31 มกราคม 2023 0 435

10 ประเทศที่อัตราราคา CPM ของ Facebook มากที่สุดและน้อยที่สุดในปี 2022

อัตราราคา CPM ของ Facebook มีการเปลี่ยนแปลงตลอดหลายปีที่ผ่านมาแต่ส่วนมากก็เพิ่มขึ้น แต่ราคาที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและไม่ได้สะท้อนถึงความมั่งคั่งของประเทศนั้นเลย และยังได้แสดงให้เห็นจำนวนค่าโฆษณาที่ยินดีต้องจ่ายยของประเทศเหล่านั้นมีเพิ่มขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ Facebook พูดถึงอัตราค่าเฉลี่ยที่คำนวณออกมาได้ของ CPC และ CPM

ในบทความนี้ เรากำลังแบ่งปันรายชื่อประเทศ 10 อันดับแรกที่มีอัตรา CPM สูงสุดและต่ำที่สุด โดยพิจารณาจากสิ่งที่ กาบา (Gaba) และ กิลแญร์เม (Guilherme) ได้ระบุไว้ผ่านตัวแทนการตลาดบน Facebook ที่ ADM พวกเขาได้ใช้งานแคมเปญโฆษณาหลายแคมเปญโดยปัดเศษขึ้นเป็นค่าโฆษณามากกว่า $10,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่กำลังสำรวจตลาดเป้าหมาย และข้อเสนอต่าง ๆ ทีม ADM มีลูกค้าโฆษณามากกว่า 400 ราย ซึ้งส่วนใหญ่จะโปรโมตข้อเสนอของ affiliate และ e-commerce

เรายังได้พิจารณาถึง CPM ของ Facebook เพิ่มขึ้น และแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนสำคัญ 4 รายการเพื่อทำให้ค่าแคมเปญ CPM ของคุณลดลงและหลีกเลี่ยงที่จะต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ในขณะที่ยังได้รับข้อเสนอของ traffic ที่ดีที่สุดสำหรับเว็บไซต์หรือร้านออนไลน์ของคุณ

นี่เป็นรายชื่อ 10 ประเทศที่มีอัตราราคา CPM ที่สูงสุดในปี 2022:

  1. ออสเตรีย — $19.57
  2. เดนมาร์ก — $18.98
  3. นอร์เวย์ — $18.19
  4. สหรัฐอเมริกา — $17.26
  5. สิงค์โปร์ — $15.43
  6. อิสราเอล — $14.68
  7. นิวซีแลนด์ — $14.23
  8. อังกฤษ — $12.40
  9. แคนาดา — $11.86
  10. สวีเดน — $11.71

นี่เป็นรายชื่อ 10 ประเทศที่มีอัตราราคา CPM ที่ต่ำสุดในปี 2022:

  1. อุซเบกิสถาน — $0.06
  2. เบลารุส — $0.09
  3. คีร์กีซสถาน — $0.16
  4. ทาจิกิสถาน — $0.16
  5. เติร์กเมนิสถาน — $0.21
  6. คาซัคสถาน — $0.22
  7. กินี-บิสเซา — $0.41
  8. อินเดีย — $0.41
  9. อาเซอร์ไบจาน — $0.42
  10. วอลิสและฟูตูนา — $0.43

CPMs เพิ่มเติมบน Facebook

ก่อนหน้านี้ที่ Facebook จะคิดค่าใช้จ่ายกับคุณก็ต่อเมื่อคุณคลิกที่ลิงก์ พวกเขาเรียนรู้ว่าอาจเกิดปัญหาเลยจำเป็นต้องเรียกเก็บเงินสำหรับการจัดส่งในทุกกรณี อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนักในแง่ของราคาทั่วไป แต่อยู่ที่การแสดงผลและการส่งมอบ เมื่อเริ่มโฆษณาแบบ CPC บางรายก็ยังไม่ได้กดคลิกที่ลิงก์แต่ก็ถูกเรียกเก็บเงินต่อการส่งรายการหนึ่งครั้ง เพราะมีราคาในช่วงเดียวกันกับตัวเลือกอย่าง CPM  และราคาคลิกต่อลิงก์ยังถูกกว่า เมื่อเทียบกับช่วงราคาของทั้งสองอย่าง CPC และ CPM

เลือกใช้ CPMs เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

แนะนำให้ใช้ CPMs เพื่อปรับแต่งแคมเปญ ในกรณีที่คุณยังไม่ได้ทำ conversion

การจัดลลำดับความสำคัญมีดังต่อไปนี้ :

  1. ค่า ROAS
  2. ความก้าวหน้าของช่องทาง (ชำระเงิน เพิ่มการชำระเงิน ฯลฯ)
  3. ค่าใช้จ่ายในการดูหน้า Landing Page
  4. ค่าคลิกลิงค์
  5. ค่า CPM

กาบา กล่าวว่า “ฉันจะตั้งแคมเปญตาม CPM ก็ต่อเมื่อไม่มีข้อมูลช่องทางที่ลึกกว่านั้น นอกจากนี้ ฉันจะดู CPM ก่อนเริ่มต้นเสมอ เพื่อให้เข้าใจถึงระดับการแข่งขันของแต่ละประเทศ ถ้าฉันต้องขายอะไรสักอย่างเกี่ยกับดิจิตัล ฉันจะเลือกประเทศที่ค่า CPMs ต่ำ เผื่อเขาจะเป็นผู้ซื้อที่มีศักยภาพ แต่อย่างไรก็ดี ฉันก็จะมองหาตลาดที่มีการแข่งขันกันมากกว่า ฉันจะต้องทำการวิจัยคู่แข่งของฉันบนภูมิประเทศที่มีค่า CPM แพง”

วิธีลด CPM ของ Facebook และเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์หรือร้านค้าออนไลน์ที่เกี่ยวข้อง

  1. ตรวจสอบว่า Facebook แบ่งการใช้จ่ายอย่างไรและส่วนใดที่ใช้จ่ายมากที่สุดกับชุดโฆษณาปัจจุบันที่มีการใช้จ่ายมากกว่า $100 ดอลลาร์สหรัฐฯ —  คลิกที่ "ดูแผนภูมิ" ในตัวจัดการโฆษณา จากนั้นดู "จำนวนเงินที่ใช้ไป" ตามเพศ กลุ่มอายุ และแพลตฟอร์ม
  2. เมื่อคุณพบผู้ใช้สูงสุดแล้ว ให้แบ่งแคมเปญของคุณออกเป็นชุดโฆษณา แยกเป็นเพศ (ชาย vs หญิง) และ/หรือกลุ่มอายุ (18-35, 25-45, 45+) และ/หรือชุดโฆษณาเฉพาะแพลตฟอร์ม (Facebook vs Instagram )
  3. ตรวจสอบ CPM และ CTR ของชุดโฆษณาใหม่ หลังจากกำหนดงบประมาณการใช้จ่ายเริ่มต้นสำหรับการทดสอบ — คูณ 3 เท่าของราคา ต่อหนึ่งโฆษณาที่แนะนำ เว้นแต่ว่าผลลัพธ์จะแย่มาก
  4. ชุดโฆษณา CPM ที่ต่ำกว่าและ CTR ที่สูงกว่าที่ชนะ คือสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญ เรื่องราวที่ควรกระทำ: อย่าปล่อยให้ Facebook มาจัดสรรงบประมาณของคุณตามความต้องการของ FB เอง หากคุณมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าสิ่งใดมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน

หมายเหตุ: ใช้การตัดสินจากโพสต์ที่ถูกคลิกเกิดขึ้น เนื่องจากประสบการณ์ดังกล่าวอาจไม่สัมพันธ์ในเชิงบวกกับประสิทธิภาพของชุดโฆษณาและตัวโฆษณา แต่หากคุณกำลังมองหาบางสิ่งที่จะลองในกรณีที่คุณถูกทำลายโดย CPM สิ่งนี้ถือว่าคุ้มค่ากับเวลา

หวังหว่าสิ่งนี้จะช่วยได้ไม่มากก็น้อย 😊

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?