยเราจะแบ่งปันวิธีการ แนวคิด และแหล่งข้อมูลให้กับสมาชิกทุกคน ภายใน 2 เดือนเหล่าสมาชิกก็สร้างรายได้ไป $2,500,000 จาก Clickbank เรายังเคยนำโปรดักที่ติดอันดับในหน้า 10 สามารถขึ้นมาเป็นข้อเสนอสูงสุดอันดับ 3 บน Clickbank ได้สำเร็จ

คุณเลือกโปรดักที่อยู่ในหน้าที่ 10 เพราะอะไรล่ะ?

ยังมีผู้ขายที่มีโปรดักที่ดีอื่นๆ อีกเยอะแยะ มีผู้คนในกลุ่มกำลังแข่งขันกันในตอนนั้น โดยผู้แข่งแต่ละคนจะต้องโปรโมตโปรดักนั้น แต่เรามีสมาชิกแค่ 3 คน ที่พวกเรามีเงินเพียง $30,000 บางครั้งก็ $50,000 ในหนึ่งวันนั่นแสดงให้เห็นว่าการแข่งขันและความอิ่มตัวจะไม่สำคัญเลย ในเมื่อคุณมีฐานผู้ชมที่กว้างอยู่แล้ว

ดังนั้นเรามาพูดคุยกันเกี่ยวกับการเลือกข้อเสนอใน Clickbank คุณสามารถเลือกข้อเสนอที่ดีๆ ได้อย่างไร?

ถ้าหากข้อเสนออยู่ในอันดับต้นๆ ของแรงค์บน Clickbank จะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะโน้มน้าวได้ดีทีเดียว แต่การตลาด Affiliate ก็แค่ใช้การทดสอบข้อเสนอให้เป็น สิ่งที่ผมชอบทำก็คือผมจะทดสอบโดยใช้ $500 ใน 3 ข้อเสนอ ถ้าหากมีผลลัพธ์ของข้อเสนอหนึ่งเป็นลบ อีกผลลัพธ์หนึ่งเท่าทุน  และอีกผลลัพธ์หนึ่งมีผล 100% ROI แค่นั้นคุณจะรู้ได้ทันทีเลยว่าข้อเสนออะไรจะได้ผลดี

คุณเคยมีสถานการณ์แบบว่า ได้ใช้จ่ายโฆษณาของคุณเพียงแค่ปล่อยออกมา และคุณสูญเสียมันไปหรือไม่ใน youtube?

เคยครับ ในระบบ Youtube มันน่าตลกเพราะมันสามารถทำแบบนั้นได้และในบางครั้งทาง Youtube ก็ไม่ได้ใช้จ่ายเลย นี่คงเป็นเพราะระบบของ Google นั้นแปลก แต่เพียงแค่คุณต้องเรียนรู้วิธีที่จะทำให้อัลกอริทึมนั้นเชื่องไว้ก่อน เพื่อที่จะใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ผมเคยมีวันที่ใช้เงินไป $10,000 ต่อวันด้วย และระบบจะใช้งบประมาณไปอย่างรวดเร็วภายใน 10 ชั่วโมงในวันเดียวซึ่งไม่ใช่ระยะเวลาที่ผมต้องการเลย เพราะผมอยากให้มันยืดเวลาออกตลอดทั้งวัน แต่โชคดีที่ข้อเสนอนั้นน่าจะเอาชนะได้หรือมีผลลัพธ์ที่ดี

ดังนั้นหากมีคนอยากเปิดวิธีการใน youtube นอกจากนี้ยังซื้อคอร์สของคุณอีกด้วย คุณมีคำแนะนำสำหรับพวกเขาแบบไหนบ้าง?

เพื่อเรียนรู้สคริปต์การตลาดการแบบตอบสนองโดยตรง ความรู้เหล่านี้สามารถเรียนรู้ได้ฟรีบน Youtube จากคุณอเล็กซ์ เบคเกอร์ (Alex Becker) ที่สอนวิธีในการทำโฆษณาบน Youtube โดยเรียนรู้วิธีการเขียนสคริปต์ดีๆ เพราะสคริปต์ก็คือสิ่งที่ขายได้เหมือนกัน ด้วย Facebook นี้จะทำเป็นเพจพรีเซลล์ที่ไว้ใช้ขายของ แต่กับ Youtube มันจะทำเป็นสคริปต์

โดย 15 วินาทีแรกของวิดีโอจะต้องมีความสำคัญที่สุด ดังนั้นเมื่อคุณทดสอบวิดีโอแบบแยกส่วน ให้ทดสอบด้วยสคริปต์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้วย แล้วเลือกสคริปต์ที่ดีที่สุดนั้นมาใช้ จากนั้นแบ่งทดสอบอีกครั้งด้วยคำโน้มน้าวที่แตกต่างกันโดยใช้เวลา 15 วินาทีแรก ดังนั้นแนวคิดนี้คือการทดสอบสิ่งที่แตกต่างกันจริงๆ โดยเหมือนกับมีสเปกตรัมกว้างชิ้นหนึ่ง แล้วเลือกเอาด้านไหนก็ได้ที่ทำงานได้ดีที่สุดมาใช้

แล้วอะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้คุณอยากจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า? แค่อยากทำเงินให้เยอะๆ หรือที่ไลฟ์สไตล์ที่เป็นอยู่?

เดิมทีก็เป็นเงินนี่แหละ เพราะผมไม่เคยอยากกลับไปทำงานเดิมอีกครั้ง และไม่เคยต้องการที่จะอยู่ในระบบการทำงานแบบเดิมๆ แน่นอนเลยว่าการทำเงินเป็นกอบเป็นกำเป็นสิ่งที่ดีและผมยังคงอยากสร้างความมั่งคั่งอีกด้วย

ตอนที่ผมเริ่มต้นครั้งแรกเป้าหมายของผมนั้นมีแบบว่า ผมอยากออกเดินทางบ้าง ซื้อรถ Lamborghini บ้าง แต่ตอนนี้ผมแค่อยากสร้างฟาร์มไปก่อน ผมอยากที่จะใช้เงินออนไลน์ทั้งหมดของผมไปใช้ทำธุรกิจการเกษตรขนาดใหญ่ และก็แค่อยากนั่งชิวๆ ที่ฟาร์มส่วนตัวนอกเมือง ในขณะที่อาจจะมีรถซูเปอร์คาร์มาจอดอยู่ข้างๆ อย่างรถปอร์เช่สักคัน

สรุป

คุณคริสได้แบ่งปันข้อมูลเบื้องหลังที่น่าทึ่งและเราเชื่อว่าทุกคนจะพบคุณค่าจากการสัมภาษณ์นี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณติดตามเขาในช่องทางโซเชียลมีเดียของเขาแล้วรึยัง @chrisreader และหากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของเขา กดที่ลิงค์นี้จะพาคุณไปยังวิดีโอที่อธิบายกลยุทธ์ Youtube นี้

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?