06 ธันวาคม 2022 0 545

4 ประเภท Ad Copy ที่ต้องมีสำหรับการเพิ่มรายได้ในปี 2022

Ad copy คือ ส่วนหนึ่งของคอนเทนต์การขายที่ไฮไลท์ฟีเจอร์และข้อดีที่ลูกค้าจะได้รับหลังจากทำการซื้อ และยังกล่าวถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นกับตัวบุคคล เพื่อโน้มน้าวให้พวกเขากลายเป็นผู้ซื้อหรือลูกค้า การใช้ Ad Copy ที่เหมาะสมจึงจำเป็นอย่างมากสำหรับการตลาดออนไลน์ มิเช่นงั้นแคมเปญการตลาดอาจพังลงในที่สุด

Travis Chambers, Founder และ Chief Media Hacker ของ Chambers Media ที่แชร์ 4 ประเภท Ad Copy ที่นักการตลาดออนไลน์และผู้ซื้อสื่อออนไลน์จำเป็นต้องมีเพื่อเพิ่มรายได้ของแคมเปญให้มากขึ้น

โดยเป็นรูปแบบ Ad Copy ที่เขาและทีมงานใช้เพื่อเพิ่มรายได้แคมเปญการตลาดบน Facebook ให้เป็นหลายล้านดอลลาร์และข้อมูลที่เป็นผลงานจากโฆษณาเพียงอย่างเดียว

การวิเคราะห์นี้เป็นข้อมูลสำรองจากการวิจัยลูกค้าที่ใช้ต้นทุน $0 และใช้เวลาเพียง 2 นาทีในการนำไปประยุกต์ใช้ ด้วยการลงทุนเพียงเท่านี้คุณก็จะมีคำตอบล่วงหน้าให้กับปัญหาที่อาจกวนใจกลุ่มเป้าหมาย

นี้จึงเป็น 4 ประเภท Ad Copy ที่ใช้ในปี 2022 เป็นต้นไป

  1. การเล่าเรื่อง
  2. การตั้งคำถาม
  3. การชี้ให้เห็นข้อดี
  4. การเน้นฟีเจอร์

1. Ad Copy ที่ใช้การเล่าเรื่อง

การเล่าเรื่องในโฆษณาจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ลูกค้าคุ้นชินและสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวด โดยที่สามารถแก้ได้ด้วยสินค้าหรือบริการของคุณ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบเล่าเรื่องมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ และนั้นเป็นเพราะว่าเรื่องที่เล่าต่างสื่อความหมายได้มากกว่าที่คิด

นี้เป็นประเภทของ Ad Copy ที่หาได้ยาก เพราะต้องขายทั้งเรื่องที่จะเล่าและนำเสนอสินค้าที่ต้องการจะขาย

"นี้เป็นประเภทของ Ad Copy ที่ช่วยเพิ่มรายได้อยู่บ่อยครั้ง แต่ก็มีความยากมากหากไม่มีนักเขียนฝีมือดีหรือการลองผิดลองถูกอยู่ ผมคิดว่านักการตลาดที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก - คือคนที่ขายคอร์ส เพราะของพวกนี้ขายยากมากและถ้าสังเกตจะเห็นว่าพวกเขาส่วนใหญ่นิยมใช้ Ad Copy ที่ใช้การเล่าเรื่อง"

ดังนั้นการเล่าเรื่องจึงเท่ากับการเข้าใจความเจ็บปวด และเมื่อคุณเข้าใจความเจ็บปวด นั้นคือเท่ากับเงิน

2. Ad Copy ที่ใช้การตั้งคำถาม

พวกนี้จะเป็น Ad Copy ที่เกี่ยวกับการโน้มน้าวลูกค้าด้วยคำตอบของคำถามที่พวกเขากำลังมองหา ตรงจุดนี้จะเป็นการตั้งคำถามโดยตรงกับลูกค้าถึงปัญหาที่พวกเขามี เพื่อที่คุณจะได้สามารถโน้มน้าวพวกเขาให้กลายเป็นผู้ซื้อ

สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่คือการสร้างปัญหาด้วยการตั้งถามคำถามและเมื่อคนเราถูกตั้งคำถาม เราย่อมต้องการหาคำตอบ เพราะเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์และมนุษย์ก็ชอบแก้ไขปัญหา

3. Ad Copy ที่ใช้การชี้ให้เห็นข้อดี

เป็น Ad Copy ประเภทที่อธิบายถึงข้อดีของการใช้งานสินค้าหรือบริการที่ลูกค้าจะได้รับ ช่วยประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เป็นการโชว์ให้ลูกค้าเห็นถึงศักยภาพในตัวสินค้า

หมายเหตุ: นี้เป็นโฆษณาที่นิยมใช้กัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลเสมอ

4. Ad Copy ที่ใช้การเน้นฟีเจอร์

เป็นการบอกลูกค้าเกี่ยวกับฟีเจอร์หรือลักษณะพิเศษของตัวสินค้าและบริการ เพื่อโน้วน้าวให้ลูกค้าเห็นว่านี้เป็นสินค้าหรือบริการที่ดีที่สุดแล้ว Ad Copy ประเภทนี้จะช่วยขายในเรื่องของนวัฒกรรม หรือฟีเจอร์ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ เป็นการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงและอธิบายเกี่ยวกับตัวสินค้า

การทดสอบประสิทธิภาพของ Ad Copy เหล่านี้

Travis ได้ทำการทดสอบ Ad Copy แต่ละตัว และค้นพบว่าราว 88% ของข้อเสนอและสินค้า จะมีตัวหนึ่งที่ให้ผลลัพธ์ดีกว่าการใช้อีก 3 ตัวที่เหลือรวมกันเสมอ

ไม่ว่าจะใน Niche Marketing, B2B หรือ B2C ประเภทของ Ad Copy เหล่านี้มักจะถูกใช้งานและช่วยให้โฆษณามีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเสมอ และสิ่งที่สำคัญมาก ๆ คือการทดสอบ A/B Testing กับ Ad Copy ทั้ง 4 ประเภทนี้ เพราะถ้าหากไม่ทดสอบ A/B Testing เราจะไม่รู้เลยว่า Ad Copy ประเภทไหนสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด และอาจทำให้ประสิทธิภาพของโฆษณาต่ำลงถึง 60%

5 เคล็ดลับสำหรับเพิ่มกำไรจาก Ad Copy

จะมีศัพท์เฉพาะทางบางตัวที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาได้เสมอ และเสมอในที่นี้คือใช้ได้ผลเสมอ

เราขอแนะนำให้จดข้อมูลนี้ไว้ เพราะเคล็ดลับเหล่านี้มีประโยชน์มากและคุณอาจเห็นผลลัพธ์ต่างขึ้นถึง 10%-30% จากเคล็ดลับเล็ก ๆ เหล่านี้

1. Call to action URL: โดยเฉลี่ยแล้วหากใส่ลิงก์ Call to action ลงไปใน Ad Copy โดยอ้างอิงเป็น 1% จากร้านค้า 2,000 อันดับแรกใน Shopify จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นถึง 14%

2. จัดส่งฟรี: หากใส่คำว่าจัดส่งฟรีลงไปใน Ad Copy จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้โฆษณาได้ถึง 8%

3. เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!): หากใส่เครื่องหมายนี้ลงไปใน Ad Copy จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้โฆษณาได้ถึง 7% “เสมือนกับมีคนกำลังตะโกนมาที่คุณ ผมทำโฆษณามาเยอะพอสมควรจนพบว่าเวลามีใครตะโกนออกมา คนส่วนใหญ่มักพร้อมรับฟังเสมอ ดังนั้นเครื่องหมายนี้จึงเปรียบเสมือนการตะโกนใส่ใครบางคน”

4. ใช้คำว่า "คุณ": การใช้คำว่า "คุณ" ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเราต่างรักและห่วงใยตัวเองมากกว่าใครอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อทำโฆษณากับกลุ่มเป้าหมาย คุณจะต้องเรียกแทนตัวพวกเขาให้ชัดเจนไปเลย

5. ใช้เครื่องหมายจอง หรือเครื่องหมายทางการค้า: การใช้เครื่องหมายจอง หรือเครื่องหมายทางการค้า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้โฆษณาถึง 6% เพราะมีการรับรู้คุณค่าจากผู้บริโภค

ทักษะการอ่าน

อีกสิ่งที่ Travis และทีมของเขาค้นพบและนับเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายของการทำโฆษณาทุกประเภท และสิ่งที่ทำให้พวกเขายอมทุ่มงบกับโฆษณา 1 ตัว จากทั้งหมด 10 โฆษณาก็คือ ทักษะการอ่าน

"สิ่งที่น่าตกใจมากในอเมริกา คือผู้คนเกือบครึ่งมีทักษะการอ่านต่ำกว่าระดับมัธยมต้น เป็นเรื่องน่าอายมากที่คนอเมริกันโดยเฉลี่ยมีทักษะการอ่านเพียงแค่นี้ พวกเขาจึงอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อ การขายจึงกลายเป็นเรื่องยาก" Travis กล่าว

ทว่าหากเป็นสินค้าประเภทหรูหรา คุณอาจได้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามหากเลือกทำการตลาดกับคนในดูไบ เพราะผู้คนที่นั้นฉลาดและมีทักษะการอ่านในระดับที่เทียบเท่ากับมหาวิทยาลัย จะเห็นได้ว่าทั้งหมดนี้คือผลกระทบของทักษะการอ่าน

หากคุณเลือกทักษะการอ่านที่สูงกว่าระดับมัธยมต้น จะเป็นการลดประสิทธิภาพของโฆษณาถึง 14% และต่ำกว่า 10% ของโฆษณาทั้งหมด มีทักษะการอ่านต่ำกว่าระดับมัธยมต้น ดังนั้นยิ่งระดับการอ่านต่ำมากเท่าไร ROAS หรือรายรับจากค่าโฆษณาของคุณก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น

ประโยคสำคัญ

เป็นสิ่งที่ TikTok ให้กับสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เรียกว่าเป็นแพลตฟอร์มแห่งสิ่งนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่ง Travis ค้นพบว่าประโยคเหล่านี้มีอยู่ในโฆษณาไม่ถึง 5% แต่กลับส่งผลต่อโฆษณาได้สูงถึง 25% เลยทีเดียว

ดังนั้น Travis และทีมงานจึงวิเคราะห์ข้อมูลบางส่วนและสิ่งที่ได้ก็คือ: ประโยคพวกนี้จะอยู่แค่ 3 แบบ ที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโฆษณาได้มากที่สุด โดยเริ่มตั้งแต่:

  • ประโยคทางปัญญา

เป็นประโยคที่เปรี่ยมไปด้วยความว้าว, กล้านำเสนอ, แปลกแต่จริง และเป็นการบอกเล่าเชิงความรู้

ตัวอย่างเช่น "บอกลาพลาสติกแล้วหันมาเลือกของที่ใช้ซ้ำได้ — เลือกของออร์แกนิค" โฆษณานี้ทำเงินไปแล้ว $1,000,000 ดอลลาร์

  • ประโยคทางการรับรู้

เป็นประโยคที่ทำให้คุณต้องหยุดมองและฟัง

"หนึ่งในแบรนด์ของเรา Mr. Cool มีโฆษณาที่ทำยอดขายไปแล้วกว่า $30,000,000 ดออลาร์ ในช่วง 3 วินาทีแรกของโฆษณา จะมีชายคนหนึ่งโยนผ้าเช็ดตัวมาที่กล้องแล้วพูดว่า "หยุดเลื่อนสักทีจะได้ไหม!" นี้แหละคือประโยคทางการรับรู้"

อันนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ทำยอดขายไปแล้วกว่า $2,000,000 ดอลลาร์:

"ถึงจะดูน่าหลงใหล แต่นี้ไม่ใช่แหวนเพชรนะ!" เป็นประโยคทางการรับรู้ เพราะกำลังปลื้มใจที่ได้บอกให้คนรับรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร

  • ประโยคทางอารมณ์

เป็นประโยคที่ทำให้คุณรู้สึกกลัว, กังวล, กลัวตกข่าว, หัวเราะ, เศร้า, ตื่นเต้น, คิดถึงวันวาน, ตกใจ, ฯลฯ

ประโยคแบบไหนให้ผลลัพธ์ดีที่สุด?

ถือเป้นเรื่องที่สำคัญมากที่คุณควรจะรู้ว่าประโยคไหนใช้ได้ผลดีกับงานของคุณ ทางคุณ Travis และทีมงานเลยได้จัดทำตารางขึ้นมา เพื่อแสดงให้ดูถึงประเภทของประโยคที่เหมาะสมที่สุดกับสินค้าและบริการของคุณ ทั้งในกลุ่มเฉพาะทางหรืออุตสหากรรม:

สรุป

การเขียน Ad Copy นับเป็นงานศิลป์ที่รวบรวมไปด้วยถ้อยคำหรือองค์ประกอบที่ช่วยกระตุ้นความอยากได้ในตัวสินค้า ซึ่งสามารถแทนสิ่งที่เกินมาด้วยสิ่งที่จำเป็น โดยไม่สูญเสียใจความสำคัญที่คุณต้องการจะสื่อ เหตุผลที่สำคัญที่สุดของประโยคในโฆษณา คือการกระตุ้นการตอบสนองจากกลุ่มเป้าหมายของการโฆษณา อาจเป็นเรื่องง่ายอย่างการไปยังเว็บไซต์ของแบรนด์ เพื่อติดต่อสอบถามหรือกรอกแบบฟอร์ม หรือสั่งซื้อสินค้านั้นเอง

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?