14 ตุลาคม 2022 0 378

10 อันดับ แอป Shopify ในปี 2022

แอปสโตร์ Shopify ตลาดแอปอีคอมเมิร์ซที่มีแอปให้เลือกมากกว่า 3,000 รายการ เพื่อให้ผู้ประกอบการ eCommerce สามารถเลือกใช้เพื่อเสริมฟังก์ชันในการขายของออนไลน์ แต่ด้วยตัวเลือกที่เยอะแยะ​ไปหมด ผู้ประกอบการ eCommerce​ จึงจำเป็นต้องเลือกเฉพาะแอปที่จะมาช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ดีที่สุด

วันนี้เราจะมาแชร์ 10 อันดับแอป Shopify​ ที่แนะนำโดย Gretta Van Riel ผู้ก่อตั้ง 4 ร้านค้า Shopify มูลค่านับหลายล้านดอลลาร์ และเธอใช้แอปเหล่านี้เพื่อเพิ่มลูกค้าและขยายยอดขาย

1. Loox

Loox เป็นแอปรีวิวสินค้าที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นตัวที่ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาท่องเว็บนั้น เห็นรีวิวดี ๆ ที่ลูกค้าท่านอื่นมีให้กับร้านค้า เป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือที่จะทำให้เกิดยอดขายได้ในที่สุด

นอกจากรีวิวด้วยข้อความแล้ว Loox ยังมีรีวิวด้วยรูปภาพ ถือเป็นของต้องมีตั้งแต่วันแรก หากยังไม่มีใครมารีวิวให้กับสินค้าของคุณเลย กรณีที่เป็นแบรนด์ใหม่ คุณสามารถส่งสินค้าเป็นของขวัญไปให้กับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์รายเล็ก ๆ หรือผู้คนที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย แล้วขอให้พวกเขาช่วยรีวิวเพื่อเป็นการตอบแทน

2. Photo Resize

ตัวนี้เป็นเครื่องมือบีบอัดข้อมูล โดยจะค้นหารูปภาพทั้งหมดบนเว็บไซต์และบีบอัดรูปภาพทั้งหมด ในขณะที่ยังคงรักษาคุณภาพของรูปเอาไว้ รูปทั้งหมดจะดูเหมือนเดิม แต่มีขนาดไฟล์ที่เล็กลง หมายความว่าเว็บไซต์ของคุณจะโหลดเร็วขึ้น และเพิ่มโอกาสขายให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า

3. Klaviyo

Klaviyo เป็นซอฟต์แวร์การตลาดผ่านทางอีเมล โดยมีระบบอัตโนมัติและการจัดลำดับที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่งในตลาด สามารถใช้ตั้งค่าลำดับตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้ง และลำดับต้อนรับเพื่อเชิญชวนลูกค้าใหม่ แถมยังสามารถสร้าง Pop-up จับที่อยู่อีเมล จากนั้นลำดับก็จะเปลี่ยนอีเมลนั้นให้กลายลูกค้าโดยอัตโนมัติ

นี้เป็นกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการใช้งานเครื่องมือตัวนี้ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับร้านค้า Shopify ผ่านแคมเปญการตลาดผ่านอีเมล

4. Rewind

Rewind เป็นแอปสำรองข้อมูลของร้านค้าให้โดยอัตโนมัติ หากเกิดอะไรขึ้นกับข้อมูลของร้านค้า เช่น การละเมิดความปลอดภัย หรือบั๊กที่ทำให้ข้อมูล Shopify ทั้งหมดของคุณสูญหาย Rewind สามารถกู้คืนข้อมูลเหล่านั้นให้คุณได้ หากไม่มี Rewind คุณอาจสูญเสียข้อมูลทั้งหมดที่อุตส่าห์ทุ่มเทหามา เช่น ข้อมูลของลูกค้าที่คุณต้องใช้ทั้งเงิน และเวลาในการรวบรวม

5. Postscript 

Postscript เป็นแพลตฟอร์มการตลาดผ่าน SMS ที่คุณสามารถสร้างแคมเปญ SMS แบบเดียวกับที่ใช้ Klaviyo สำหรับอีเมล เหตุผลหลักที่คุณควรใช้ คือ การกู้คืนตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้ง หากลูกค้าไปยังขั้นตอนการสั่งซื้อ และถึงจุดที่ต้องใส่เบอร์โทรศัพท์ คุณสามารถติดตามพวกเขา และส่งข้อความแจ้งเตือนว่า “สวัสดี​ค่ะ คุณลูกค้ายังมีสินค้าอยู่ในตะกร้านะคะ”  

สาเหตุที่คุณต้องใช้ SMS เป็นเพราะว่า 85% ของคนเราจะเปิด SMS ภายใน 15 นาทีแรก หลังจากที่ได้รับมา ในขณะที่อีเมลอาจใช้เวลาเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน การตลาดผ่าน SMS จึงถือเป็นวิธีเข้าถึงลูกค้าที่มีประสิทธิภาพและได้ผลเร็วมากที่สุด

6. Aftersell

Aftersell เป็นแอปเพิ่มยอดขายหลังซื้อสินค้า ตัวแอปมีวิธีการขายสินค้าให้ได้เยอะขึ้น และช่วยเพิ่มมูลค่าคำสั่งซื้อโดยรวม หลังจากที่ลูกค้าซื้อสินค้า ตัวแอปจะส่ง Pop-up ที่มีข้อเสนอหลังการขาย อาจเป็นส่วนลด 30% หรือ ซื้อ 1 แถม 1 หรือของแถมคุณที่ลูกค้าอาจสนใจ

ถือเป็นวิธีเพิ่มรายได้ในยอดขาย โดยไม่ต้องหาลูกค้าใหม่

7. Lifetimely

Lifetimely เป็นแอปติดตามผลกำไร และมูลค่าตลอดอายุการใช้งานที่คุณจำเป็นต้องมีในทุกตัวชี้วัด ซึ่งจะช่วยให้คุณทราบว่ามีผลกำไรหรือไม่ แทนการดูแดชบอร์ดของ Shopify ที่มีให้เห็นเพียงยอดขายรายวันเท่านั้น

8. Gorgias

ตัวแอปเป็นแพลตฟอร์มให้บริการลูกค้า แถมยังสามารถรวมสตอรี่ Facebook และข้อความบน IG ของคุณเข้าด้วยกัน เพื่อให้คุณทราบฟีดแบ็กของลูกค้าได้เร็วมากยิ่งขึ้น

ตัวแอปยังมีให้กรอกข้อมูลล่วงหน้าเพื่อตอบคำถามทั่วไป ช่วยให้ประหยัดเวลาและให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

9. Enquire แบบสอบถามหลังซื้อ

เป็นตัวช่วยแสดงแบบสอบถามให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้า ช่วยให้คุณตั้งแบบสอบถามอย่างเช่น ลูกค้าเคยได้ยินชื่อร้านจากแพลตฟอร์มไหน ทำให้คุณสามารถโฟกัสกับการโปรโมตบนแพลตฟอร์มนั้น เพื่อให้ได้ลูกค้ามากขึ้น  

10. Back in stock

เป็นแอปแจ้งเตือนเกี่ยวกับสต็อกสินค้า จำเป็นต้องมีเก็บไว้ เนื่องจากเป็นตัวบอกว่าสินค้าชิ้นไหนหมดสต็อก และเพื่อขออีเมลของลูกค้า เมื่อของมา แอปจะทำการแจ้งเตือนผ่านอีเมลให้กับลูกค้า เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีสินค้าชิ้นนั้น

ช่วยให้รักษาลูกค้าเอาไว้ โดยเฉพาะเวลาที่มีลูกค้ามายังร้านค้าของคุณแล้วพบว่าของหมด

สรุป

แอปของ Shopify ที่เราเขียนไว้ให้ในนี้ ถือเป็นพื้นฐานทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องมี เพื่อความปลอดภัยในรายได้ของร้านค้า จำเอาไว้ว่า คุณไม่จำเป็นที่จะต้องใช้แอปอะไรมากมาย และควรตั้งลิมิตไว้ให้น้อยกว่า 10 แอป

เพราะแอปของ Shopify จะทำให้ร้านค้าโหลดช้าลง ซึ่งมีผลต่ออัตราการเข้าชม สาเหตุที่ไม่ควรใช้แอปเยอะจนเกินไป เพราะพวกนี้มีการวาง Javascript ครอบคลุม Header ส่งผลให้เว็บไซต์ช้าลง คุณต้องแน่ใจว่า แอปที่เลือกมานั้น มีความจำเป็นกับร้านค้าของคุณจริง ๆ และคอยหมั่นตรวจสอบความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ โดยมาตรฐานที่ดีของธุรกิจสำหรับอีคอมเมิร์ซจะอยู่ที่ประมาณ 4 วิ

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?