06 พฤศจิกายน 2022 0 160

Grammarly ดึงดูดผู้เข้าชมรายเดือนได้มากกว่า 30,000,000 คนจาก Google ได้อย่างไร? โดยการกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่พิมพ์ผิดพลาดเท่านั้น

Grammarly เป็นซอฟต์แวร์สนับสนุนการเขียนบนคลาวด์ของอเมริกา ที่สามารถตรวจสอบได้ทั้งการสะกดคำ ไวยากรณ์ เครื่องหมายวรรคตอน ความชัดเจน รู้สึกผูกพัน และแสดงให้เห็นถึงจุดที่ผิดพลาด โดยมีการใช้ AI เพื่อระบุและค้นหาคำที่เหมาะสมมาแทนที่กับข้อผิดพลาดนั้น ๆ ในแต่ละส่วนของข้อความ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Grammarly เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงถึง $13,000,000,000 หลังจากมีการระดมทุน $200,000,000 ด้วยจำนวนตัวเลขมหาศาลนี้ ทำให้ธุรกิจนี้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งใน 10 สุดยอดบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา จากข้อมูลของ Yahoo Finance

ซึ่งมันได้ช่วยผู้คนมากกว่า 30,000,000 คน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล และนักเขียนมากมาย ทำให้ได้มีโอกาสแก้ไขจุดที่ผิดพลาดในข้อความ จากการทำงานที่รวดเร็วทันใจ มันจึงได้ตอบสนองต้องการของพวกเขาได้

Grammarly ยังได้สร้างพื้นฐานคอนเทนต์ที่น่าประทับใจเกี่ยวกับการสะกดคำและไวยากรณ์ โดยเป็นเรื่องที่ผู้คนมักค้นหาจากในเครื่องมือค้นหา จนเป็นเหตุที่ทำให้มันดึงดูดผู้เข้าชมมากกว่า 30,000,000 คนต่อเดือน ที่ต้องการแก้ไขข้อผิดพลาด และแก้ไขการพิมพ์ผิดในข้อความของพวกเขาด้วย

นี่ถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงมาก แต่ในปัจจุบัน Grammarly กำลังแซงหน้าบริษัทเจ้าใหญ่ ๆ อย่าง Merriam-Webster และ Dictionary.com ในตลาดเดียวกัน

ในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์กันว่าด้านคอนเทนต์ของเว็บไซต์ Grammarly นั้นมันดึงดูดผู้เข้าชมได้อย่างไรบ้าง โดยมีมากกว่า 30,000,000 คนต่อเดือนเลยทีเดียว

ยึดปัญหาหลักของกลุ่มเป้าหมาย Grammarly

ทุกวันนี้เรามีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่คอยอำนวยความสะดวกให้ผู้คนมากเกินไป จากที่ผู้คนต่างพึ่งพาฟีเจอร์การแก้ไขให้แบบอัตโนมัติบนโทรศัพท์มือถือ จนลืมวิธีการสะกดคำบางคำ 

อย่างไรก็ตาม ระบบ PC ส่วนใหญ่ไม่มีฟีเจอร์แบบนี้เลย ซึ่งมันทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกในการตรวจสอบ Google ในการสะกดคำที่ถูกต้อง

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมทุก ๆ เดือนเราจึงเห็นผู้คน 70,000 คนที่ค้นหาเกี่ยวกับวิธีที่ถูกต้องในการสะกด เช่น คำว่า "traveling"

สถิติการเข้าชม

ในขณะนี้ Grammarly กำลังผลักดันการค้นหาทั่วไปประมาณ 9,000,000 ครั้งด้วยคีย์เวิร์ด 100,000 คำต่อเดือนไปยังคอนเทนต์ในบล็อกของพวกเขาเอง โดยมีงบประมาณ $2,800,000 ต่อเดือนที่ต้องใช้จ่ายสำหรับเพิ่มจำนวนการเข้าชม

และส่วนใหญ่จะขับเคลื่อนจากผู้ใช้ที่ค้นหาเคล็ดลับของการสะกดคำและไวยากรณ์

คอนเทนต์ของ Grammarly สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทที่ต่าง ๆ ได้แก่:

  • Common Typos Content
  • Grammar Questions Content
  • Social Driven Content

Common Typos และ Grammar Questions ได้ถูกสร้างขึ้นสำหรับการค้นหาจากแกนกลาง แต่คอนเทนต์อื่น ๆ ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเอาไว้แชร์บนสื่อโซเชียลมีเดีย

Common Typos Content

ก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่า Common Typos Content จะมุ่งเป้าไปที่ผู้ที่ค้นหาการสะกดผิดแบบทั่วไป เช่น:

  • Happy New Year — การค้นหาต่อเดือน 830,000 ครั้ง
  • Affect Vs Effect — การค้นหาต่อเดือน 414,000 ครั้ง
  • Traveling — การค้นหาต่อเดือน 156,000 ครั้ง
  • Separate — การค้นหาต่อเดือน 70,000 ครั้ง
  • Bare with me — การค้นหาต่อเดือน 40,000 ครั้ง

ตอนนี้คีย์เวิร์ดเกือบทั้งหมดข้างต้นของ Grammarly ได้อยู่ในอันดับที่หนึ่งหรือไม่ก็อันดับที่สอง และอีกหลายล้าน คุณสามารถคาดเดาได้เลยว่า Grammarly กำลังจัดอันดับให้คำเหล่านี้อยู่แน่ ๆ ถ้าหากมีคีย์เวิร์ดหางยาวแบบสุ่ม ที่เกี่ยวข้องกับการสะกดผิดของคำว่า "definitely"

โดยการกำหนดเป้าหมายคีย์เวิร์ดเหล่านี้เพียงไม่กี่คำเท่านั้นเอง คุณก็สามารถสร้างฐานข้อมูลคอนเทนต์อันน่าทึ่งได้แล้ว และทาง Grammarly นั้นกำหนดเป้าหมายคีย์เวิร์ดนี้ได้ดีอีกด้วย

ตัวอย่างเช่น หน้าเว็บที่สอนเรื่องวิธีการสะกดคำ “traveling” ทำให้เกิดประมาณ 87,000 เซสชั่นต่อเดือนแล้ว ด้วยคีย์เวิร์ดที่ยากมาก ๆ

หน้าเว็บใน Grammarly ชี้แจงว่าวิธีพูด “Happy New Year” ที่ถูกต้องมีประมาณ 20,000 เซสชั่นต่อเดือน สำหรับผู้ที่สงสัยในคำว่า “Happy New Year” มักสะกดผิดเป็น “Happy New Years”

นี่ก็จะเป็นบางส่วนของหน้า Typo Content ที่นิยมอื่น ๆ อีก:

  • Affect vs. Effect
  • Wether vs. Weather vs Whether
  • Traveling
  • Whos vs. Whose
  • To vs. Too

ซึ่งหลักภาษาแบบนี้ส่วนใหญ่ พวกเราก็เคยได้เรียนกันมาตั้งแต่ตอนประถมศึกษาแล้ว แต่ตอนนี้ทางระบบยังคงได้รับการค้นหามากถึง 10,000 ครั้งต่อเดือน

Grammar Questions Content

Grammar Questions เป็นหมวดหมู่ที่สองของคอนเทนต์ ที่จะติดตามรูปแบบไวยากรณ์ที่คล้ายกันมาก แทนที่จะค้นหาคำสะกดผิดแบบทั่วไป แต่ว่าผู้คนกลับค้นหาหลักไวยากรณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น:

  • คำอุปมา — 318,000 ครั้ง
  • เครื่องหมายลูกน้ำ — 106,000 ครั้ง
  • Passive voice — 46,000 ครั้ง
  • คำนามแสดงความเป็นเจ้าของ — 23,000 ครั้ง
  • Present perfect — 17,000 ครั้ง

ด้วยวิธีการนี้ Grammarly สามารถครอบคลุมข้อมูลตัวอย่างที่สำคัญ ๆ ที่อยู่ในการค้นหาของ Google ได้

ในอีกบางส่วนของหน้า Grammar Question อื่น ๆ ของพวกเขาที่ได้ครอบคลุม:

  • เครื่องหมายลูกน้ำ
  • Active voice vs Passive Voice
  • คำวิเศษณ์
  • Simple present
  • คำนาม

หน้าเว็บที่เกี่ยวกับ “เครื่องหมายลูกน้ำ” ได้รับผู้เข้าชมเกือบ 90,000 คนต่อเดือน และหน้าเว็บที่เกี่ยวกับคำนามจะได้รับผู้เข้าชมมากกว่า 100,000 คนสำหรับ Grammarly เช่นกัน

อย่างที่คุณได้เห็นพวกเขาได้สร้างคอนเทนต์ที่น่าประทับใจ จากการตรวจสอบการพิมพ์ผิดทั่วไปและความผิดพลาดทางไวยากรณ์

ตอนนี้การค้นหาเหล่านี้จำนวนมากจะเป็นการค้นหาแบบไม่มีการคลิก และนี่จึงเป็นปัญหาของอุตสาหกรรมที่พบได้ทั่วไป ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าแค่ทาง Merriam-Webster จะดึงดูดการเข้าชมมากขึ้นในคำที่คล้ายกันได้

แต่ทาง Grammarly เข้าใจดีแล้วว่า ใครกำลังค้นหาคำเหล่านี้บ้าง และวิธีการวางตำแหน่งโปรดักของพวกเขาเป็นทางออกเดียว ที่คู่แข่งของพวกเขานั้นไม่สามารถจับคู่กับกลุ่มคำนั้น ๆ ได้ นั่นคือเหตุผลสำคัญว่าทำไมธุรกิจของพวกเขาจึงมีมูลค่าสูงถึง $13,000,000!

เครื่องมือแก้ไขและส่วนขยาย

Grammarly ได้ค้นพบโปรดักที่เหมาะสมกับตลาดแล้ว ด้วยเครื่องมือแก้ไขและส่วนขยายทั้งหมดนี้มันน่าทึ่งมาก มีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการเครื่องมือที่สามารถช่วยให้พวกเขาสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกแห่งอาชีพเปลี่ยนไปจากเดิมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

คุณสามารถดูผลลัพธ์นี้ได้ในการรับส่งข้อความทั่วทั้งไซต์และการแชร์ข้อมูลบนโลกโซเชี่ยลของพวกเขา

หน้า Landing Page ที่มีประสิทธิภาพ

Grammarly เข้าใจหัวอกลูกค้าและมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี จึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาใช้แท็คติกหน้า Landing Page ในแบบที่ไม่เหมือนใคร และยังมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าคู่แข่งอีกด้วย เมื่อคุณเห็นแท็คติกนี้แล้วคุณจะเข้าใจเลยว่าเหตุใด Grammarly จึงพุ่งเป้าไปที่การค้นหาคีย์เวิร์ดทั้งหมดก่อนหน้านี้

และทำไมจึงไม่สำคัญว่าคีย์เวิร์ดเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วจะทำให้เกิดการค้นหาแบบไม่มีการคลิก ลองมาดูหนึ่งในคอนเทนต์ที่มีคุณค่ามากที่สุดของพวกเขาหน้า Landing Page ที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการใช้คำ "effect" และ "affect" ได้อย่างถูกต้อง

เมื่อคุณทำการเรียกใช้ คุณก็เห็นจะเห็นสิ่งนี้ทันที:

นี่ไม่ใช่คำตอบที่คุณกำลังมองหา แต่เป็นการเขียนที่ดีกว่าต่างหากล่ะ วิธีแก้ปัญหา

Grammarly รู้ว่าคนที่ตรวจสอบการพิมพ์ผิดและความผิดพลาดทางไวยากรณ์ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ต้องการเสียเวลาเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม แต่ผู้ใช้เหล่านี้เพียงต้องการหลีกเลี่ยงการทำผิดพลาดในโพสต์บล็อกอีเมลโพสต์สื่อโซเชี่ยล การบ้านที่โรงเรียน หรือคอนเทนต์ที่งานเขียนอื่น ๆ 

โดยเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วว่า สิ่งนี้แสดงให้ผู้ใช้ใหม่เห็นถึงผลกระทบทันทีในการใช้ Grammarly

เมื่อพวกเขาเริ่มใช้ส่วนขยาย ผู้ใช้จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการใช้คำที่ถูกต้องอีกเลย หรือวิธีการสะกดคำยาก ๆ อย่าง "definitely" ให้ถูกต้อง

นั่นถือเป็นเรื่องใหญ่นะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง หรือจะเป็นผู้นักเขียนประเภทที่ไม่อยากจดจำกฎของไวยากรณ์ทุกข้อ

มันเป็นแบบนี้ในเกือบทั้งหมดของ Common Typo และ Grammar Question อื่น ๆ ที่มักจะพบบ่อยบนหน้า Landing Page :

จากกรณีส่วนใหญ่ ป๊อปอัปแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ในเชิงลบ แต่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่กรณีที่ป๊อปอัปถูกออกแบบมาให้เหมาะกับผู้ใช้ตามหลักการของพวกเขาเอง

ไม่ใช่แค่นักเขียนมืออาชีพเท่านั้น โดย Grammarly ได้ถูกสร้างขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ เมื่อพูดถึงการสะกดคำหรือไวยากรณ์ 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมป๊อปอัปนี้เขาถึงเรียกว่าเป็นนักฆ่าดี ๆ นี้เอง ในเวลาที่พูดถึงคอนเวอร์ชั่น ก็เพราะว่ามันเข้าสู่ประเด็นปัญหาเหล่านั้นก่อนที่ผู้ใช้จะได้อ่านคอนเทนต์จริง ๆ ซะอีก

ซึ่งแตกต่างจากความพยายามทางการตลาดคอนเทนต์ส่วนใหญ่ ที่ทาง Grammarly นั้นกำลังหวังว่าคุณจะไม่ได้อ่านคอนเทนต์นั้นจริง ๆ มันเป็นเพียงเครื่องมือที่พวกเขาใช้ เพื่อทำให้ป๊อปอัปนั้นขึ้นมาปรากฏต่อหน้าผู้คนให้มากขึ้น!

คุณต้องการที่จะกลับไปเรียนรู้วิธีการใช้ เครื่องหมายลูกน้ำ หรือคุณต้องการที่จะมี Grammarly ไว้คอยช่วยคุณเท่านั้น?

แน่นอนว่าแม้แต่นักเขียนมืออาชีพก็อยากจะนำทั้งหมดนี้ไปใช้กับเครื่องมืออัตโนมัติเลย

แท็คติกง่าย ๆ ที่น่าจะทำให้เกิดอัตราคอนเวอร์ชั่นจำนวนมากเช่นนี้ อาจช่วยแก้ปัญหาการไม่คลิกให้ลดลงของในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้

มิฉะนั้นทำไม Grammarly จะลงทุนในคอนเทนต์ทั้งหมดนี้ทำไมกันล่ะ? หรือการยิงโฆษณาในเงื่อนไขที่มีการแข่งขันสูงมาก ก็ถูกต้องแล้ว พวกเขาอาจจะไม่ได้อะไรเลย

สรุป

Grammarly สามารถค้นหาโปรดักที่เหมาะสมกับตลาดและคอนเทนต์ของโปรดักที่เหมาะสมได้พร้อม ๆ กัน และวิธีทั้งหมดนี้ที่ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงผู้เข้าชมรายเดือนมากกว่า 30,000,000 คน พวกเขาเข้าใจดีว่าใครกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับพื้นฐานภาษาอังกฤษและไวยากรณ์ทั่วไป ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งหลักของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง คอนเทนต์ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นครอบคลุม ๆ คีย์เวิร์ดเหล่านั้น จึงเป็นข้อพิสูจน์ที่น่าทึ่งสำหรับไอเดียดังกล่าวเช่นกัน

Grammarly รู้ว่าผู้ใช้ของพวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะเรียนรู้หลักการเหล่านี้ทั้งหมด พวกเขาเพียงต้องการที่จะประกาศอำนาจที่มีอยู่ มักจะมีแต่คนบอกว่าผู้ใช้หลัก ๆ ของ Grammarly นั้นเป็นนักเขียนหรือคนที่ต้องการพัฒนาฝีมือของตัวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องการถูกมองว่าตนเองงี่เง่าเวลาคนอื่นมาอ่านข้อความผิดๆในอีเมลหรือเอกสารเท่านั้นเอง

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?