เราจะมานำเสนอเฟรมเวิร์กที่คุณโนอาห์ คาแกน (Noah Kagan) ใช้เพื่อต่อยอดแอปพลิเคชั่น Mint ที่เริ่มจากผู้ใช้ 0 ถึง 1,000,000 คน โดยที่คุณโนอาห์บรรลุเป้าหมายนี้ในเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้นเอง หลังจากที่เคยได้รับการจ้างงานจาก Mint ให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของพวกเขา ก่อนหน้านั้นเขาเป็นผู้จัดการโปรดักชั่นที่ Facebook มาก่อน ทำให้เขามีประสบการณ์ส่วนใหญ่ในการขยายธุรกิจของแอป/ซอฟต์แวร์ให้ประสบความสำเร็จ
ในบทความนี้คุณโนอาห์จะมานำเสนอ เฟรมเวิร์คการตลาดเชิงปริมาณ ที่มีทั้งหมด 7 ขั้นตอนที่จะทำให้แอปพลิเคชั่นเกิดผลสำเร็จ เฟรมเวิร์กนี้สามารถทำซ้ำไปมาก็ได้ เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้ให้ได้เยอะ ๆ ตรงตามเป้าหมาย
มาเริ่มกันเลยดีกว่า
Mint เป็นแอปที่ช่วยจัดการบริหารเงินลงทุนและแอปบันทึกรายรับราบจ่าย ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ติดตามธุรกรรมและยอดคงเหลือในบัญชี ตรวจสอบค่าใช้จ่ายรายเดือน ควบคุมการใช้จ่าย ใบแจ้งหนี้ และเชื่อมต่อเงินสด บัตรเครดิต สินเชื่อ ซึ่งบริการทั้งหมดสามารถทำได้ในแอปเดียว ทันทีที่คุณโนอาห์ได้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เขาได้เป้าหมายไว้เลยว่าจะต้องเพิ่มผู้ใช้ให้ถึง 100,000 รายให้สำเร็จภายใน 6 เดือนให้ได้ เขายอมรับว่า ในตอนแรกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก และบอกตัวเองว่า "เป้าหมายของของฉันมันดูบ้าดีแฮะ?!"
และแล้ว 6 เดือนผ่านไป แอป Mint ก็มีผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000,000 ราย ซึ่งเป็น 10 เท่าของเป้าหมายที่เขาตั้งไว้เลยนะนั้น
เคล็ดลับก็คือ เขาใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงปริมาณที่เขามั่นใจเลยว่ามันจะได้ผล ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นอะไรก็ตาม คีย์สำคัญของกลยุทธ์นี้คือ การทำงานแบบย้อนกลับและการใช้วิธีวิศวกรย้อนกลับ โดยมีทั้งหมด 7 ขั้นตอน ดังนี้เลย
ขั้นตอนที่ 1: กำหนดเป้าหมายของคุณเอง
ก่อนที่จะทำอะไรสักอย่าง คุณต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนก่อน และจะต้องวัดผลลัพธ์ได้ด้วยนะ นี่ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของทุก ๆ กลยุทธ์ทางการตลาดเลยก็ว่าได้ ในการกำหนดนี้ คุณจะต้องเริ่มต้นด้วยการทำงานย้อนกลับจากเป้าหมายของบริษัท หรือเป้าหมายรายได้ของคุณก่อน
สมมุติว่า เป้าหมายคือ “รายได้ $10,000/ เดือน” ให้เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ว่า “คุณต้องการลูกค้ากี่คน”
ขั้นตอนที่ 2: สร้างกรอบระยะเวลาดำเนินการ
ถ้าไม่มีเดตลายวันส่งงาน งานก็คงจะไม่เดิน คุณต้องรู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าคุณกำลังอยู่ขั้นตอนไหนในการทำงาน หรือทำงานช้ามากเกินไป ดังนั้นเป้าหมายของคุณจึงต้องมีกรอบเวลาของตัวเอง ตัวอย่างเช่น; มีรายได้ถึง $10,000 ต่อเดือน ต้องทำงานให้เสร็จภายใน 3 เดือน
จากนั้นคุณสามารถแบ่งเป้าหมายของคุณออกเป็นไปเป้าหมายเล็ก ๆ ระหว่างการทำงาน ถ้าหากเริ่มเข้าใกล้เป้าหมายของคุณมากขึ้นแล้ว ตราบใดที่มีเป้าหมายและกรอบเวลาที่ชัดเจน ยังไง ๆ งานก็ต้องทำได้สำเร็จ
ขั้นตอนที่ 3: จัดสเปรดชีต
หลังจากกำหนดเป้าหมายและวันสิ้นสุดที่ชัดเจนแล้ว จากนี้ก็ต้องเริ่มสร้างกลยุทธ์ของคุณได้แล้ว การใช้สเปรดชีตก็ถือเป็นวิธีที่ดีสำหรับการตลาดเชิงปริมาณ จะได้เอาไว้ใช้วางแผน ติดตาม และวัดกิจกรรมการตลาดทั้งหมดของคุณเอง
สเปรดชีตควรมี 8 คอลัมน์ และนี่คือวิธีการใช้แต่ละคอลัมน์ที่ถูกต้อง:
รายชื่อผู้ใช้ที่ได้รับการยืนยันแล้ว จะอยู่ในคอลัมน์ที่สำคัญที่สุดในชีต ซึ่งจะแสดง จำนวนของผู้ใช้ที่คุณสร้างขึ้นจากแหล่งที่มานั้น ๆ จากนั้นคุณสามารถจัดลำดับความสำคัญของความพยายามทางการตลาดของคุณต่อไป ตามผลลัพธ์ในคอลัมน์นั้น
ขั้นตอนที่ 4: วิจัยแหล่งที่มาของคุณ
ในขั้นตอนนี้เป็นเวลาที่จะมาวิเคราะห์กลุ่มของแหล่งที่มาที่คุณต้องการที่จะมุ่งเน้นไปที่พวกเขา ทีมงานที่บริษัท Mint ได้ให้ความสำคัญกับการบริหารการเงินส่วนบุคคลมาก ๆ ดังนั้น คุณโนอาห์จึงต้องพุ่งเป้าไปที่บล็อกเกอร์ที่เกี่ยวกับการบริหารการเงินส่วนบุคคล และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
นี่คือตัวอย่างจาก สเปรดชีตของคุณโนอาห์:
ช่องทางที่ดีที่สุดทั้งหมดนี้ คุณสามารถดูก่อนที่จะเริ่มลิสต์รายชื่อช่องทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ ให้มันแหล่งข้อมูลดี ๆ ของคุณ:
การค้นหาแหล่งที่มาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ในการค้นหาแหล่งที่มาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คุณต้องดูให้ได้ว่า ลูกค้า/ผู้ใช้งาน ในเป้าหมายของคุณอยู่ที่ไหน คุณโนอาห์แนะนำให้ใช้คะแนนเต็ม 5 สำหรับลิสต์แหล่งที่มาที่เลือกมา
เกณฑ์เต็ม 5 คะแนน ในด้านคุณสมบัติต่าง ๆ ดังนี้:
จากนั้นเรียงแหล่งที่มาที่ได้คะแนนสูง-ต่ำ เช่น แหล่งไหนที่มีผลกระทบสูงสุดที่สุด และแหล่งไหนใช้งานง่ายที่สุด
ตอนนี้ คุณสามารถตั้งเลเวอเรจสูงสุด/สูงสุด ตามกรอบระยะเวลาดำเนินการและงบที่มีอยู่
นี่คือตัวอย่างตารางคะแนนของคุณโนอาห์:
ขั้นตอนที่ 5: กำหนดเป้าหมายของคุณ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะกำหนดเป้าหมายของแต่ละแหล่งที่มา — เปรียบเทียบจากเกณฑ์ของคุณเอง คุณสามารถใช้เป้าหมายเหล่านี้ เพื่อดูผลลัพธ์ และหาจุดที่จะต้องปรับเปลี่ยน
คุณสามารถตั้งค่าเป้าหมายโดย ใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Similarweb หรือ Semrush สำหรับการเข้าชมของผู้ใช้งานเว็บไซต์
ไม่ใช่ต้องการเพียงแค่ CTR และอัตรา Conversion เท่านั้น คุณต้องการตั้งเป้าหมายตามผลลัพธ์ที่จากแหล่งที่มาด้วย ซึ่งเป้าหมายถือเป็น ส่วนที่สำคัญที่สุดของกลยุทธ์ของคุณเลย
ขั้นตอนที่ 6: สร้างทามไลน์
ขั้นตอนต่อไปคือ แยกเป้าหมายของคุณออกเป็นเป้าหมายที่เล็กลง และมุ่งเน้นไปที่เวลา และสร้างทามไลน์ แบ่งเวลาออกเป็นส่วนเล็ก ๆ จะช่วยคุณสามารถบรรลุผลได้ชัดเจนมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น สมมุติว่า กรอบเวลาของคุณต้องทำเสร็จภายใน 3 เดือน ให้กำหนดเป้าหมายรายเดือน สมมุติถ้าเป็น 3 สัปดาห์ ก็ให้กำหนดเป้าหมายรายสัปดาห์ไปเลย
เฟรมเวิร์คแบบนี้ จะทำให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จได้ง่ายขึ้น และทำให้ง่ายต่อการทดลองและเรียนรู้วิธีที่ได้ผลลัพธ์ดี ๆ
ขั้นตอนที่ 7: ติดตามความคืบหน้าของคุณ
ติดตามหรือเช็คให้แน่ใจว่า คุณทำตามเป้าหมายได้อย่างถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนดดีแล้ว มันช่วยให้คุณสามารถวัดอีกรอบ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคุณแล้วจริง ๆ ด้วยเหตุนี้ การติดตามผลลัพธ์โดยใช้สเปรดชีตจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถระบุจุดที่ต้องปรับเปลี่ยนแผนของคุณได้ไม่ยากเลย
สรุป
เฟรมเวิร์คทั้ง 7 ขั้นตอนนี้ คุณโนอาห์สามารถช่วยให้ Mint เพิ่มยอดผู้ใช้กว่า 1,000,000 ราย ภายใน 6 เดือนเท่านั้น ซึ่งคิดเป็น 10 เท่าของเป้าหมายของบริษัทที่เคยได้ตั้งไว้เลย เฟรมเวิร์คนี้สามารถทำซ้ำได้อย่างง่ายดาย โดยทุกคนและปรับใช้ให้เข้ากับจุดมุ่งหมาย/เป้าหมาย ตามที่ต้องการ
หลังจากเสร็จงานของ Mint ทางคุณโนอาห์ก็เริ่มก่อตั้งบริษัท AppSumo ของตัวเอง ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข้อเสนอรายวัน สำหรับสินค้าและบริการออนไลน์