21 กรกฎาคม 2023 0 360

ประสบการณ์โดยตรงจากการใช้สาร DMAA - สารกระตุ้นอันทรงพลังที่สุดในปฐพีที่ถูกต้องตามกฎหมาย

Biohacking หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า ชีวภาพ DIY มันคือกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์และการทดลองที่มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสิ่งมีชีวิต รวมถึงมนุษย์ด้วย ซึ่งยังมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายมนุษย์ โดยก็จะเป็นนวัตกรรมที่จะมาช่วยควบคุมความแก่ชรา และสรรพคุณอื่นๆ อีกมากมายเลย

ซึ่งปัจจุบันมีอาชีพ “ไบโอแฮ็กเกอร์ (biohacker)” เกิดขึ้นมามากมาย ไบโอแฮ็กเกอร์บางคนก็กำลังมีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ ส่วนประเภทของไบโอแฮ็กเกอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ นั่นก็คือไบโอแฮ็กเกอร์คนที่เน้นทำการทดลองนอกห้องแล็ป พวกเขาชอบที่จะทำการทดลองด้วยตัวเอง ซึ่งงานวิจัยของพวกเขาถือเป็นความหวังของมนุษยชาติที่จะคิดค้นวิธีการเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายและระบบสมอง ดังนั้นจึงมีการก่อตั้งลัทธิทรานส์ฮิวแมนิสซึมเกิดขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้มนุษย์สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยเสริมสร้างและวิวัฒนาการสายพันธุ์ของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ไบโอแฮ็กเกอร์บางคนถึงกับจบปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์ และบางคนก็เป็นมือสมัครเล่น ซึ่งงานของพวกเขาก็แค่ลอง "แฮ็ก" เกี่ยวกับระบบชีววิทยาที่ประกอบไปด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง ตามที่พวกเขาถนัด

คุณอันเดร อาร์เบนิน (Andrey Arbenin) นักวิจัยด้านชีวภาพ จากประเทศรัสเซีย เขาพยายามทำการทดลองด้วยร่างกายของเขาหลายอย่างเกี่ยวกับสารกระตุ้น ใน วิดีโอล่าสุดบนแชนแนล YouTube ของเขา ซึ่งเขาได้พูดถึงประสบการณ์ของเขาในการใช้ตัวยา “DMAA” ซึ่งช่วยกระตุ้นสมองส่วนซิมพาเทติก และมีส่วนช่วยในการผลิตโดพามีนและนอร์เอพิเนฟริน

ในบทความนี้เราจะพูดถึงผลการทดลองของคุณอันเด เจ้ายา DMAA ตัวนี้กัน

"DMAA ย่อมาจากสารประกอบอินทรีย์ dimethylamylamine ที่ได้มาจากน้ำมันเจอราเนียม โดยการสกัดด้วยไอน้ำของพืช สารชนิดนี้มีอยู่ในลำต้น และใบของพืชชนิดนี้ ซึ่งมีชื่อเต็มในภาษาละตินเรียกว่า Pelargonium Graveolens "

ความเป็นมาของสาร DMAA

หลายคนมักเข้าใจผิดว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร DMAA เป็นสารสกัดจากเจอเรเนียม จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรป ได้แสดงให้เห็นว่า น้ำมันดอกเจอราเนียมที่ได้จากการสกัดด้วยไอน้ำของส่วนต่างๆของพืชดังกล่าวไม่มีสาร geranamine ซึ่งถ้าหากไม่มีสารเคมีที่ระบุไว้จริง ผู้บริโภคก็จะไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของน้ำมันเจอเรเนียมได้

โรสเจอราเนียม (Rose Geranium) พืชสกุล "pelargonium graveolens"

เคยมีเภสัชกรชาวเยอรมันกลุ่มหนึ่ง พวกเขามีความชำนาญในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการสกัดจากดอกเจอราเนียมในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 พวกเขาเคยผลิตตัวยาที่จะรักษาสำหรับอาการคัดจมูก ที่ทำมาจากน้ำมันของพืช แต่ผลิตภัณฑ์นี้ก็ถูกล้มเลิกการผลิตแล้ว เพราะผลข้างเคียงของมันนั่นเอง

ตั้งแต่นั้นมา การทดลองโดยใช้สารสกัดจากดอกเจอราเนียมก็ยุติลง จนผ่านไปกว่าครึ่งศตวรรษมีนักทดลองมากมาย ต่างกลับมาให้ความสนใจในพืชชนิดนี้อีกครั้ง เหตุผลเพราะ หลายประเทศทั่วโลกสั่งห้ามให้ใช้กับสารเอเฟดรีน (Ephedrine) ในปี 2005

"เอเฟดรีน เป็นอัลคาลอยด์ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทซิมพาเทติกและมีผลกระตุ้นทางจิตใจ มันถูกแยกออกจากพุ่มไม้ที่เรียกว่า เอเฟดรา เอเฟดรีนยังเป็นยาที่ออกฤทธิ์คล้ายกับสารแอมเฟตามีน มีผลกระทบให้เกิดการเร่งปฏิกิริยาทางจิตและลดอาการเมื่อยล้า มีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางในขณะที่บริโภคอีเฟดรีนเป็นสื่อกลางไปแล้ว ซึ่งมันสามารถนำไปเปรียบเทียบกับระยะเวลาการออกฤทธิ์ของสารอะดรีนาลีนได้เลย"

มีใครบางคนในวงการวิทยาศาสตร์ ยังคงจำพืชกลุ่ม Pelargonium Graveolens ได้ และตัดสินใจที่จะทดลองคุณสมบัติของมันอีกครั้ง โดยเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าเก่า ซึ่งผลที่ได้ ทำเอานักวิทยาศาสตร์ประหลาดใจ มันถูกพบว่า สูตรโมเลกุลของสาร DMAA และแอมเฟตามีนมีความคล้ายคลึงกันมากๆ

การใช้เจอเรเนียมเป็นส่วนผสมหลักของ ยา DMAA ได้พิสูจน์แล้วว่า ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีทางเศรษฐกิจ มีการวิจัยเพิ่มเติม พบว่า การสังเคราะห์ทางเคมีสามารถช่วยให้ได้สารสังเคราะห์ dimethylamylamineได้

ตั้งแต่นั้นมา จึงได้ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทันสมัยมากมาย และอาหารเสริมสำหรับนักกีฬาที่สังเคราะห์มาจากสาร DMAA มันคือเจอรานามีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสาร dimethylamylamine ที่ถูกสร้างขึ้นจากการสังเคราะห์ มันออกฤทธิ์กระตุ้นเพิ่มพลังงานในร่างกายมนุษย์ให้ทรงพลังยิ่งขึ้น

จากการค้นพบครั้งนี้ นักกีฬาจากหลายประเทศที่ได้รับรางวัลหลายร้อยกว่าเหรียญในการแข่งขันกีฬาต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในปี 2010 ทาง WADA ได้ใส่สาร geranomine ลงไปในลิสต์ยากระตุ้น หลังจากนั้น หลายๆประเทศทั่วโลกได้ต้องห้ามไม่ให้มีการซื้อขายผลิตภัณฑ์ที่มีสาร DMAA กันอย่างเสรี

ออกฤทธิ์เหมือนตอนดื่มกาแฟมั้ย?

ได้มีคอมเมนท์บนอินเทอร์เน็ตบอกว่า ฤทธิ์ของสาร DMAA คล้ายกับฤทธิ์ของการดื่มคาเฟอีน ซึ่งนั่นก็ไม่เป็นความจริงเลย เพราะกลไกของผลกระทบต่อร่างกายของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน

ผลกระทบของยา DMAA

สาร DMAA จะเป็นตัวปล่อยฮอร์โมนนอร์เอพิเนฟรินที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งฮอร์โมนนี้มีหน้าที่:

  • เพิ่มสมาธิ
  • ระดับสมาธิ
  • ช่วยให้เกิดการตั้งใจจดจ่อกับกิจกรรมต่างๆ
  • ช่วยให้เกิดขึ้นแรงจูงใจ
  • เพิ่มความเร็วในการตอบสนอง

นอกจากนี้ นอร์เอพิเนฟริน ยังเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ สลายไขมัน และยังลดความอยากอาหาร อีกด้วย

อีกผลกระทบหนึ่งของ dimethylamylamine ต่อร่างกายมนุษย์คือ การผลิตโดพามีนที่ใช้งานอยู่ นี่เป็นสารสื่อประสาทที่สมองผลิตขึ้นมาเอง โดยทำให้มีความสุข รื่นเริงขึ้นกว่าปกติจากเดิม รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ และกระตุ้นความต้องการทางเพศ

นอกเหนือจากนี้ เรื่องประโยชน์ที่ได้กล่าวไปนั้น คุณอันเดรย์ยังให้อธิบายเกี่ยวกับผลข้างเคียงอื่นๆของสาร geranamine นั่นก็คือ อาการภาวะซึมเศร้าและง่วงนอน แปลกดีที่ ผลข้างเคียง จะตรงข้ามกับผลกระทบของสารสุดขั้ว ซึ่งทางผู้ทดลองได้ออกมายืนยันแล้วว่า ร่างกายมนุษย์สามารถรับยา DMAA ในปริมาณมากๆ มันก็จะไปยับยั้งการไหลเวือนของเลือดและเกิดอาการหายใจหอบเร็วด้วย

ประสบการณ์ของคุณอันเดรย์เมื่อใช้ยา DMAA

"ผมจะไม่บอกว่า สาร dimethylamylamine กับสาร euphoretics เป็นยาที่ก่อให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม" — คุณอันเดรย์ได้กล่าวไว้

ไบโอแฮ็กเกอร์ต้องตั้งข้อสังเกตในผลกระทบจากการกระตุ้นที่รุนแรงมากของยา DMAA และระบุว่า หลังจากที่เขาใช้ยามากเกินไป มันได้ทำการกระตุ้นในระบบประสาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับสารคาเฟอีนแล้ว ยาตัวนี้มันออกฤทธิ์ไม่นาน

ฤทธิ์ของมันที่อธิบายไว้ จะเกิดขึ้นประมาณ 30 นาทีหลังจากรับประทานสาร DMAA ไปแล้วในจำนวน 100 มก. ซึ่งทางไบโอแฮ็กเกอร์ก็ยังไม่ได้หยุดที่ผลลัพธ์นี้เท่านั้น พวกเขาตัดสินใจที่จะตรวจสอบอาการจะเกิดขึ้นหลังจากที่ใช้มันในปริมาณสูงสุดสำหรับร่างกาย คุณอันเดรย์ก็เคยบอกรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นกับเขาไปแล้ว หลังจากรับประทานสาร dimethylamylamine ใน 300 มิลลิกรัม:

"หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมมันได้หลั่งสารโดพามีนขึ้นมา: ผมเกิดความรู้สึกอ่อนไหวได้ง่ายๆ และมีความรู้สึกสบายปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย ต่อมา ในบางครั้ง เห็นได้ชัดว่าการใช้สาร นอร์เอพิเนฟรินที่รุนแรง จะทำให้เกิดอารมณ์ที่เป็นความมต้องการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งนิ่งๆ แม้ว่าจะพยายามแล้วก็ตาม — ผมอยากจะวิ่งไปที่ไหนสักที่อยู่ตลอดเวลา และไม่กี่นาทีต่อมา ก็เกิดความต้องการทางเพศอย่างรุนแรง ซึ่งมันไม่เหมือนกับผลกระทบของยาชนิดอื่นๆ มันจะกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ทำให้เกิดสัญชาตญาณของสัตว์บางชนิด ในวันที่รับประทานยา ทำให้ส่วนอวัยวะเพศเกิดการแข็งตัวบ่อยมาก มากกว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมา"

และในตอนเย็น ไบโอแฮ็กเกอร์ท่านนี้มีอาการเหนื่อยล้า และเกิดปัญหาหัวใจอย่างรุนแรง หลังจากวันนั้น คุณอันเดรย์อยู่ในสภาพซึมเศร้าและอ่อนเพลียทั้งวัน

โดยทั่วไปผลของการใช้ dimethylamylamine จากประสบการณ์ของเขาได้อธิบายไว้แล้วดังนี้:

  • 2 ชั่วโมงแรกหลังจากการรับประทาน — มีผลกระทบที่เพิ่มขึ้น
  • 2 ชั่วโมงที่สอง — มีอาการแย่ลง
  • อีก 2-4 ชั่วโมงต่อมา เกิดผลข้างเคียง

เมื่อคุณเดรียรู้สึกได้ถึงความเข้มข้นที่สุดของสารในร่างกายของเขา นั่นก็คือสารอะดรีนาลีนที่หลังออกมาอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นฮอร์โมนชนิดนี้ ให้ความรู้สึกเป็นเวลานานและมีความเข้มข้นสูง ซึ่งอธิบายได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าการผลิตที่แข็งแกร่งของโดพามีนและ norepinephrine นำไปสู่การปลดปล่อยอะดรีนาลีนในครั้งต่อไป ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นของกล้ามเนื้อหัวใจ

คุณอันเดร์ ก็เลยสรุปว่า DMAA เป็นสารกระตุ้นทางกายภาพโดยเฉพาะ:

  • เสริมสร้างสมรรถภาพของร่างกาย ในการฝึกซ้อมและการแข่งขันกรีฑา
  • เร่งการเผาผลาญไขมันและสลายไขมัน

ด้วยเหตุนี้สาร DMAA จึงทำให้เป็นสินค้าที่นิยมมากที่สุดในตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับนักกีฬาต่างๆ ของแบรนด์ Jack3d

ในวิธีใช้ยาตัวนี้ จะนำไปเจือจางในเครื่องดื่ม ก่อนที่จะฝึกซ้อม เพียงเท่านี้ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายของนักกีฬาได้อย่างเห็นได้ชัดจริงๆ ผลการวิจัยนี้จะเป็นจริงได้ ถ้าบุคคลที่ใช้ยามีสุขภาพดีสมบูรณ์แบบ ในกรณีนี้ ผลข้างเคียงอาจไม่แรงกว่าสารคาเฟอีน

คุณอันเดร์ยังแถมคำแนะนำสำหรับการใช้สารสกัดจากดอกเจอราเนียมอีกด้วย ดังนี้:

  • ยาชนิดนี้เหมาะสำหรับการรับประทานในตอนเช้า
  • ห้ามใช้เกินขนาดที่ผู้ผลิตได้แนะนำไว้
  • ควรรับประทานตอนท้องว่าง
  • ควรใช้ DMAA ตามความจำเป็น ในกรณีที่ผู้ใช้ยังไม่เชี่ยวชาญ
  • อย่าผสมกับแอลกอฮอล์ เพราะอาจเกิด อาการเลือดออกในสมองได้
  • คุณควรตระหนักถึงขีดจำกัดสูงสุดของร่างการตัวเอง และพยายามปรับปริมาณยาของคุณตามการตอบสนอง

นอกจากนี้ ถ้าเป็นนักกีฬาก็ไม่ควรลืมว่า ยาเจอรานามีนเป็นหนึ่งในสารต้องห้ามที่ถูกห้าม โดยองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก ซึ่งจากที่คุณอันเดรย์ได้ทดลองเปรียบเทียบกับสารคาเฟอีน พบว่า สารเจอเรเนียมมีผลกระทบต่อร่างกายจะแรงมากกว่าถึง 3-4 เท่า

คุณอันเดรย์ยังแนะนำให้ต่อต้านการใช้สาร DMAA ในรูปแบบเสริมอาหาร แม้ว่าจะมีการใช้สารนี้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

"การกระตุ้นในระดับนี้ แม้ว่ามันจะสามารถทำให้เกิดผลในส่วนของจิตใจ แต่มันจะไม่ช่วยให้คุณมีสมาธิและนั่งนิ่งๆได้หรอกนะ หรือพูดง่ายๆ สาร dimethylamylamine ยังไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาความสามารถในการรับรู้"— คุณอันเดรย์ได้กล่าวไว้

สรุป

โดยสรุปแล้ว จากการวิจัยของคุณอันเดรย์ อาร์เบนิน ที่เขานั้นได้ทำการทดลองเกี่ยวกับยา DMAA ผลที่ได้มาคือ มันไม่ปลอดภัย การบริโภคสารสกัดจากดอกเจอเรเนียมมาเกิดไป จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ มากกว่าประโยชน์ที่ร่างกายได้มา

ควรใช้ในปริมาณที่พอดี ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและส่งเสริมความสามารถในการรับรู้ ก็จะเป็นวิธีที่สะดวกและปลอดภัยกว่าการใช้ยาที่มีสารคาเฟอีน หรือ นูโทรปิก

เราไม่อยากให้ร่างกายของคุณประสบกับผลกระทบของยา DMAA ในปริมาณที่เกิดขนาด มันเสี่ยงต่อสุขภาพของคุณ โดยเนื้อหานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้นำเสนอข้อมูลให้ครอบคลุมกับหัวข้อ ไบโอแฮ็กกิ้ง (Biohacking) ที่มีความสำคัญมากในสมัยใหม่

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?