ดมิทรี โซคาช (Dmitry Sokhach) ผู้เชี่ยวชาญ SEO และเป็นผู้ก่อตั้ง Shared.domains ได้กล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากโดเมนหมดอายุให้ได้มากที่สุดในงานประชุมออนไลน์ครั้งที่ 20 ของ NaZakhid โดยเป็นการวิจัยที่เขาทำการวิเคราะห์โดเมนหมดอายุทั้งหมด 10,000 โดเมน ที่ใช้บริการ Shared.domains
ในบทความนี้เราจะพูดถึงสิ่งที่ดมิทรี โซคาช ค้นพบเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากโดเมนหมดอายุให้ได้มากที่สุด
โดเมนหมดอายุ
โดเมนหมดอายุ คือ โดเมนที่ลงทะเบียนโดยบุคคลหรือนิติบุคคล แต่ถูกระงับในเวลาต่อมา หรือไม่มีการต่อสัญญาโดยเจ้าของ ทำให้สามารถลงทะเบียนใหม่ได้ มักถูกนำมาขายทอดตลาดบนเว็บไซต์อย่าง Godaddy, Namejet และอื่น ๆ ชื่อของโดเมนถูกนิยมใช้สำหรับ:
วิเคราะห์ชื่อโดเมน 10,000 ชื่อ
ดมิทรีกล่าวว่า ด้วย Shared.domains เขาและเพื่อน ๆ มักคอยซื้อโดเมนหมดอายุทีละมาก ๆ เพื่อนำมาช่วยเพิ่มอันดับการค้นหาเว็บไซต์ที่พวกเขาโปรโมตกันอยู่
ผ่านมากว่า 2 ปี ดมิทรีและเพื่อน ๆ ได้เข้าซื้อโดเมนไว้เป็นจำนวนมาก แต่ก็พลาดตรงที่ไม่ได้ซื้อให้เยอะกว่า 10,000 โดเมน เหตุผลหลักเกิดจากราคาประมูลที่สูงหรือต่ำเกินไป อย่างไรก็ตามหลังผ่านมา 2 ปี พวกเขาศึกษาค้นคว้าโดเมนทั้งหมด จนพบเข้ากับตัวอย่างที่น่าสนใจ
โดเมนที่ดมิทรีซื้อมา ถูกวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือและตัวชี้วัดดังต่อไปนี้:
เขายังใช้ตรวจสอบเครื่องหมายการค้า และข้อมูลส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับโดเมน
บริการวิเคราะห์โดเมนที่ดมิทรีขอแนะนำ
นอกเหนือจาก Ahrefs และ Web.Archive แล้ว ดมิทรีแนะนำให้ใช้แพลตฟอร์มดังต่อไปนี้ เพื่อประเมินโดเมนหมดอายุ
1. Namebio
ด้วยค่าบริการ $10/เดือน คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของเว็บไซต์ มีการแสดงระยะเวลาและราคาที่โดเมนถูกซื้อ ช่วยให้คุณเห็นประวัติการซื้อขายและติดตามค่าความนิยมของโดเมน
ตัวอย่าง ในรูปนี้คือโดเมนที่ถูกซื้อปี 2017 ด้วยราคา $155 และถูกขายปี 2020 ในราคา $455
2. Spamzilla
Spamzilla เป็นหนึ่งในบริการไม่กี่เจ้าที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหาข้อมูลและประวัติทั้งหมดของโดเมน นอกจากนั้นยังติดตามการเปิดประมูลและสถิติของโดเมนใหม่ ๆ ให้ทุกวัน
3. Domain Rank
ใช้ Domain Rank เพื่อดูเรทติ้งหรืออันดับของโดเมน
4. Trust Flow
ใช้ Trust Flow สำหรับเพิ่มดัชนีความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ในรูปนี้คุณจะเห็นคลังบันทึกของตัวเว็บไซต์ รวมถึงเจออายุของเว็บไซต์, หัวข้อ และข้อมูลอื่น ๆ
ราคาโดเมนขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง
ราคาโดเมนจะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย:
1. ความยาวและแบรนด์ของชื่อ ตัวอย่าง โดเมนที่แพงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ Voice.com ซึ่งถูกซื้อไปในราคา $30,000,000 ผ่านการซื้อขายในรูปแบบ NFT ตัวอย่างอื่น ๆ ของการขายโดเมนที่สั้นในราคาหลายล้านดอลลาร์:
2. จำนวนลิงก์ External และหัวข้อต่าง ๆ
3. โดเมนที่ลิงก์น้อยแต่กลับมี Traffic มากจะมีมูลค่าสูง นี้เป็นเพราะหากมี Traffic ก็แสดงว่าผ่านการคัดกรองของ Google แล้ว ลักษณะของเว็บไซต์ใน Ahrefs จะเป็นแบบในรูป: ลิงก์น้อยแต่มี Traffic
โดเมนนี้ถูกขายไปวันที่ 18 มิถุนายน 2022 ในราคา $3,250
บ่อยครั้งที่มีการนำโดเมนประเภทนี้มาใช้หาเงิน — ด้วยการกู้คอนเทนต์เก่าและนำมาใช้สร้างรายได้
กรณีตัวอย่าง: ใช้ประโยชน์จากโดเมนที่เคยเป็นของ Redirect Page มาก่อน
ดมิทรีกล่าวถึงโดเมนที่เขาซื้อมา โดยเป็นโดเมนที่ก่อนหน้านี้ถูกลิงก์ไปยัง Redirect Page และจากนั้นก็สูญเสีย Traffic ไปในปี 2016 ไม่นานหลังจากนั้นตัวเว็บก็ถูกนำออกไปจากดัชนีของ Google และ Traffic ทั้งหมดก็จางหายเข้ากลีบเมฆไป
ทีมของเขาซื้อโดเมนนี้มาปี 2019 ในราคา $300 พวกเขาทำการลิงก์มันไปยังเว็บใหม่ และเพิ่มคอนเทนต์ให้กับเว็บไซต์ ปัจจุบันเว็บไซต์นี้มี Traffic ประมาณ 20,000 ครั้งต่อเดือน
ดมิทรีเชื่อว่าทีมของเขาได้ประหยัดเงินเป็ฯจำนวนมากจากการซื้อโดเมนที่เคยเป็น Redirect เพราะนอกเหนือจาก Traffic แล้ว ตัวเว็บก็มีแนวโน้มที่ค่อนข้างดี:
สถิติโดเมนหมดอายุที่รวบรวมมา
หลังจากวิเคราะห์โดเมน 10,000 โดเมน ผ่านบริการ Shared.domains ดมิทรีและทีมได้พบสถิติที่น่าสนใจดังต่อไปนี้:
ส่วนเปอร์เซนต์ที่เหลือคือไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ของเจ้าของเลย
สัดส่วนโดเมนที่ถูกขายจะถูกแบ่งตามเว็บที่เปิดประมูลมา
เว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
หลังการวิเคราะห์โดเมนทั้ง 10,000 โดเมน ผ่าน Shared.domains มีเพียงหยิบมือที่ประสบความสำเร็จ โดยเว็บไซต์ดังกล่าวที่ดมิทรีกล่าวถึงคือ:
โดเมนสองอย่างหลังถูกสร้างขึ้นด้วย AI โดยเป็นซอฟแวร์ GPT-3 แบบพิเศษ ดมิทรีกล่าวว่าโดเมนประเภทนี้เคยได้รับความนิยมมากเมื่อปีก่อน อย่างไรก็ตาม คุณจะเห็นได้ในรูปว่าหลัง Google ปล่อยอัปเดตใหม่ออกมา ทางเว็บไซต์นั้นก็สูญเสีย Traffic ไปมากอย่างน่าตกใจ
ดมิทรียังกล่าววถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยโปรโมตเว็บไซต์ประเภทนี้ ตอนนั้เขาซื้อโดเมนที่มีลิงก์ภายนอกเพียงแค่ 100 ลิงก์ เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับการปรุงอาหาร โดยตัดสินใจที่จะเพิ่มคอนเทนต์ด้วยการแปลคลิป Youtube ให้ออกมาเป็นตัวอักษรในข้อความ
ในรูปคุณจะเห็นว่าเว็บไซต์ได้รับผลกระทบจากการอัปเดตใหม่ของ Google อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ยังคงมีจำนวน Traffic ที่พอใช้ในวันนี้
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จ
หลังกาารวิเคราะห์แนวทางทั้งหมดของเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จที่ใช้บริการ Shared.domains ทีมของดมิทรีสรุปได้ว่า ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของเว็บไซต์เหล่านี้มีราคาต่ำกว่า $3,000 ช่วยชี้ให้เห็นถึงช่วงของราคาที่สมเหตุผลสำหรับการซื้อโดเมนหมดอายุ เพื่อนำมาใช้สร้างรายได้ต่อไปในอนาคตข้างหน้า
ดมิทรีกล่าวว่า ในคอมมูนิตี้ SEO จะมีบางความเห็นที่ว่าเว็บไซต์ที่ดีจำเป็นต้องมีลิงก์เยอะ ๆ ซึ่งความเห็นดังกล่าวถือว่าไม่จริงเลย โดยสามารถนำกรณีศึกษาดังต่อไปนี้มาหักล้างได้
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 มีคนซื้อโดเมน Hotframeworks.com ไปในราคา $3,100 ซึ่งตอนนั้นมีลิงก์ภายนอกเพียง 336 ลิงก์ จากนั้นเว็บก็ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มลิงก์แต่อย่างใด เป็นเพราะลิงก์ที่มีอยู่นั้นค่อนข้างดีอยู่แล้ว พวกเขาเลยตัดสินใจโปรโมตเว็บไซต์เลย ปัจจุบันกลายเป็นเว็บไซต์ที่คอยรวบรวมบริษัทให้บริการโฮสติ้ง และทำรายได้ผ่าน Affiliate Program
ดมิทรีเชื่อว่าจำนวนลิงก์ไม่ใช้ปัจจัยหลัก แต่เป็นคุณภาพต่างหาก หากเป็นลิงก์จากเว็บไซต์ใหญ่ ๆ อย่าง Forbes, Business Insider และแพลตฟอร์มยอดนิยม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
นำโดเมนมาขายต่อ
โดเมนจะมีราคาถูกหากไร้ซึ่ง Traffic และดัชนีของ Google บางคนจะรู้วิธีการซื้อเว็บไซต์ประเภทนี้ และนำไปขายต่อในราคาที่สูงขึ้นพร้อมกับเสนอ Traffic ให้
นโยบายของการตั้งราคาในกรณีข้างต้นมีดังนี้:เว็บที่ซื้อโดยเฉลี่ยจะอยู่ในราคาประมาณ $300 และขายต่อพร้อมกับดัชนีและ Traffic ในราคา $4,000 อีกทางเลือกคือการเพิ่มมูลค่าของเว็บไซต์ แล้วจึงค่อยนำมาขายต่อในราคาที่สูงกว่าของเดิม เช่น:
ตัวอย่างเช่น PianoMedia.com ที่ถูกซื้อมาในราคา $265 และกำลังถูกขายในราคา $3,160
เคล็ดลับจากดมิทรี: บ่อยครั้งที่มรการซื้อโดเมนจาก Dropcatch หรือ Namejet และนำมาขายต่อบน Godaddy ทั้งแบบนั้นเลย นี้เป็นเพราะ Godaddy นั้นได้รับความนิยมและมีการสู้ราคามากกว่า
เทรนด์บล็อกส่วนตัว
อัลกอริทึมของ Google มีการเรียนรู้และพัฒนา จนทำให้การซ่อนบล็อกส่วนตัวจาก Google นั้นกลายเป็นเรื่องยาก ล่าสุดมีเทรนด์อย่างการสร้างเครือข่ายคุณภาพสูงจน Google ตรวจไม่พบ:
ช่วงถามตอบ
ในช่วงท้ายของงานประชุม NaZakhid ดมิทรี โซคาชจัดช่วงถามตอบ Q&A กับผู้เข้าชมภายในงาน:
Q: วิธีพัฒนาทักษะการโปรโมตเว็บไซต์ และตื่นตัวกับนวัตกรรม SEO ทั้งหมด? ควรหันไปพึ่งคอร์สราคาแพงดีหรือไม่?
เพื่อนร่วมงานของผมเคยพูดว่า “เราควรดู Ahrefs ให้เหมือนกับดูทีวี” ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งสำหรับคำพูดนี้ บริการนี้เป็นทรัพยากรหลักที่ช่วยให้คุณรู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลง และวิเคราะห์รูปแบบการโปรโมตเว็บไซต์
สำหรับคอร์สสอนที่คุณเห็นได้ทั่วไป จะมีเพียงความรู้พื้นฐานเท่านั้น ซึ่งนำมาใช้จริงไม่ค่อยได้ การทดลองอย่างการเปลี่ยนชื่อ, คีย์เวิร์ด รวมถึงวิธีการเข้าถึง จนกระทั้งรูปแบบของข้อมูล ต่อให้เป็นเว็บไซต์ที่มีเพียงสิบหน้า ก็ยังสามารถให้ประสบการณ์และความรู้ที่มากกว่าการไปเรียนคอร์สอย่างเห็นได้ชัด
วิธีที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้และพัฒนาเพื่อทำ SEO ให้ครบจบรอบด้าน ตั้งแต่การค้นหาและซื้อโดเมน จนไปถึงการทำให้เว็บไซต์ขึ้นหน้าค้นหาของGoogleQ: การซื้อโดเมนหมดอายุที่เคยเป็นของคนจีน จะมีความเสี่ยงอะไรหรือเปล่า?
โดเมนเภทนี้จะขึ้นบนช่องค้นหายากมากถึงมากที่สุด เรามีกรณีศึกษาที่เป็นโดเมนสวย ๆ ราคา $900 ทว่ามองข้ามเรื่องสำคัญที่ว่าเคยเป็นของคนจีนมากก่อน ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ กลายเป็ฯโดเมนที่อยู่แถวท้าย ๆ ของการค้นหา
Q: ถ้าสร้างและโปรโมตเว็บไซต์ในนามสงเคราะห์ หรือหัวข้อที่เฉยไปแล้ว จะเป็นอะไรหรือเปล่า?
ทีมของเรามีเว็บไซต์ที่เป็นแค็ตตาล็อกสำหรับบริษัท IT และเราไม่ได้คาดหวังอะไรเลยกับเว็บไซต์แบบนี้ จนกระทั้งอัปเดตใหม่ของ Google อันดับการค้นหาของเว็บไซต์ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
ด้วยประสบการณ์ที่ดูเว็บไซต์ประเภทนี้มา ผมสามารถพูดได้ว่ามีหลายเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จและเติบโตจนมี Traffic เป็นล้านเลยก็มี
ความท้าทายหลักในการโปรโมตเว็บไซต์ประเภทนี้ คือ การแยกความแตกต่างของการ์ดในแค็ตตาล็อก เพื่อไม่ให้ซ้ำกันในหัวข้อบางหัวข้อ ก่อนอื่นเลย สิ่งที่ต้องทำอย่างกแรกคือการทำให้อัลกอริทึมของ Google “สังเกตเห็น” และดิดอันดับบนเว็บไซต์
Q: วิธีหา Redirect ที่ Ahrefs ไม่ทันสังเกตเห็น?
สำหรับเรื่องนี้ แนะนำให้ใช้บริการของ "PublicWWW" หรือ"Bing Webmaster" แค่ใส่เว็บคู่แข่งลงไป คุณก็จะสามารถเห็น Backlink ของพวกเขาได้
Q: วิธีเลือกระหว่างการกู้เว็บไซต์ กับเปลี่ยนให้เป็น Redirect?
คุณจำเป็นต้องดู Backlink เพื่อดูว่ามีเว็บที่เป็นคอนเทนต์หรือเปล่า จากนั้นจึงค่อยกู้คืนมาเพื่อให้ติดอันดับการค้นหาภายหลัง
หากเว็บไซต์เคยมีเจ้าของมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น สำหรับร้านอาหารหรือธุรกิจต่าง ๆ จะมีโดเมนไปยังหน้าเว็บไซต์หลักเป็นส่วนใหญ่ โดเมนประเภทนี้จะง่ายสำหรับการ Redirect
Q: มีเคล็ดลับในการซื้อโดเมนให้ได้ในราคาประมูลที่ถูกหรือเปล่า?
ของแบบนั้นคงไม่มี ผมเลยสามารถแนะนำได้เพียงแค่ว่าให้ประมูลในคืนวันอาทิตย์ เพราะเป็นช่วงเวลากลางดึกของยุโรปและอเมริกาตอนใต้ ในออสเตรียจะยังพึ่งเช้า และยังไม่ค่อยมีการประมูลเท่าไรนัก แต่ขอให้จำไว้ว่าบางที่นั้นมีการประมูลแบบอัตโนมัติ ส่งผลให้ราคาโดเมนสูงกว่าที่ควรเป็น
Q: คิดอย่างไรกับการอัปเดตประจำเดือนพฤษภาคมของ Google?
ผมเชื่อว่าพวกเขาตั้งใจต่อกรกับเว็บไซต์ประเภท Affiliate ทาง Google เลยต้องการลดคู่แข่งทางธุรกิจทั้งรายใหญ่และกลาง เพื่อสร้างทางให้กับแบรนด์ใหญ่ ๆ ในการค้นหา