ตอนนี้คุณกำลังอ่านบทสัมภาษณ์กับหนึ่งใน Affiliate ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Clickbank นั่นคือ คุณร็อบบี้ บลันชาร์ด(Robby Blanchard) ซึ่งทำรายได้มากกว่า หลักสิบล้านในค่าคอมมิชชั่น Affiliate ของ Clickbank เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นนักการตลาด Affiliate ชั้นนำของ Clickbank ในปี 2019 และปัจจุบันเขาก็ยังคงรักษาสถิตินี้เอาไว้ได้
คุณร็อบบี้มุ่งเน้นไปที่การยิงโฆษณาบน Facebook และเขายังเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในผู้สร้างโปรแกรมการฝึกอบรมการตลาด Affiliate ที่ใหญ่ที่สุดใน "Commission Hero"
มาติดตามการสัมภาษณ์นี้ที่จัดขึ้นโดยทีมงานที่ Clickbank ในขณะที่เขาแบ่งปันเรื่องเล่าการเดินทางของเขากับเราในการตลาดแบบ Affiliate ตั้งแต่เขาเริ่มต้นจนกลายเป็น Affiliate เบอร์ต้นๆของ Clickbanks และอื่นๆอีก นอกจากนี้เขายังแบ่งปันเคล็ดลับอีกมากมายสำหรับนักการตลาด Affiliate และมุมมองของเขาเกี่ยวกับสถานะของอุตสาหกรรมนี้
คุณร็อบบี้ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยสิ จากจุดเริ่มต้นของคุณ เมื่อตอนที่คุณพบว่าตัวเองว่าเข้ามาอยู่ในโลกของการซื้อสื่อโฆษณาได้อย่างไร และคุณมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรบ้าง?
ผมเริ่มต้นจากการเป็นเทรนเนอร์ฝึกอบรมส่วนตัวในด้านธุรกิจ จากนั้นก็หันมาเป็นเจ้าของธุรกิจ Bootcamp จากนั้นก็หันมาเป็นเจ้าของ Crossfit ฟิตเนส ในตอนนั้นมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ CrossFit ฟิตเนสของผมทำรายได้ไม่ดีนัก เพราะผมถนัดในการทำให้ลูกค้ามีรูปร่างที่ดี แต่ผมก็ไม่เก่งที่จะทำให้พวกเขาเข้ามาใช้บริการที่ฟิตเนสนี้สิ ดังนั้นมันจึงเป็นปัญหาธุรกิจมาตลอดจนกระทั่งในที่สุดผมก็นึกขึ้นได้ว่าจะลองใช้โฆษณา Facebook ไว้ให้คนเข้ามาในฟิตเนสของผม
เมื่อช่วงประมาณ 5 -6 ปีที่แล้ว ผมอยากทำงานแบบออนไลน์เป็นอาชีพหลัก ก็เพราะอยากดูเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์บ้างเหมือนคนอื่นๆ ดังนั้นผมจึงเข้าคอร์สเรียนกับอาจารย์ที่ปรึกษาของผม ก็คือคุณเบดรอส คิวเลี่ยน (Bedros Keuilian) และ คุณเคริก บัลลานทีน (Craig Ballantyne) ที่สอนวิธีการเริ่มต้นทำออนไลน์ด้วยแพลตฟอร์ม Clickbank ซึ่งได้รู้วิธีการมีโปรดักบน Clickbank และการโปรโมตโปรดักอีกด้วย
ต่อมาผมได้สร้างคอร์สการออกกำลังกายที่เรียกว่า “สเต็ปในการกระโดดเชือก 2 จังหวะ (Dominate Your Double Unders)" เป็นการฝึกฝนใน CrossFit จะเป็นวิธีการเคลื่อนที่ไปกับการกระโดดเชือกโดยใช้การแกว่งสองครั้งต่อการกระโดดหนึ่งครั้ง ดังนั้นผมจึงนำโปรดักนี้มาใช้ เพราะผมเห็นว่าคนจำนวนมากในยิมของผมกำลังพยายามฝึกฝนมากๆ เพราะพวกเขาไม่เคยฝึกด้วยวิธีนี้มาก่อนเลย
ผมรวมจึงรวมคอร์สนี้เข้าด้วยกันและผมจำได้ว่าเคยไปเป็นคนวางแผนในไมอามี่เกี่ยวกับโปรดักนี้ และผมก็ตื่นเต้นมากเพราะก็รู้เลยว่าจะมี Affiliate เพื่อทำการโปรโมตผ่านทางระบบอีเมลให้สำหรับผม ผมเดินไปหาผู้คนต่างๆที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ และถามว่า "พวกคุณช่วยโปรโมตโปรดักของผมหน่อยได้ไหมครับ?" ทุกคนตอบเหมือนกันเลยว่า "ไม่" ที่ตอบแบบนั้น ก็เพราะว่าพวกเขาทุกคนมีรายชื่ออีเมลที่มุ่งเน้นไปที่การลดน้ำหนักอยู่แล้ว และโปรดักของผมไม่เกี่ยวกับโปรแกรมลดน้ำหนักเลย นั้นก็เลยทำให้ผมรู้สึกท้อใจ เพราะผมจ่ายเงินทั้งหมดเพื่อที่จะได้มีผู้เชี่ยวชาญและผมก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในทันที
ดังนั้นผมจึงเช็คอินในโรงแรมหลังจากจบงานที่ไมอามี่และผมกลับมาคิดแบบว่า "รู้อะไรไหมล่ะ บางทีก็แค่จะลองยิงโฆษณาโปรดักบางตัวบ้างตั้งแต่ที่มันได้ผลดีกับยิมของผม — บางทีมันอาจจะได้ผลดีกับโปรดักนี้ก็ได้นะ" ผมจำได้ว่าคืนนั้นผมกำลังตั้งค่าโฆษณาอยู่ ผมไม่ไอเดียเขียนคอนเทนต์ดีบน Facebook แต่ผมตั้งค่าโฆษณาและในวันถัดไปผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพบว่ามียอดขาย 3 ครั้ง ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เพราะในทั่วโลกมีคนที่ผมไม่รู้จักได้เห็นโฆษณานี้แล้วคลิกซื้อโปรดักไปซึ่งทำรายได้ให้ผมในตอนนั้น ชีวิตผมเปลี่ยนไปตั้งแต่เช้าวันนั้น
นอกจากนี้ผมยังเริ่มโปรโมตโปรดักของคนอื่นด้วยในฐานะ Affiliate เนื่องจากมีโปรดักอื่นๆด้วยบน Clickbank โดยมีคนที่สร้างโปรดักได้ดีกว่าผมมากๆ นั่นกลายเป็นว่าผมทำเงิน $100/วัน ต่อมา $1,000/วัน สุดท้ายก็มาเป็น $10,000/วัน มันมาถึงจุดนี้ในเดือนมกราคม 2019 เมื่อ Clickbank ได้จัดการแข่งขันและมีคนส่งข้อความมาหาผม บอกว่า "เฮ้ ร็อบบี้ยินดีด้วยนะ คุณกำลังอยู่ในอันดับที่ 3 แล้ว"
ในตอนนั้นผมกำลังเริ่มเปิดตัวคอร์สการตลาด Affiliate ที่อธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ผมกำลังทำโฆษณาบน Facebook แต่นั่นก็เลยทำให้ผมยังไม่เปิดตัวคอร์ส ผมจึงทำข้อตกลงกับตัวเองว่า ถ้าหากชนะการแข่งขันของ Clickbank ด้วยการเป็นที่ 1 ผมจะเปิดตัวคอร์สนี้ในวันนั้น สุดท้ายแล้วผมก็ชนะ ซึ่งผมเอาชนะเจ้าดังๆ ได้มากมายบนแพลตฟอร์มนี้
จากนั้นผมได้เปิดตัวคอร์ส Commission Hero ของผมในเดือนเมษายน ปี 2019 และตอนนี้เรามีผู้เรียนอยู่มากกว่า 8,000 คนในคอร์สนี้ มันน่าเหลือเชื่อที่ได้เห็นผลลัพธ์ของคนที่ประสบความสำเร็จ และมีคนจำนวนมากทำรายได้จนเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ซึ่งมันสุดยอดมากและนั่นคือเหตุผลที่ผมสร้างคอร์สนี้ขึ้นมา
น่าตื่นเต้นสุดๆและน่าทึ่งมากในการเดินทางครั้งนี้! กว่าจะมีนักเรียนถึง 8,000 คน คุณใช้เวลานานแค่ไหน?
แค่ใช้เวลาไม่เกิน 18 เดือนก็จะเห็นมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเป้าหมายอันดับแรกของผมคือการช่วยให้ผู้คนได้มีผลลัพธ์ตามต้องการ ผมเลยคิดว่านี้แหละเป็นเหตุผลที่ทำให้คอร์ส Commission Hero ประสบความสำเร็จแล้ว เรื่องเงินไม่สำคัญเลย แต่มันช่วยให้คนได้รับผลลัพธ์และก็ยังทำให้พวกเขามีสุขภาพดีอีกด้วย ผมมีความเชื่อว่า ถ้าคุณอยากได้อะไรสักอย่างในชีวิต เพียงแค่ช่วยคนอื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป็นผู้ให้ได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการและสิ่งนั้นก็จะกลับมาหาคุณเอง
มาพูดกันถึงเรื่องแย่ๆ กันบ้างว่าเรื่องไหนที่ทำให้คุณปวดหัวที่สุด ในสิ่งที่คุณคิดว่าควรรู้ตั้งแต่แรกแล้วในช่วงทำการตลาดออนไลน์แรกๆ?
ผมคิดว่าเรื่องเวลานี้มันน่าปวดหัวมาก เพราะตอนแรกผมคิดว่า "ผมจะทำสิ่งนี้ได้" โดยในคิดที่น่าจะราบรื่นเหมือนการแล่นเรือใบจากเส้นตรงสู่ความสำเร็จ ทุกอย่างน่าจะผ่านไปด้วยดี จนได้รู้ว่าความจริงมันไม่เป็นแบบนั้น ปีแรกที่ผมเริ่มทำออนไลน์มันหินมากๆ ผมพบความล้มเหลวจากที่บัญชีโฆษณาถูกปิดลงบน Facebook มีลิงค์ที่เสียหายและอื่นๆ ทั้งหมดนี้เป็นกรณีความล้มเหลวที่ทำให้ผมรู้สึกท้อแท้ บางครั้งพวกมันก็ทำให้คุณอยากล้มเลิก แต่โชคดีที่ผมยังมีเป้าหมายในใจดังนั้นผมจึงไม่สนใจว่าผมจะล้มเหลวไปอีกมากแค่ไหน ผมคิดว่าถ้าผมล้มลง 8 ครั้ง ผมจะลุกขึ้นอีกในครั้งที่ 9 คนส่วนใหญ่มักจะประเมินจุดหมายอย่างดีใน 1 ปีและพวกเขาจะเริ่มประมาทในจุดหมายของพวกเขาใน 5 ปี ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงเมื่อมันมาเป็นธุรกิจและไม่ว่าคุณจะทำสิ่งใดก็ตาม
อุปสรรคใหญ่อีกอย่างสำหรับผมคือ หัดที่จะพูดว่า "ไม่" กับหลายสิ่งหลายอย่าง เมื่อคุณเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ครั้งแรกมีเส้นทางที่ให้เลือกแตกต่างกันมากมาย เพื่อให้ประสบความสำเร็จและผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยดี แต่คุณต้องหมกมุ่นอยู่กับมันและตั้งเป้าหมายไว้จนกว่าคุณจะทำสามารถมันสำเร็จ ผมสามารถทำโฆษณา youtube, Instagram หรือ Snapchat แต่ความสำเร็จของผมผ่านการมุ่งเน้นไปที่ Facebook โดยไม่คำนึงถึงความแปลกอะไรทั้งนั้น
เดี๋ยวเรามาคุยเรื่องการตลาด Affiliate Tier-2 ที่คุณกำลังทำอยู่ที่ Commission Hero กันครับ คุณช่วยอธิบายวิธีที่คุณทำกับข้อเสนอพวกนั้นที่คุณแนะนำให้กับกลุ่มนักเรียนกว่า 8,000 คนในคอร์ส Commission Hero ?
มันทำง่ายมากๆ โดยพื้นฐานแล้วสิ่งที่เราทำลงใน Commission Hero เนี่ยคือการแนะนำโปรดักบน Clickbank ที่ดีให้กับนักเรียนของเราทั้งนั้น โปรดักเหล่านี้เป็นโปรดักที่ผมได้ทดสอบและประสบความสำเร็จได้ด้วยตนเอง ดังนั้นเมื่อผมรู้ว่ามันโน้มน้าวได้ดีจริงๆผมทำข้อตกลงกับเจ้าของโปรดักและผู้ขาย โดยให้ผมเป็นเหมือน Affiliate Tier-2 โดยพื้นฐานแล้วเราตั้งค่าสัญญา JV และจากนั้นผมก็ปล่อยให้นักเรียนของผมทุกคนเดินหน้าโปรโมตเฉพาะโปรดักนี้ และแน่นอนเลยว่าผมได้รับค่าคอมมิชชั่นเพียงเล็กน้อยเมื่อพวกเขาทำการขาย นั่นเป็นวิธีที่ผมทำได้ มันได้ผลดีจริง เพราะว่าเจ้าของโปรดักให้ความสนใจมากขึ้นๆ และพวกเขาได้รับแรงจูงใจที่จะทุ่มเทเวลาและความพยายามให้กับคุณ เนื่องจากคุณส่ง Affiliates มากกว่า 8,000 คน เพื่อผลักดันโปรดักของพวกเขา
นักเรียนต่างก็เชื่อใจผมเพราะส่วนใหญ่แล้วผมจะส่งข้อเสนอสุดพิเศษที่ผมเปิดการเข้าถึงก่อนให้กับพวกเขา คุณรู้จุดได้เปรียบของการเป็น Affiliate ชั้นนำของทาง Clickbank ก็คือผมจะได้รู้จักกับสกู๊ปด้านในและรายชื่อเจ้าของโปรดักชั้นนำอีกมากมายที่กำลังจะมีข้อเสนอใหม่ๆ พวกเขามักเข้าหาผมและพูดว่า “เฮ้คุณ ข้อเสนอนี้มันกำลังจะเข้าสู่ตลาด หรือมีโอกาสจริงๆในตลาดแต่ผมคิดว่าผมคิดว่ามันจะทำโฮมรันได้” จากนั้นผมก็คอยติดตามและทดสอบมัน และจากนั้นเมื่อผลมันออกมาดี ผมก็จะบอกให้คนในคอร์สเรียนของผมรู้ด้วย นั่นแหละวิธีที่เราได้เจอข้อได้เปรียบในการเป็น Affiliate ของที่นั่นได้ก่อน
นี่เป็นสิ่งที่คุณวางแผนไว้ในขณะที่พัฒนาโปรแกรมด้วยใช่ไหมล่ะ หรือว่ามีโอกาสเกิดขึ้นอีกหลังจากนั้นบ้างไหม
ก็มีโอกาสเกิดขึ้นบ้างหลังจากนั้นอีกครับ ต้องขอบอกเลยว่าในฐานะผู้ประกอบการเนี่ย ก็เหมือนเวลาคุณสร้างเครื่องบินในขณะกำลังขึ้นไปอยู่บนเครื่องมันด้วย และนั่นแหละก็เหมือนวิธีที่ผมทำ ในตอนแรกๆ เมื่อกำลังเริ่มโปรแกรม ผมมีข้อเสนอ 5 -6 ข้อเสนอที่ผมได้ทดสอบไปแล้ว โดยไม่ต้องคำนึงถึง Tier-2 ซึ่งผมยังไม่รู้แม้กระทั่งเกี่ยวกับขั้นตอนของ Tier-2 นั้นเลย หลังจากนั้นเมื่อผมรู้เรื่องนี้ผมก็ตัดสินใจทำต่อไปและมันก็ได้ผลดีมากจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะเราดึงดูดผู้ชมเข้ามาจำนวนมาก และในปีที่แล้วเพียงปีเดียวมีนักเรียน 1,600 คนจาก Commission Hero ทั้งหมดนี้สร้างรายได้ $22,000 บน Clickbank และนั่นเป็นแค่ส่วนน้อยในนักเรียน 8,000 คน
คุณจะทำอย่างไรเกี่ยวกับการทดสอบข้อเสนอใหม่ๆ ที่เจ้าของโปรดักได้แนะนำให้กับคุณ?
ผมทดสอบข้อเสนอพวกนั้นในช่วงระยะเวลา 2 -3 สัปดาห์และถ้าผมบรรลุข้อเสนอที่ไปถึงระดับ $1,000/ วันได้ด้วยข้อเสนอตัวนี้แล้ว นั่นก็จัดว่าเป็นข้อเสนอที่ดี ในตอนเริ่มทำครั้งแรกผมจะใช้เวลาทำการทดสอบตั้งแต่ 1 หรือ 2 เดือน แต่ว่าตอนนี้ผมทำเร็วขึ้นกว่าเดิมเพราะเราต้องปล่อยข้อเสนอเป็นรายเดือนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการฝึกสอนส่วนตัวของเรา
ผู้ขายบน Clickbank หรือเจ้าของข้อเสนอแบบไหนที่คุณอยากทำงานด้วย?
ข้อหนึ่งก็คือว่าผมจะมองหาคนทั่วๆไปที่ได้การเปิดตัวโปรดักระดับท็อปมากมาย ดังนั้นถ้าเป็นคนที่เคยทำรายได้สวนกระแสมาแล้วด้วยข้อเสนอในอดีตที่ผ่านมาได้ ผมอาจจะให้โอกาสกับโปรดักใหม่ของเขาด้วย ซึ่งผมรู้ดีว่าผู้คนแบบนี้จะรู้ดีว่าพวกเขาควรทำอะไรบ้างและพวกเขาทำตามสูตรของเขาเองในการติดตามผลโปรดักของพวกเขาและสามารถทำงานได้
ข้อสองคือเราต้องแน่ใจว่าข้อเสนออยู่ในหมวดหมู่ที่กว้าง โดยปกติผมเน้นในหมวดสุขภาพ ความมั่งคั่ง และความสัมพันธ์ เพราะในบางครั้งผมพบว่าหมวดหมู่เหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ หมวดหมู่เหล่านี้ยังมีฐานผู้ชมจำนวนมากซึ่งป้องกันการอิ่มตัวได้ โดยเมื่อนักเรียน 8,000 คนของผมก็เริ่มที่จะโปรโมตข้อเสนอพวกนี้ด้วย
ข้อสุดท้ายในสิ่งที่จำเป็นกับผมเลย ก็คือมูลค่าคำสั่งซื้อโดยเฉลี่ย (AOV) ผมคิดว่ามูลค่าคำสั่งซื้อโดยเฉลี่ยนั้นสำคัญ ซึ่งปัจจุบันไม่น่าเชื่อว่าราคาสูงมากอย่างเมื่อเทียบกับตอนที่ผมเริ่มต้นทำ
เมื่อมองย้อนไปในปีที่ผมได้ชนะการแข่งขันของ Clickbank ตอนนั้นผมมีมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยถึง $40 ในฐานะ Affiliate ทุกวันนี้ AOV ของข้อเสนอประเภทเดียวกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึง $150 ซึ่งน่าเหลือเชื่อมาก เพราะผมได้กำไรมาเยอะซึ่งในขณะที่ AOV อยู่ที่ $40 และตอนนี้มันก็ยังสูงขึ้นไปอีก มันเหมือนกับว่าได้รับถึงเงินสามเท่าซึ่งน่าทึ่งสุดๆ ผมคิดว่าในทุกวันนี้ยังมีโอกาสอีกมากมายเลย และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมบอกกับคนอื่นๆ ว่าปี 2022 จะเป็น“ปีแห่งปีศาจ” สำหรับการตลาดออนไลน์ เนื่องจากการจ่ายเงินในเครือข่ายอย่าง Clickbank จะจ่ายสูงขึ้นเป็นสองเท่าซึ่งจะช่วยให้ได้กำไรมากขึ้นโดยไม่คำนึงถึง CPM ที่ปรับราคาขึ้นของ Facebook
ตอนที่คุณได้พูดถึงข้อเสนอในหมวดหมู่กว้างๆ แต่ถ้ายังมีบางหมวดหมู่ที่คุณรู้สึกว่าข้อเสนอของพวกเขายังทำออกมาไม่ดีพอ และคุณแอบหวังว่าจะมีบางคนจะใช้โอกาสนี้มาเปลี่ยนแปลงบ้างไหม?
สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นนอกเหนือจากหมวดการลดน้ำหนักและหมวดหมู่ความสัมพันธ์ แล้วในส่วนที่เหลือของข้อเสนอในหมวดหมู่อื่นๆ ก็ไม่ได้มีการอัปเดตมากนักในด้านการมีรูปแบบใหม่ๆเพิ่มขึ้น
ในตลาดการลดน้ำหนักของทุกๆปีอาจมีข้อเสนอใหม่ๆเข้ามาสัก 5 หรือ 6 รายการที่มีรูปแบบใหม่ๆที่จะทำโฮมรันได้ในการเป็น Affiliate ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงในรูปแบบข้อเสนอบ้าง เพราะแม้แต่สิ่งที่ง่ายพอๆ กับการสลับข้อเสนอภายหลังที่สามารถเติมเต็มผลลัพธ์ได้
ผมคิดว่ากลุ่มตลาด DIY ก็เป็นตลาดขนาดใหญ่และเป็นมิตรมากๆ บน Facebook ดังนั้นผมจึงหวังว่าจะมีผู้คนสร้างข้อเสนอเพิ่มเติมได้อีกในตลาด DIY และสามารถอยู่รอดในตลาดได้ด้วย
คุณใช้กลยุทธ์อะไรบ้างที่จะใช้ในการจัดการกับความต้องการที่ไม่แน่นอนของผู้ซื้อที่อาจทำให้เกิดผลทางเศรษฐกิจด้วยโดยเฉพาะในช่วงยุคโควิด?
นั่นเป็นคำถามที่ดีมากครับ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมต้องเน้นไปที่ 3 ประเภทใหญ่ๆคือ ประเภทของกลุ่มตลาดลดน้ำหนัก ประเภทของกลุ่มตลาดเกี่ยวกับความสัมพันธ์และประเภทของกลุ่มตลาดการเงิน ผมมีตัวอย่างเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก ถึงแม้ว่าคุณยังไม่มีงานที่ต้องทำ คุณก็สามารถยกเลิกแพ็กเกจเมมเบอร์ในยิมได้และมีโอกาสสูงที่คุณจะซื้ออาหารเสริมเพื่อลดน้ำหนักให้กับตัวเอง เป็นเช่นเดียวกับตัวอย่างที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ซึ่งผู้คนมักจะมองหาคนที่มีความสำคัญในชีวิตเสมอ ในตัวอย่างเกี่ยวกับด้านการเงิน ซึ่งจะเห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจผู้คนจะมองหาโอกาสทางธุรกิจมากขึ้นที่พอจะช่วยให้พวกเขาทำงานจากที่บ้านได้และสร้างรายได้เยอะๆ
ด้วยเหตุผลนี้แหละที่ผมคิดว่าคุณต้องยึดติดกับพวกกลุ่มตลาดพวกนั้นในตอนแรกๆ จนกว่าคุณจะพบโอกาสเกิดขึ้นในกลุ่มตลาดอื่นๆ อย่างไรก็ตามมีกลุ่มคนส่วนใหญ่นอกจาก 3 ประเภทนี้ก็ไม่ได้หลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ดีขนาดนั้น
นอกเหนือจาก Facebook ที่คุณกำลังทำอยู่ ซึ่งยังมีแหล่งที่มาการเข้าชมอื่นๆที่ล่อใจให้คุณอยากจะลองทำข้อเสนออีกบ้างไหม หรือคุณแนะนำให้คนอื่นไปลองทำข้อเสนออีกบ้างไหม?
ใน Snapchat ก็มีแนวโน้มนะ แต่เมื่อปีที่มันทำให้ผมผิดหวัง ดังนั้นผมก็เลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มนั้นมากนัก ใน Youtube เป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่และทำให้ผมทึ่งว่าทำไมผู้คนถึงไม่หันมาทำ Youtube กันบ้างในตอนนี้ อันที่จริงแล้วเรากำลังปรับปรุง Commission Hero และเรามีส่วนทั้งหมดบน Youtube Ads ที่กำลังจะมีการเปิดตัวในตอนนั้น มันจะต้องเจ๋งแน่ๆเพราะผมคงไม่มีวันที่จะได้สัมผัสมัน มันใหญ่มากและผมคิดว่าสิ่งที่ดูว้าวของ Youtube ไม่ใช่เป็นแหล่งที่มาของยอดการเข้าชมแบบใหม่ แต่เป็นแหล่งที่ผู้คนต่างเข้ามาเพื่อดูวิดีโอ ตอนนี้เมื่อคุณนำคนที่กำลังนั่งลงและดูวิดีโออยู่ใน Youtube แล้วไปยังหน้า VSL Landing Page ใน 38 นาทีจะมีโอกาสที่พวกเขาจะรับชมเนื้อหาทั้งหมดจริงๆ ที่มากขึ้นกว่าเดิมมาก เป็นเพราะพวกเขาพร้อมแล้วที่ทำจะแบบนั้น
แต่สำหรับผมแล้วผมจะเน้นทำลงบน Facebook สองเท่าเสมอ ถึงแม้จะทำให้ผมบ้ากับนิสัยแปลกๆของ Facebook อย่างไรก็ตามไม่มีแพลตฟอร์มไหนที่จะสามารถขยายธุรกิจได้เร็วเท่าที่นี่หรอก แม้กระทั่งการทดสอบที่ใช้งบประมาณน้อยๆ ก็ยังไปได้สวยกับ Facebook ส่วน Youtube พอจะเป็นความหลังที่ดี แต่ถ้าเป็นนักครีเอทีฟก็มีความท้าทายบ้างเล็กน้อย เพราะพวกเขาต้องการเงินลงทุนล่วงหน้าที่ใหญ่กว่าปกติในข้อเสนอที่คุณใช้อยู่บน Facebook
ขอบคุณมากครับคุณร็อบบี้ที่สละเวลาและสรุปในบทสัมภาษณ์นี้ คุณจะแบ่งปันช่องทางโซเชียลมีเดียของคุณให้กับผู้ฟังที่อยากติดตามด้วยบ้างได้มั้ย? โดยเฉพาะผู้ที่สนใจใน Facebook และ Clickbank ด้วย
ผมจะเล่น Instagram อยู่บ่อยๆ พวกคุณสามารถกดติดตามผมในชื่อไอดีนี้ได้เลย @ robbyblanchard
ก็มีเพียงเท่านี้สำหรับการสัมภาษณ์ครั้งนี้ครับ และขอขอบคุณเป็นพิเศษที่ได้อ่านจนจบ อย่าลืมฝากติดตามการสัมภาษณ์ครั้งต่อไปอีกที่จะเกิดขึ้นกับเรื่องราวของบุคคลสุดน่าทึ่งอย่าง คุณร็อบบี้ บลันชาร์ด ที่ได้รับเงินจริงๆ ด้วยการตลาดออนไลน์