ในฐานะของพันธมิตร หรือ Affiliates ที่พวกเราทั้งหมดทำอยู่ในธุรกิจนี้ก็เพื่อหาเงิน แล้วถ้าเราจะหาเงินพิเศษเพิ่มอีกสักเล็กน้อย ก็คงไม่ทำให้เจ็บตัวมากขึ้นไปหรอกเพราะ Amazon Associates เป็นโปรแกรมสำหรับเครือข่ายพันธมิตรของ Amazon ที่จ่ายเงินให้กับนักการตลาดในเครือ เมื่อใดก็ตามที่มีการอ้างอิงถึงการขายบนเว็บไซต์ของ Amazon ในปัจจุบันนี้ทาง Amazon จ่ายเงินค่าคอมมิชชั่นให้กับบริษัทในเครือ เริ่มต้นที่ 4% ซึ่งถือว่าน้อยมาก โดยเฉพาะตัวแทนเครือข่ายที่อยากได้ยอดส่วนแบ่งมากขึ้น หรือใครที่ต้องจ่ายเงินเพื่อให้มียอดคนเข้ามาใช้เว็บไซต์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนไม่สามารถที่จะดูถูก Amazon ได้ทั้งหมดเพราะเนื่องจาก มันเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง ถ้าเทียบกับโปรแกรม affiliate ของแบรนด์อื่น และเพื่อประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าในการซื้อของ สิ่งหนึ่งที่แบรนด์ต่างๆ มอบให้กับเหล่าตัวแทนของพวกเขานั้นดีกว่าผู้ที่ร่วมทำกับ Amazon ตรงที่พวกเขาจ่ายอัตราค่าคอมมิชชั่นมากกว่าให้ตัวแทนของพวกเขานั่นเอง
ดังนั้น ออสติน ทิววินเนอร์ (Austin Tuwiner) ผู้ก่อตั้ง Afflytics ได้คิดชั้นเชิงที่จะใช้องค์ประกอบที่แข็งแกร่งของแต่ละฝ่ายก็คือ ( การเข้าร่วมกับ Amazon และ โปรแกรม affiliate ของแบรนด์ต่างๆ) เข้าร่วมกันเพื่อที่จะหาเงินได้มากขึ้น
ในบทความนี้ เราได้นำกลยุทธิ์ที่ถือว่าเยี่ยมที่สุดของออสติน นำมาแบ่งปันให้พวกคุณได้อ่าน ซึ่งวิธีนี้ทำให้เขาได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่มขึ้นถึง 20 % จากการขาย ที่เขาอ้างอิงถึง Amazon
เบื้องหลังกลยุทธิ์แนวคิดหลักนี้ เกิดจากการควบรวมอัตราการแปลงค่าคอมมิชชั่นที่มีประสิทธิภาพ ระหว่าง Amazon และแบรนด์อื่นๆ ที่เสนอให้คุณได้เป็นตัวแทน คุณจำเป็นที่จะต้องมีวิธีการต่อรองกับแบรนด์ต่างๆ ว่าคุณสามารถที่จะส่งช่องทางการซื้อสินค้าของ Amazon ไปที่หน้าเว็บขายสินค้าของพวกเขา แทนที่จะเป็นโปรแกรม affiliate ของเจ้าของแบรนด์พวกนั้นเอง สิ่งที่คุณจะได้กลับมาก็คือ คุณจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเท่ากับที่พวกเขาจ่ายให้กับตัวแทนของเขา ดังนั้นคุณแค่ใส่รายการสินค้าลงไปที่หน้าขายสินค้าเพจหลักของพวกเขา แทนที่จะเป็นสินค้าแค่อย่างเดียวในหน้าเว็บไซต์ของพวกเขา เพราะพิสูจน์แล้วว่าทาง Amazon ให้ค่าตอบแทนที่ดีกว่า
การทำสิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้รับค่าคอมมิชชั่นมากขึ้นจากการเป็นตัวแทน และในขณะเดียวกันคุณก็ได้ประโยชน์จากอัตราการแปลงค่าคอมมิชชั่นที่มากขึ้นของ Amazon และยังช่วยให้แบรนด์เพิ่มยอดขายได้อีกด้วย
ดังนั้น การใช้กลยุทธิ์เหล่านี้มีดังต่อไปนี้:
ดังนั้น ขั้นตอนแรกของกลยุทธิ์นี้ คือการทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักกว้างขวางออกไป สมมุตว่าคุณมีเว็บไซต์สำหรับเสื่อโยคะ ดังนั้นคุณต้องหาคำว่า “เสื่อโยคะ” บน Amazon และเริ่มดูว่า รายการสินค้าที่ปรากฏขึ้นมานั้น มีรายละเอียด ข้อมูล และรายการของลิงก์เว็บไซต์ของคุณปรากฎขึ้นมาหรือไม่
และเมื่อมันแสดงรายการเว็บไซต์ที่ขายเสื่อโยคะจำนวนมากขึ้นมา คุณก็สร้างรายการขึ้นมา โดยการเพิ่มลงไปในรูปแบบตารางของ excel ในตารางของคุณจะต้องประกอบไปด้วยหัวข้อดังนี้ ชื่อเว็บไซต์, URL, อิเมล, และชื่อสำหรับติดต่อ ถ้าคุณหาอิเมลไม่พบ ก็ให้ไปขั้นตอนที่ 2
พูดถึงการตามหาที่อยู่อิเมล คุณจำเป็นที่จะต้องใช้เว็บไซต์อย่าง Hunter.io เป็นตัวช่วยในการตามหา คุณเพียงแค่กรอกข้อมูลลิงก์ URL เว็บไซต์ของบริษัท มันก็จะแสดงรายการอิเมลที่เกี่ยวข้องกับพนักงานที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทนั้นขึ้นมา
หลังจากที่รวบรวมข้อมูลใส่ในตาราง excel ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ ชื่อ-บริษัท, อิเมล และชื่อ-ผู้ติดต่อ จากนั้นให้จัดการทำเป็นจดหมายเวียน โดยที่คุณสามารถใช้ Mixax tool หรือรูปแบบออนไลน์อื่นๆ
จะเห็นได้ว่า ของเรามีแค่ 2 ไซต์ที่นี่ แต่ในกรณีของคุณมันอาจจะมีมากกว่านั้น ถึงเวลาที่จะต้องใช้เครื่องมือในการส่งจดหมายเวียนเพื่อส่งเนื้อหาที่เราร่างไว้ และข้างล่างนี้คือตัวอย่างของเนื้อหาที่จะใช้ส่งกระจายออกไป
อันนี้เป็นรูปแบบ หรือเทมเพลตเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สามารถนำไปใช้ได้ และมันยังมีเครื่องมือเกี่ยวกับอิเมลอีกมากมายให้คุณนำไปเลือกใช้
โดยทั่วไปแล้วคุณจะต้องปรับกลยุทธ์นี้ให้นำไปใช้ได้กับทุกหน้าเพจที่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์ของคุณ และส่งกระจายออกไปตามแบรนด์สินค้าต่างๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำข้อตกลง
ทำข้อตกลงกับจดหมายที่ได้รับการตอบกลับ และในอีก 2-3 วันให้ทำการติดตามกับบริษัทที่ยังไม่ได้ตอบกลับข้อตกลง จนกว่าคุณจะปิดข้อตกลงสำเร็จกับบริษัทนั้นๆ สมมุตว่า คุณส่งแผนกลยุทธ์ของคุณออกไปมากมาย และได้รับการตอบกลับมาแค่ไม่กี่บริษัท ซึ่งตอนนี้เรากำลังพูดถึงการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์
นี่เป็นตัวอย่าง หนึ่งในอิเมลที่ออสตินได้รับตอบกลับมา
เราได้ทำการเบลอบางข้อมูลเพื่อเหตุผลความเป็นส่วนตัว แต่อย่างที่คุณเห็น ว่าลูกค้าที่มีศักยภาพหลายๆ บริษัทให้ความสนใจ
“ถ้าเกิดมีการต่อรองเกิดขึ้น ผมก็จะส่งภาพของจำนวนผู้เข้าใช้เพจให้เขาดู ผมขอเขาไป 25% แต่พวกเขาก็ต่อเหลือ 15% เพราะพวกเขาบอกว่า ด้วยส่วนแบ่งของกำไรขนาดนั้น พวกเขาไม่สามารถอนุมัติให้ได้ แต่ผมก็ต่อรองอีกครั้งจนพวกเขาเห็นด้วยกับอัตราค่าคอมมิชชั่นจบที่ 17.5% และโปรดจำไว้ว่า ผมยังได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่มจาก Amazon Associate ที่จ่ายให้ผมอีก 3% - 4% ทำให้ผมได้ค่าคอมมิชชั่นมากกว่า 20% ซึ่งมันดีมากถ้าคุณถามผม” ออสติน กล่าว
ดังนั้น ถ้าคุณตั้งค่าข้อตกลงเยอะๆ บนไซต์ของคุณแบบนี้ คุณย่อมมีโอกาสที่จะมีรายได้แบบนี้แน่นอน
ครั้นเมื่อคุณจบข้อตกลงกับบริษัทเหล่านั้นได้แล้ว คุณจะต้องใส่ลิงก์ของลูกค้าคุณในหัว ตัวแทนของคุณ และใช้การติดตามของ Amazon หรืออะไรก็ได้ที่คุณเห็นสมควรขึ้นอยู่กับการติดตามการขาย คุณอาจจะใช้ Afflytics เพื่อทำการติดตามก็สามารถใช้ได้
Afflytics เป็นซอฟต์แวร์สำหรับ ตัวแทนนักการตลาดเพื่อใช้ดูโปรแกรม affiliate ของพวกเขาทั้งหมดบนหน้า dashboard เดียว ดีกว่าที่คุณที่จะต้องเข้าเว็บไซต์หลายๆ เพื่อดูโปรแกรม affiliate แต่ละหน้า ด้วยเหตุนี้ Afflytics ช่วยคุณให้สามารถรวบรวมตัวแทนต่างๆ ของคุณเอาไว้ในหน้า dashboard เดียว เพื่อประหยัดเวลา
ออสตินยังแนะนำให้เครือข่ายของเขาใช้สัญญาข้อตกลงเหล่านี้:
“ในตอนแรก (ผมแทบจะจำไม่ได้ว่านานแค่ไหน) ผมทำมันโดยที่ไม่มีสัญญา แต่โดยทั่วไปแล้ว มันเป็นระบบที่ใช้ความเชื่อใจกันในแต่ละเดือนขึ้นอยู่กับยอดขาย หรือค่าคอมมิชชั่น ถ้าหากเกิดมีคนโกงค่าคอมมิชชั่นผมแค่ 1 เดือน นั่นย่อมหมายความว่าผมต้องใช้เงินมากกว่าจำนวนที่ผมได้ แต่โชคดีมาก ที่มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย จากจำนวนการเติบโต ผมมาคิดว่ามันจะเป็นการดีมากถ้ามีการทำสัญญาขึ้นมา ดังนั้นผมจึงจ้างทนาย $500 ดอลลาร์ เพื่อให้ร่างสัญญาข้อตกลงนี้ขึ้นมา” ออสติน กล่าว
“ ปรกติแล้ว Amazon คิดค่าธรรมเนียมผู้ขาย 15% สำหรับรายการสินค้า โปรดจำไว้ว่า ถ้าถามถึงค่าคอมมิชชั่นสูงสุดของพวกเขาที่ได้คือ 17.5% (+3% จาก Amazon Associates) พวกเขาก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นสูงสุดที่ 20.5%” ออสติน กล่าว
สรุป
ออสตินสามารถเพิ่มรายได้ให้เว็บไซต์ของเขาถึง 4 เท่าจากการใช้กลยุทธ์นี้ รายได้ของเข้าเพิ่มขึ้นจาก $1,200 ดอลลาร์/เดือน เพิ่มขึ้นเป็น $4,536 ดอลลาร์/เดือน ภายใน 30 วัน ซึ่งถือว่าเห็นผลได้เร็วมาก
อัตราค่า Conversion ของ Amazon นั้นต้องยอมรับว่าดีมาก แต่เหล่าตัวแทนส่วนมากอายที่จะเอ่ยถึง เพราะว่าค่าคอมมิชชั่นที่พวกเขาได้นั้นมันน้อยมาก อย่างไรก็ดี ด้วยกลยุทธ์นี้จะทำให้คุณได้รับค่าคอมมิชชั่นพิเศษเพิ่มขึ้นจากการโปรโมตสินค้า สำหรับตัวแทนที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์เอง ถือว่า Amazon ยังเป็นพื้นที่ ที่ดีที่สุดในการเพิ่มจำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ และกลยุทธ์นี้ทำให้มันดูน่าหลงไหลในการใช้