16 ตุลาคม 2022 0 365

บทสัมภาษณ์ Brock McGoff: กับรายได้ที่มากว่า $500,000 ต่อปี กับเว็บไซต์ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม

วันนี้เราจะนำคุณไปฟังบทสัมภาษณ์ของ Brock McGoff  ผู้ประกอบการณ์ออนไลน์และเจ้าของ The Modest Man เป็นเว็บไซต์ที่ดังมากในด้านแฟชั่นซึ่งเขาทุ่มเทให้กับผู้ชายตัวเล็กทั้งหลาย เขายังเป็นเจ้าของ Full-time Blog และเว็บไซต์ The Slender Wrist อีกด้วยเทียบเท่ากับช่อง Youtube และสื่อสังคมต่างๆ ได้เลย ภายใต้ The Modes Man

Brock เป็นบล็อกเกอร์ด้านแฟชั่นและเป็นตัวแทนนักการตลาดในเครือมานานกว่า 8 ปี เขามีรายได้มากกว่า $500,000 ต่อปี ซึ่งเป็นรายได้แบบระยะยาว เขาใช้ประโยชน์จากปัญหาส่วนตัวของเขา ที่ไม่สามารถหาเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับตัวเองใส่ได้ เนื่องจากความสูงของเขา และเขายังได้สร้างหนึ่งในเว็บไซต์แฟชั่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับผู้ชายตัวเตี้ย มันสร้างรายได้ให้เขา $30,000 ต่อเดือน เป็นรายได้แบบระยะยาวอีกเช่นเดียวกัน

ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เขาได้เล่าประวัติเบื้องหลังของเขาให้ฟังว่า เขาได้สร้างเว็บไซต์เฉพาะกลุ่มและเป็นตัวแทนทางการตลาดได้อย่างไร และแนวคิดของเขาที่อยากให้เว็บไซต์นั้นแข็งแกร่งกับ SEO เพื่อให้ได้อันดันที่ดีบน Google ก็เหมือนกับเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้เว็บมาสเตอร์ ประสบความสำเร็จกับเว็บไซต์เฉพาะกลุ่ม

 

คุณมาเริ่มเขียนบล๊อกได้อย่างไร
 

หลังจบจากวิทยาลัยผมเริ่มทำงานบริษัท ซึ่งผมไม่ชอบเลย ผมไม่รู้จะทำอย่างไรกับชิวิตผมดีในตอนนั้น พ่อของผมเป็นผู้ประกอบการ ส่วนตัวผมอยากทำบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการเหมือนกัน ผมรู้ว่าผมทำงานได้ไม่ดีในสภาพแวดล้อมของออฟฟิศที่ต้องเข้า 9 ออก 5 เพราะผมไม่อยากเป็นเจ้านาย และก็นั่นแหละ  แล้วหลังจากนั้น 3 ปี ผมก็ลาออก ตอนที่ผมลาออก ผมอายุ 24 ปี

ผมเปิดสตูดิโออัดเสียงอยู่ประมาณ 3 ปีครึ่ง และพยายามอยากจะทำเพลง เพราะว่าผมโตมากับการเล่นดนตรี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมหาเงินไม่ได้เลย เพราะผมไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป รู้แต่ว่ามันสนุกนะ แต่ก็ไม่ใช่ธุรกิจที่ดี หลังจากนั้นผมก็ไปทำงานที่แตกต่างออกไปอีกครั้งหนึ่ง เป็นงานที่ผมไม่ชอบ แต่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ด้วยที่ผมไปสะดุดอยู่กับหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า ทำน้อยแต่รวยมาก(4-Hour Workweek) ของ Tim Ferriss.

ผมหลงใหลกับแนวความคิดของรายได้แบบ passive income และรายได้อิสระจากสถานที่ ผมเจอฟอรั่มเก่าชื่อ Warrior Forum เกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ การตลาดในเครือ และการเขียนบล็อก

ดังนั้นผมจึงเริ่มเข้าสู่เว็บไซต์  เวิรดเพรส (WordPress)  และเว็บไซต์เฉพาะต่างๆ ในขณะที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมในเครืออย่าง Amazon และเพียงแค่ทดลองกับเว็บไซต์เฉพาะที่แตกต่างกันออกไป ผมสร้างเว็บไซต์เล็กๆ หลายเว็บ ตอนที่ผมกำลังเรียนรู้วิธีการใช้  WordPress ก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับลิงค์ของบริษัทในเครือ และ SEO ไปด้วย แต่พวกนั้นก็ไม่ได้ทำเงินให้ผมมากนัก

ณ จุดหนึ่ง ผมอาจทำเงินได้ $400 - $500 ต่อเดือน ในเว็บไซต์ไม่กี่แห่ง แต่ผมไม่ได้สนใจเนื้อหาที่มีคุณภาพ การสร้างแบรนด์ หรืออะไรแบบนั้น

นั่นก็เป็นวิธีเริ่มต้นของผม คือสิ่งที่กระตุ้นให้ผมอยากมีรายได้แบบ passive income และผมก็เริ่มมีเงินเล็กๆ น้อยๆ ความรู้สึกแบบว่า  

"ก็โอเค ดูแล้วมีทางเป็นไปได้ ผมก็เลยเน้นไปในสิ่งที่ผมชอบเฉพาะ"

คุณพอจะเล่าให้เราฟังได้ไหม ว่าคุณใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะได้เงิน $1,000 แรกจากการเขียนบล๊อก
 

ผมเริ่มตอนปี 2013 ในปีแรกผมทำเงินได้ถึง $1,844 และในปี 2014 ผมทำได้ถึง $7,593 ในปี 2015 ทำได้ $36,566  ในปี 2016 ทำได้ $89,207 และในปี 2017 รายได้ผมทะลุไปถึงเลข 6 หลัก โดยทำได้ $121,000 ปัจจุบันนี้ เดือนพฤศจิกายน ปี 2021 ผมทำได้ประมาณ $45,000 ดังนั้น ถ้ารวมรายได้ต่อปีของผมคือ $540,000  

อย่างที่คุณเห็น มันเป็นอัตราการเติบโตมันช้ามากแต่ก็คงที่ และไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนั้น แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่านานอยู่ดี และกว่าที่ผมจะมาถึงจุดนี้ได้ ผมก็ไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นด้วย ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับรายได้ของผมเพิ่มเติม ก็ให้ไปดูที่ fulltimeblog.com ได้เลย
 

อะไรเป็นแรงบันดานใจให้คุณทำบล็อกเกี่ยวกับ The Modest Man
 

ผมเข้าไปในเว็บไซต์เฉพาะ บริษัทในเครือ การตลาด อะไรพวกนั้น และในเวลาเดียวกัน ผมก็อยากจะแต่งตัวให้ดีกว่านี้ ผมก็ตระหนักได้ว่าผมยังดูหนุ่มอยู่เลย นั่นเพราะผมเป็นผู้ชายตัวเล็กมาก แต่ผมก็ไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ในตอนนั้น

ผมไม่ได้รู้สึกถึงการเป็นผู้ใหญ่หรือการเป็นมืออาชีพเลย ดังนั้นผมจึงเริ่มทำการค้นคว้าถึงวิธีการแต่งตัวให้ดีขึ้น และมีบางสิ่งบางอย่างที่ผมไม่ได้นึกถึงเลย จนผมอายุยี่สิบกว่าๆ ก็ทำให้ผมไปสะดุดตาเข้ากับบล็อกๆ หนึ่ง
 

มันเป็นความท้าทายสำหรับผมมาก เพราะผมตัวเตี้ย เสื้อผ้าเกือบทั้งหมดไม่พอดีกับตัวผมเลย ผมจึงต้องหาตัดให้พอดี ดังนั้น ผมจึงเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการตัดเย็บเสื้อผ้า และหลักการของความพอดีและสีสัน ผมคิดว่า "ถ้าผมมีปัญหาเรื่องนี้ ก็ต้องมีคนอื่นที่มีปัญหาแบบนี้เหมือนผมเช่นกัน  ดังนั้น ผมจึงเริ่มบันทึกอะไรก็ตาม ที่ผมกำลังเรียนรู้เพื่อเอามาปรับปรุงรูปลักษณ์บนบล็อกของผม
 

เพื่อให้ผู้ชมได้เข้าถึงบล็อก The Modest Man ว่าขณะนี้มีคนเข้าชมเว็บไซต์มากแค่ไหน และมีรายได้อยู่ที่เท่าไหร่
 

พูดถึง themodestman.com เป็นส่วนหนึ่งของผลงานของผม มีมาพร้อมกันกับ slenderwrist.com และ fulltimeblog.com และผมยังมีช่องยูทูป และบัญชีโซเชียลมีเดียต่างๆ มากมาย

โดยเฉพาะบล็อกของโมเดสท์แมน (Modest Man blog) มียอดคนดูประมาณ 500,000 หน้าต่อเดือน และมีมูลค่าระหว่าง $25,000 - $30,000 ต่อเดือน
 

คุณใช้รูปแบบอะไรในการหาเงินบนเว็บไซต์
 

ผมมีโปรแกรมของบริษัทในเครือ ดังนั้น ผมจึงใช้ลิงค์ของบริษัทในเครือ และแสดงโฆษณาผ่าน AdThrive และผมยังขายผลิตภัณฑ์ดิจิตอล อย่าง ebook (หนังสืออิเลกทรอนิก)  แต่บอกตามตรงว่าขายไม่ค่อยดีนัก แต่มันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมยังคงเก็บไว้บนเว็บไซต์ และคิดอยู่ว่าอาจจะต้องปรับปรุงมันซะหน่อย  เพราะมันเคยทำเงินให้ผมได้ประมาณ $1,000 ต่อเดือน ตอนที่ขายดีสุด แต่ตอนนี้ ขายได้แค่ไม่กี่ร้อยดอลลาร์ต่อเดือน ผมคิดว่ามันมีความเป็นไปได้นะที่จะทำเงินให้ในอนาคต แต่ตอนนี้มันทำเงินได้ไม่มากนัก และผมยังทำเนื้อหาที่เกี่ยวกับผู้สนับสนุนอีกด้วย ผมทำในยูทูป อินสตาแกรม และบางครั้งบนเว็บไซต์


 เราเห็นได้ว่าคุณสร้างแบรนด์ของคุณใว้ตามเว็บไซต์ สิ่งนี้ช่วยให้คุณหาเงินจากเว็บไซต์ได้อย่างไร
 

ถ้ามองในอีกด้านหนึ่ง ผมคิดว่ามันมีทั้งดีและไม่ดีที่มีแบรนด์เป็นของเราอยู่ตามเว็บไซต์ต่างๆ  ทุกวันนี้ถ้าคุณเป็นสำนักพิมพ์อิสระ ที่ไม่ใช่นิตยสารดังอะไร คุณจะต้องพึ่งพาพวก Influencer  ดังนั้นผมจึงเริ่มเขียนบล็อกก่อนที่จะทำการตลาดของ Influencer แต่ตอนนี้ผมได้ยินมาจากหลายแบรนด์ ว่าพวกเขากำลังมองหา Influencer และยังมีงบการตลาดและประชาสัมพันธ์ตรงนี้ให้อีกด้วย

ผมก็ว่าดีนะสำหรับตรงนั้น เพราะได้เปิดโอกาสมากมายให้ได้ทำงานกับแบรนด์ต่างๆ มีรายได้ที่หลากหลายสร้างชื่อเสียงทีละเล็กทีละน้อย และได้ไปพูดตามงานประชุมต่างๆ ด้วยเหตุนั้น ทำให้ผมได้เจอผู้คนมากมาย

ผมคิดว่ามีประโยชน์มากกว่าข้อเสีย แต่ผมขอบอกข้อเสียอย่างหนึ่งก็คือ มันคงจะยากสักหน่อย ที่จะขายเว็บไซต์ที่มันมีชื่อคุณติดอยู่ด้วย
 

ผมคิดว่า 90% ของจำนวนคนเข้าดูส่วนมากมาจาก Google และที่เหลือส่วนมากมาจากอีเมลและคนที่เข้ามาชมเว็บไซต์ จะมีจำนวนคนเล็กน้อยจากเว็บไซต์อื่นๆ และทางโซเชียล อย่าง เรดดิต พินเทอเรส และ อินสตาแกรม ที่เข้ามาดูผม
 

 คุณมีทีมที่คิดเนื้อหาสาระให้คุณหรือไม่ หรือว่าคุณทำเองทั้งหมดคนเดียวในฐานะผู้ประกอบการ
 

ผมมีทีมแต่ทีมงานผมอยู่ไกลมาก ทุกคนก็ทำงานพาร์ทไทม์ ผมมีผู้จัดการปฏิบัติงาน ผู้ช่วยเสมือนสำหรับการฟอร์แมต ผู้ช่วยเสมือนสำหรับลิงก์ตัวแทน และนักออกแบบกราฟิก

ผมมีนักตัดต่อวิดีโอทำงานพาร์ทไทม์ และมีนักเขียนประจำอีก 10 คน ที่ร่วมสร้าง The Modest Man และ The Slender Wrist แต่สำหรับ fulltimeblog.com ผมเขียนเองทั้งหมด


คุณรู้ได้อย่างไรว่าคีย์เวิร์ดตัวไหนจะได้ผลดี และได้รับการจัดอันดับสูงสุด
 

คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลย เว้นเสียแต่ว่าคุณจะมีเว็บไซต์ที่มีพาวเวอร์ค่อนข้างสูง ยกตัวอย่างเช่น The Slender Wrist เป็นเว็บไซต์ที่ใหม่กว่าและอายุน้อยกว่าเนื่องจากโดเมนยังใหม่ ดังนั้นการจัดอันดับโดเมนของ Ahrefs คืออันดับที่ 24 แต่ก็ไม่เป็นไร ดังนั้น ผมรู้ว่ามันสามารถจัดอันดับสำหรับคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันต่ำ

แต่สำหรับ The Modest Man ก็มีการจัดอันดับโดเมนที่สูงอยู่แล้ว ซึ่งทำให้ผมมั่นใจได้ว่าบริษัทจะสามารถจัดอันดับคีย์เวิร์ดส่วนใหญ่ในกลุ่มเฉพาะนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มไลฟ์สไตล์ของผู้ชาย นี่เป็นเพราะว่ามันไม่ต้องไปแข่งขันสูงเหมือนตัวอื่นๆ เช่น เว็บการเงินส่วนบุคคล เว็บโฮสติ้ง หรืออะไรทำนองนั้น

ดังนั้น กับอันดับโดเมนที่ 53 จาก Ahrefs ผมจึงไม่อายกับคีย์เวิร์ดใดๆ เพราะไม่มีการแข่งขันอะไรที่สูงเกินกว่าที่จะไล่ตาม และไม่มีอะไรเป็นการแข่งขันที่ต่ำเกินไปที่จะได้มา แม้ว่าจะมีการค้นหาคีย์เวิร์ดหรือวลีหนึ่งเป็นร้อยๆ คำต่อเดือนใน Ahrefs ถ้าเป็นผมก็จะทำมันให้เป็นอันดับที่ 1 เพราะมันเป็นการจัดอันดับคีย์เวิร์ดของหัวข้อในปัจจุบันนี้



เว็บไซต์ของคุณมีทั้งเนื้อหาข้อมูลและเนื้อหาผลิตภัณฑ์ เนื้อหาประเภทใดที่ทำรายได้มากให้กับคุณกว่ากัน
 

เป็นคำถามที่ดี ผมคิดว่า ณ จุดนี้ผมอยากจะบอกว่าเนื้อหาของผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ให้ผมมากกว่า ก็มาจากรายได้ทั้งสองประเภท คือ รายได้ของบริษัทในเครือและรายได้ของโฆษณา เนื่องจากในเนื้อหาของผลิตภัณฑ์ เช่น คำแนะนำในการซื้อ  เราก็ได้เพิ่มลิงค์ลงไปในเว็บไซต์ของบริษัทในเครือและเรายังลงโฆษณาบนหน้าเว็บไซต์นั้นอีกด้วย

บทความข่าวสารที่ไม่ค่อยมีลิงค์ของบริษัทในเครือมากนัก ก็จะทำรายได้แต่โฆษณา เลยทำให้รายได้ของบริษัทในเครือน้อย แต่ อย่างไรก็ตาม ผมจะไม่ทำเว็บไซต์ที่มีเพียงเนื้อหาของผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จำเป็นต้องมีเนื้อหาที่เป็นข้อมูลอยู่ด้วย เพราะผมคิดแค่ว่า "ผู้ชมของผมเขาต้องการอะไร? ผมจะสร้างประสบการณ์ที่สมบูรณ์ของเว็บไซต์ให้ผู้ชมได้อย่างไร?" มันไม่สำคัญว่าจะเป็นเนื้อหาประเภทใด ให้คิดถึงผู้ชมของคุณใว้ก่อนอันดับแรก เพราะมันมีวิธีทำเงินจากผู้ชมเสมอ

 
อะไรคือวิธีที่สร้างสรรค์ที่สุด ที่คุณเคยใช้ในการเพิ่มจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
 

ในตอนเริ่มต้นก็คงต้องเป็นแขกโพสก่อน ผมคิดว่าตอนนี้ คำว่า guest posting ถูกใช้อย่างผิดๆ จนถึงขั้นที่คุณอาจเคยได้ยินคำว่า guest posts คุณอาจคิดถึงการ spam หรือ blackhat SEO

มองย้อนกลับไปตอนที่ผมเริ่มในปี 2013 การโพสต์แบบ guest posting หมายถึงคุณกำลังเขียนบทความเพื่อเว็บไซต์อื่น ซึ่งผมได้ทำไปแล้ว ผมก็จะติดต่อนักเขียนบล็อก ไม่ใช่แค่ติดต่ออย่างเดียวนะ แต่ผมก็จะติดต่อเพื่อพบปะผู้คนด้วย โดยเฉพาะคนที่ผมนับถือ และเว็บไซต์ที่ผมได้อ่านและเรียนรู้มา  นั่นแหละคือผมจะเอื้อมมือออกไปเพื่อพยายามที่จะติดต่อกับคนเหล่านี้ และในที่สุดเราทั้งหมดก็จะเขียนกันและกัน

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้ทำ และคิดว่ามันยังใช้ได้อยู่ นั่นคือการสร้างบล็อกให้สำหรับโพสต์ ที่ทุกคนควรรู้ มีรายชื่อบล็อก 50 อันดับแรก นี่ก็เป็นกลยุทธ์ที่ผ่านการทดสอบและพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผล

คุณอาจจะทำบล็อกโพสต์ที่มีเนื้อหาของเว็บไซต์อื่น ๆ ขึ้นมา จากนั้นคุณชักจูงไปยังเว็บไซต์ทั้งหมดและบอกพวกเขา ซึ่งพวกเขาอาจช่วยทวีตหรือโพสต์ในอินสตาแกรมหรืออาจจะไปโปรโมทที่ไหนก็ได้สักที่หนึ่ง

ดังนั้นบทความที่เราทำจะได้รับความสนใจอย่างมากจากการ เชื่อมโยง ไปที่สื่อสังคมออนไลน์ และการเข้าชมเว็บไซต์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บทความนี้เป็นโพสต์แรกที่ทำได้ดีและทำให้ผมมองเห็นได้ในตอนเริ่มต้น และผมคิดว่ากลยุทธ์นี้ยังใช้ได้เสมอ
 

อะไรที่คุณคิดว่าแตกต่างจากคู่แข่ง และเว็บไซต์ขนาดใหญ่อื่นๆ กับธุรกิจของคุณอยาง เช่น GQ
 

เว็บไซต์อย่าง GQ ทุกวันนี้ปริมาณมากว่าคุณภาพอยู่แล้ว ผมรู้ว่าพวกนี้กำลังจะทำให้คะแนนของ Domain authoriy ให้สูงกว่าเสมอ และจะโยนน้ำหนักกระจายไปรอบๆ อย่าง GQ ตีพิมพ์ "Best men's boots" และผมก็ตีพิมพ์ "Best men's boots" พวกเขาอาจจะติดอันดับสูงกว่าผมแน่นอน

คุณลองไปที่เว็บไซต์ทั้งสองหน้าดูสิ  ผู้อ่านที่มีความรู้เขาจะเปรียบ และเขาจะเห็นว่าเนื้อหาของเราดีขึ้น เพราะเราทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของเราและแนะนำลูกค้า แม้แต่ รูปถ่ายก็เป็นภาพต้นฉบับ เราไม่ได้แค่รวบรวมรายชื่อพวกนี้อย่างเดียว เพื่อที่สร้างบล็อกให้เสร็จเร็วแค่นั้น

ผมคิดว่าการที่ผู้คนถึงตกหลุมรักเว็บไซต์ใหญ่ๆ อย่าง GQ มันมีเหตุผลว่าทำไม ก็เพราะ GQ ชอบตามกระแสจะทำแต่เงินอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่คุณภาพของเนื้อหา นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีบรรณาธิการและนักเขียนที่น่าตื่นตาตื่นใจนะ เขามี แต่ 90% ของเนื้อหามันไม่มีข้อมูลนั้น

ผมต้องการให้แน่ใจว่าเมื่อใครบางคนลองซื้อคู่มือ หรือบทความข้อมูลของ The Modest Man ผมเชื่อว่าพวกเขาจะพอใจและรู้สึกประหลาดใจกับเนื้อหา เพราะว่ามันดีกว่า GQ ซึ่งที่จริงผมคงไม่ต้องพูดว่า นี้เป็นการแข่งขันกับ GQ หรอกนะ เพราะมันมีการแข่งขันอีกอย่างคือพวกเว็บไซต์ขนาดกลางอื่น ๆ ที่กำลังทำเนื้อหาและ SEO ที่ดีจริง ๆ นั้นก็มีอยู่

เราเห็นว่าตอนนี้คุณมีสมาชิกจำนวนมากติดตามในช่องยูทูป คุณทำมันได้ยังไง
 

ตอนที่ผมเริ่มทำช่อง Youtube ตอนนั้นมันเป็นแพล็ตฟอร์มที่แตกต่างออกไปจากตอนนี้ จำนวนของผู้ติดตามไม่มีความจำเป็นสำหรับ Youtube เสมอไป เขานับการเข้าชมมากกว่า ทางยูทูปเองไม่ได้แสดงวีดีโอให้กับคนที่ติดตามเราทั้งหมด ยูทูปแสดงวีดีโอในจำนวนที่น้อยมาก น่าจะประมาณ 5% ของยอดผู้ติดตามได้ ดังนั้นผู้ติดตามเป็นเพียงเครื่องมือการวัดค่าของยูทูปแค่นั้นเอง สำหรับผมแล้วยูทูปเหมือนกับรถไฟเหาะที่เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว ผมเคยมีช่วงระยะเวลาที่เติบโตมากๆ จะมีผู้ติดตามวันละเป็นพันๆ และก็จะมีช่วงที่ไม่ค่อยมีผู้ติดตามเลย ซึ่งผมก็อยู่ในสถาณการณ์ตรงนั้นมาแล้ว

ผมคิดว่าสิ่งที่ได้ผลบน Youtube คือ การร่วมมือกับคนอื่นๆ โดยการสร้างความสัมพันธ์แบบจริงจัง การออกไปประชุม การพบปะผู้คนในชีวตจริง ไม่ก็ฟังเสียงเรียกร้องจากพวกเขา หรือทำวีดีโอกับพวกเขาไปเลย ให้ความสำคัญไปที่เนื้อหาที่เป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ ซึ่งมีแนวโน้นจะทำให้ช่องของเราขึ้นสูงสุดก็ได้ในทุกวันนี้


เนื่องจากคุณต้องทำเว็บไซต์ทั้งสองแบบ คุณจะเปรียบเทียบระหว่าง ตัวแทนการตลาดของ Youtube และ และตัวแทนการตลาดของเว็บไซต์ที่เฉพาะกลุ่มลูกค้าได้ว่าอย่างไร
 

ถ้าผมดูจากจำนวนการคลิ๊กที่ผมได้รับ นั่นคือจำนวนการคลิ๊กทั้งหมดของลิ้งค์ของตัวแทน ประมาณ 15% มาจาก Youtube และอีก 85% มาจากเว็บไซต์

ถ้าให้ผมคิดจากล่างสุดคือ คนที่ไม่ได้คลิกลิ้งค์ที่อยู่บน Youtube เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้สังเกตุคำอธิบาย เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงไม่ได้คลิกไปที่ลิงค์บนวีดีโอ

เพราะคุณจะต้องไปที่คำอธิบายแล้วคลิกลิงค์บน Youtube แต่คนส่วนมากไม่ทำอย่างนั้น เพราะพวกเขาใช้โทรศัพท์ส่วนตัวอยู่แล้วในการดูวีดีโอช่วงพักกลางวัน หรืออะไรทำนองนั้น ถ้าคุณเข้าไปในเว็บไซต์ คุณอาจจะกำลังมองหาซื้ออะไรอยู่ก็ได้ หรือคุณอาจจะใช้คอมพิวเตอร์ของคุณในการเข้าใช้ คุณก็แค่เพียงค้นหาคำว่า "Best boots" แค่นั้นเอง

ดังนั้น ผมคิดว่า Youtube เป็นช่องทางทำเงินที่ดีสำหรับโฆษณาและการขายสินค้า แต่ผมไม่คิดว่ายูทูปเป็นแพล็ตฟอร์มที่ดีเท่าไหร่


 คุณคิดเห็นอย่างไรกับอนาคตของบล๊อกอย่าง The Modest Man คุณเคยวางแผนที่จะเก็บใว้จนกว่ามันจะเติบโตไปได้มากกว่านี้ หรือคิดที่จะขายเมื่อมันมีมูลค่าที่แน่นอนแล้ว
 

ผมก็คิดเรื่องนี้มาตลอด ผมเคยคิดที่จะขายมัน ถ้าเวลาที่เหมาะสมมาถึง และผมคิดว่าน่าจะมีคนต้องการซื้อหลายคน ซึ่งยิ่งสร้างความต้องการเพิ่มมากขึ้นที่สุดในสองสามปีที่ผ่านมา ผมขายมันแน่นอน ถ้ามันไปถึงจุดที่มีมูลค่า แต่ดูเหมือนว่าจะต้องให้ราคามันสูงขึ้นกว่าตอนนี้หน่อย

โดยพื้นฐานแล้ว มันจะต้องเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก ถึงจะทำให้ผมเข้าใกล้อิสระทางการเงินได้มากขึ้น และเมื่อถึงจุดนั้น ผมจะกลายเป็นเจ้าของที่มีความสุขที่สุดที่ทำมา เพราะว่ามันเป็นเหมือนการทำงานด้วยมือเปล่า และ ณ จุดนี้ ผมมีความสุขกับมันมาก ที่มันสร้างเม็ดเงินให้ผมอย่างมหาศาล

แต่สิ่งที่ผมให้ความสนใจอย่างมากในตอนนี้คือ slenderwrist.com เพราะต้องมีการปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น ผมคิดว่ามันน่าจะใหญ่พอๆ กับ The Modest Man ได้เลย ถึงแม้ตอนนี้มันจะดูเล็กกว่า ประมาณ 1/20 ของจำนวนคนที่เข้าชมเว็บไซต์และรวมถึงรายได้ด้วย ดังนั้น ผมคิดว่าในอนาคตผมอาจจะขายมัน แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้ขาย

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?