31 พฤษภาคม 2023 0 337

บทสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้ง BetterMe: ยอดดาวน์โหลด 110 ล้านครั้ง กับรายได้ 5 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน และพนักงานอีก 200 ชีวิต

เมื่อไม่นานมานี้ ช่อง Youtube ของคุณโอเล็ก อาร์ติชุก (Oleg Artishuk) ได้มีการโพสต์วิดีโอร่วมกับคุณวิคตอเรีย เรปา (Victoria Repa) ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO และ Founder ของ BetterMe โดยเป็นการพูดคุยถึงเส้นทางชีวิต ตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็กสาวชนบทแถบโดเนตสค์ จนถึงการเป็นผู้นำบริษัทพัฒนาแอปพลิเคชันขนาดใหญ่

ในสัมภาษณ์จะให้ความสำคัญกับประเด็นดังต่อไปนี้:

  • ข้อกำหนดของแอปพลิเคชันสาย Health & Fitness
  • การแบนใน App Store
  • การจัดการทีม
  • สินค้า, แหล่งรายได้, พนักงาน และตัวเลขต่าง ๆ ของ BetterMe

 

วิคตอเรีย เรปา

วิคตอเรีย เรปา ผู้ก่อตั้ง BetterMe จากหน่วยไอทีของแผนก FMCG (Fast Moving Consumer Goods) — เธอทำงานให้กับ Procter & Gamble จากนั้นก็มาทำงานให้กับ Genesis บริษัทธุรกิจสื่อ ต่อมาในปี 2017 เธอเปิดตัวโปรเจกต์ BetterMe ซึ่งเป็นระบบนิเวศของแอปพลิเคชันมือถือ และสินค้าดิจิทัลในหมวด Health & Fitness เธอกล่าวว่า แอปพลิเคชันของบริษัทมียอดดาวน์โหลดทั้งหมดเกิน 110,000,000 ครั้ง ในปี 2022

วันนี้ วิคตอเรีย เรปา มีพนักงานรวม 200 คน และมีผู้ใช้สินค้ามากกว่า 10,000,000 คนต่อเดือน ในสหรัฐและยุโรปตะวันตก ต่อมาในปี 2020 วิคตอเรีย เรปา ถูกรวมอยู่ในนิตยสารฟอบส์ชื่อ "30 Under 30" ของหมวด "เทคโนโลยี"

เส้นทางจาก FMCG สู่การพัฒนาแอปมือถือ

FMCG (Fast Moving Consumer Goods) คือชื่อทั่วไปสำหรับของใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะสินค้าประเภทให้ความสว่างและอาหารที่ค่อนข้างถูกและขายออกได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเริ่มต้นทำงานที่ Procter & Gamble ได้ไม่นาน วิคตอเรีย เรปา ก็ตระหนักรู้ว่าตัวเองนั้นจำเป็นต้องมีความรู้ด้านไอที การได้รับความรู้เฉพาะทางที่ Genesis IT School ทำให้เธอได้เข้าทำงานในบริษัทนี้ Genesis คือหนึ่งในบริษัทไอทีที่ใหญ่ที่สุดในยูเครน โดยมีพนักงานมากกว่า 1,500 คน จากทั้ง 9 ประเทศ ที่คอยสร้างสินค้าให้กับผู้ใช้ราว 200 ล้านคนต่อเดือน

ใน Genesis IT School เธอทำงานเป็นนักวิเคราะห์ในแผนกวางแผนสื่อ ที่นั้นเธอได้รับประสบการณ์ทำงานร่วมกับ Traffic และได้เรียนรู้วิธีการสร้างและโปรโมตคอนเทนต์สื่อ จากนั้น วิคตอเรีย เรปา ก็ได้รับหน้าที่ในการสร้างและทดสอบโปรเจกต์นำสินค้าลดน้ำหนักเข้าสู่ตลาดของสหรัฐ

เธอเริ่มต้นจัดการเพจบน Facebook ผ่านการโพสต์บทความ, ทำโฆษณา และซื้อยอดไลก์อิสระ พูดคร่าว ๆ วิคตอเรีย เรปา นั้นทำหน้าที่เป็นทั้งนักการตลาดและผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติงานของโปรเจกต์ ส่วนเงินที่ใช้เงินสำหรับ Traffic จะเป็นเงินที่ได้รับสนับสนุนมาจากเจ้าของโปรเจกต์

หลังรวบรวมผู้ติดตามเพจได้ถึง 100,000 คน และเริ่มเห็นผลของ Traffic พวกเขาจึงตัดสินใจเริ่มทำแอปพลิเคชัน

วิคตอเรีย เรปา กล่าวว่าเธอได้รับให้เป็นคนการจัดการโปรเจกต์ และเมื่อเวลาผ่านไป 3 เดือน แอปพลิเคชันตัวแรกอย่าง BetterMe ก็เริ่มสร้างรายได้ ซึ่งต้องขอบคุณทักษะการจัดการและการลงทุนของ Horizon Capital ที่ช่วยให้เธอสามารถทำการสเกลธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

วิคตอเรีย เรปา ยืนยันว่าไม่มีแผนการลงทุน “ในระยะยาว” จากทั้งเจ้าของโปรเจกต์และนักลงทุน กล่าวคือ โปรเจกต์นั้นไม่มีเงินทุนมากนักในช่วงแรก และเริ่มโปรเจกต์ด้วยทุนที่มี (Bootstrapping) ซึ่งเป็นวิธีการจัดหาเงินทุนของบริษัทขนาดเล็ก ผ่านการเข้าซื้อกิจการและใช้ทรัพยากร โดยไม่เพิ่มภาระที่มาจากแหล่งเงินทุนดั้งเดิมหรือกู้ยืมเงินจากธนาคารแก่ผู้ถือหุ้น

ในความเป็นจริงวิธีการนี้แทบจะทำตามไม่ได้แล้วในปัจจุบัน วิคตอเรีย เรปา เชื่ออย่างนั้น

“ทุกวันนี้ถ้ามีเงินทุนไม่ถึง $10,000,000 ก็แทบทำงานใหญ่ไม่ได้เลย” วิคตอเรีย เรปา กล่าวอธิบายถึงนิชที่เป็นกลุ่มเฉพาะทางของการพัฒนาแอปมือถือ

 

การเปิดตัวแอปพลิเคชันแรก

ในช่วงแรก สิ่งที่แอปมีคือบทความการออกกำลังกายและเคล็ดลับฟิตเนสจำนวนหนึ่ง ในฐานะเจ้าของโปรเจกต์ เธอยอมรับว่าคอนเทนต์แรกช่วงแรกมีคุณภาพที่ไม่สู้ดีเท่าไร แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการเปิดตัวครบ 3 เดือน แอปพลิเคชันก็สามารถสร้างรายได้อย่างที่ควร

ทางบริษัทมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จนเธอมองเห็นโอกาสการสร้างรายได้ถึง $100 พันล้านดอลลาร์ ในเป้าหมายของเขา

"ฉันคงไม่คิดจะทำเลย หากต้องทำให้บริษัทมีมูลค่าถึง $1 พันล้านดอลลาร์ ทว่า "100 พันล้าน" กลับเป็นสิ่งที่ได้มา" — วิคตอเรีย เรปา เล่าถึงความตั้งใจของเธอ

BetterMe ในปัจจุบัน

บริษัทของ วิคตอเรีย เรปา มุ่งเป้าในเรื่องสุขภาพทางกายและใจ ปัจจุบันมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันมือถือออกมาสองแอป ซึ่งก็คือแอป BetterMe Health Coach และ the BetterMe Mental Health

ตัวแอป "BetterMe: Health Coach" นั้นจะรวมถึง:

  • การออกแบบแผนมื้ออาหาร
  • แอโรบิกและการออกกำลังกายแอโรบิกที่หลากหลาย — โยคะ, มวย, ฯลฯ

ทางแอปพลิเคชันรวบรวมบทความการลดน้ำหนักมากมายที่ใช้บธิบายแง่มุมของกระบวนการของสรีรวิทยา ซึ่งมียอดดาวน์โหลดกว่า 10,000,000 ครั้ง บน Google Play Store

แอป BetterMe Mental Health มีเทคนิคการทำสมาธิ, การฝึกหายใจ และเพลงเพื่อการผ่อนคลายในหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมียอดดาวน์โหลดกว่า 1,000,000 ครั้ง บน Google Play Store

วิคตอเรีย เรปา กล่าวว่าในตอนแรกเริ่ม ทางทีมทำงานตามแผนการสร้างแอปพลิเคชันออกมาในหลายรูปแบบ ทว่าการนำมาทำให้เป็นที่นิยมนั้นถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจถอยมาพัฒนา "ซูเปอร์แอป" ทั้งสอง

"แผนที่เรามีในระหว่างที่กำลังสร้าง "ซูเปอร์แอป" นั้นคือการสร้างแอปอเนกประสงค์" — วิคตอเรีย เรปา กล่าว

ทางทีมงานไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้เพียงแค่การสร้างแอปพลิเคชันสำหรับการลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว  — พวกเขาตัดสินใจรวมหลักการของ “สุขภาพ = วิถีชีวิต” ในหนึ่งแพลตฟอร์ม หรือก็คือ นอกจากการออกกำลังกาย ผู้ใช้ยังสามารถติดตามแคลอรี่ และรับข้อมูลโภชนาการ, ผลการวิจัยด้านสุขภาพ และอื่น ๆ จากตัวแอปพลิเคชันได้อีกด้วย

ในระหว่าง ผู้ใช้งานรายวัน กับ ผู้ใช้งานรายเดือน อย่างไหนสำคัญกับบริษัทมากกว่ากัน CEO ตอบว่าอย่างหลัง

โดยเฉลี่ยใน Apple Store และ Google Play เรามีผู้ใช้งานอยู่ราว 10,000,000 คนต่อเดือน ซึ่งนั่นคือจำนวนคนที่ใช้แอป BetterMe บน Android และ iOS ทุกเดือน สัดส่วน Traffic จากร้านค้าทั้งสองนี้คือ 60/40

ทางทีมงานซื้อ Traffic มาจาก :

  • Facebook
  • Google
  • TikTok

 

โครงสร้างทีม

ในสมาชิก 200 คน ของทีม BetterMe แบ่งเป็นนักพัฒนา 100 คน ที่พัฒนาเพียงแค่สองแอปพลิเคชันที่กล่าวไปข้างต้น ส่วนอีก 100 คน จะแบ่งออกเป็น:

  • การตลาด
  • ซัพพอร์ต
  • ผู้จัดการฝ่ายเนื้อหา
  • ทนาย
  • ผู้จัดการบริหารทรัฝ่ายพยากรมนุษย์

การมีส่วนในเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการส่งข้อมูลของ Facebook

เมื่อนานมาแล้ว สื่ออย่างเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล ได้มีการตีพิมพ์บทความที่ว่า มีผู้พัฒนาแอปพลิเคชันบางรายทำการส่งข้อมูลของผู้ใช้ให้กับ Facebook ทาง BetterMe เองก็ถูกพาดพิงในเรื่องนี้

เธอกล่าวว่า พวกเขาได้รับการติดต่อจากนักข่าวที่เขียนเกี่ยวกับบทความนี้ โดยเขาค้นพบว่าทาง BetterMe นั้นมีการส่งข้อมูลของผู้ใช้ อาทิเช่น เพศ, น้ำหนัก และอื่น ๆ ให้กับทาง Meta หรือ Facebook วิคตอเรีย เรปา กล่าวว่า ข้อมูลที่พวกเขารวบรวม, จัดเก็บ และใช้ทั้งหมดนั้น เป็นไปตามนโยบายของทาง Facebook, Google และ Apple

"นั้นนับเป็นข้อเสียของแอปเพื่อสุขภาพ จริงอยู่ที่เรามีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ทว่าข้อมูลที่เราส่งไปให้ Facebook นั้น เป็นเพียงส่วนที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ ให้แคมเปญการโฆษณาของทางเรา และผิดหลักนโยบายการโฆษณา" — วิคตอเรีย เรปา

 

การติดต่อสื่อสารกับ App Store

ในปี 2019 Apple ได้ลบสองแอปสำคัญของ BetterMe ออกจาก App Store ด้วยเหตุผลตามที่ วิคตอเรีย เรปา ได้กล่าวไป นั้นคือ การสื่อสารที่คลาดเคลื่อนของพวกเขากับ Apple ซึ่งแอปพลิเคชันของ BetterMe ต่างมียอดดาวน์โหลดที่สูงมากแล้วในขณะนั้น ได้รับอีเมลจากทาง Apple ซึ่งเป็นข้อกำหนดในการแก้ไขข้อผิดพลาด โดยในระหว่างนั้นทาง Apple จะนำแอปออกจากร้านค้าก่อน

แน่นอนว่าปัญหานี้ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ทำให้แอปพลิเคชันสามารถกลับเข้ามาอยู่ใน Apple Store ตามเดิม วิคตอเรีย เราปา นำกรณีนี้มาเตือน เพื่อให้นักพัฒนาแอปพลิเคชันทุกคนเห็นถึงความสำคัญของการสร้างการสื่อสารกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรม

"Google, Facebook และ Apple ต่างถูกออกออกแบบมามากเสียจนไม่สนใจว่าคุณจะซื้อ Traffic มามากเท่าไร พวกเขาปกครองบริษัทเหล่านี้อย่างอิสระและทำหน้าที่อย่างชัดเจน" วิคตอเรีย เรปา อธิบาย

ตามที่ วิคตอเรีย เรปา กล่าวมา หลักฐานสำคัญของการสื่อสารที่ดีนั้นอยู่ในรูปภาพด้านล่างแล้ว โดยบุคคลตรงกลางคือ ทิม คุก (CEO ของ Apple) และ วิคตอเรีย เรปา ที่อยู่ฝั่งซ้าย

การสร้างรายได้ของ BetterMe

รายได้หลักของบริษัทมาจากบริการสมัครสมาชิกที่อยู่ภายในแอปพลิเคชัน ทางโปรเจกต์ยังมีสินค้าเป็นของตัวเอง ทว่ามีสัดส่วนทำกำไรที่น้อยมากจากรายได้ทั้งหมด วิคตอเรีย เรปา กล่าว

รายได้โดยเฉลี่ยของบริษัทตกเดือนละประมาณ $5,000,000 ทว่าตัวเลขของแต่ละเดือนนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากทั้งสองทาง โดยมีปัจจัยหลักเป็นฤดูกาลของเดือนนั้น ๆ ที่ส่งผลอย่างมากต่อรายได้

"เมื่อพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงรายได้แล้ว พูดได้ว่าผู้คนนั้นมักหันมาเริ่มลดน้ำหนักและดูแลตัวเองในทุกวันแรกของเดือน รวมถึงวันใหม่ของสัปดาห์อย่างวันจันทร์" เธอกล่าวถึง "ข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจ"

ตลาดการแข่งขัน

วิคตอเรียมั่นใจว่า บริษัทของเธอไม่มีคู่แข่งอื่นใดในหมวด  "Health & Fitness" นอกจากความต้องการและเวลาของผู้ใช้ เสมือนกับ Netflix และบริการสตรีมมิ่งรายใหญ่ต่าง ๆ ที่พอกันกับอุตสาหกรรมเกมและสื่อลามก

"สำหรับมนุษย์นั้น การเข้าหาธรรมชาตินั้นง่ายดายกว่าการเลือกกินอาหารอย่างเป็นระบบโครงสร้าง" วิคตอเรีย เรปา กล่าว

สรุป

กรณีของ วิคตอเรีย เรปา พิสูจน์ให้เห็นว่า ความทะเยอทะยานสามารถช่วยให้คนประสบความสำเร็จในธุรกิจได้ จากการที่เด็กสาวสู่การพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือในทีมยักษ์ใหญ่ จนไปถึงการดึงดูดการลงทุน และเปิดตัวสินค้าที่สร้างรายได้เป็นอย่างดี

"ขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพื่อให้ได้สิ่งที่อยู่สูงสุด" เป็นหลักการที่กล่าวโดย นโปเลียน โบนาปาร์ต ในช่วงกว่า 200 ปีที่แล้ว ซึ่งยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ เราคาดหวังว่าประสบการณ์ในครั้งนี้ของ วิคตอเรีย เรปา จะสามารถกลายเป็นแรงบันดาลใจเพื่อให้ท่านทั้งหลายบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของตน

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?
#application