18 มกราคม 2023 0 519

ความแตกต่างระหว่างแพลตฟอร์ม Mediavin กับ Adsense และ Ezoic ปี 2022

ถ้าหากว่าคุณอยากให้เว็บไซต์ของคุณมีรายได้จากการแสดงโฆษณา ตอนนี้มี 3 ตัวเลือกที่กำลังเป็นที่นิยมให้ได้พิจารณาคือ Mediavine, Adsense และ Ezoic ซึ่งทั้งสามแพลตฟอร์มนี้ก็มีประสิทธิภาพในการแสดงผลต่างกันโดยเฉพาะกับกลุ่ม niche ในแต่ละประเทศ หรือแม้แต่การวางโฆษณาบนพื้นที่หน้าเว็บของเรา

ในโพสต์นี้เราจะนำการวิเคราะห์ของ Colin Newcomer มาแบ่งปันให้ศึกษา ซึ่งนาย Colin เป็นนัก SEO และผู้ที่มีความสนใจด้านการตลาดแบบ affiliate จาก CodeInWP ที่จะช่วยคุณเปรียบเทียบและเลือกแพลตฟอร์มการสร้างรายได้จากโฆษณาว่าแพลตฟอร์มไหนที่เหมาะสมสำหรับไซต์ของคุณระหว่าง Mediavine, Ezoic และ Google AdSense

จากการวิเคราะห์แพลตฟอร์มทั้ง 3 นี้ยังมีหลายสิ่งที่ต้องให้พิจารณารวมไปถึงว่าคุณจะสามารถหาเงินได้จากแพลตฟอร์มเหล่านี้เท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นข้อกำหนดในการเข้าร่วม เงื่อนไขการชำระเงิน ผลกระทบต่อประสิทธิภาพของเว็บไซต์และประสบการณ์ของผู้ใช้ และอื่นๆ

เรามาดูเนื้อหาโดยย่อก่อนที่เราจะเข้าไปดูถึงการเปรียบเทียบเชิงลึกของ Mediavine กับ AdSense และ Ezoic

1. แพลตฟอร์ม Mediavine
 

Mediavine เป็นเครือข่ายการจัดการโฆษณาแบบแสดงบนหน้าเพจระดับพรีเมียมที่นักบล็อกเกอร์สามารถใช้เพื่อสร้างรายได้จากเว็บไซต์ของตนเองเป็นแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเครือข่ายโฆษณาที่ทำรายได้สูงสุดสำหรับบล็อกเกอร์และผู้สร้างคอนเทนต์ต่าง ๆ

เครือข่ายนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากบล็อกเกอร์ในกลุ่มอาหาร, กลุ่มท่องเที่ยว, ครอบครัวและการเลี้ยงดูบุตร, งานอดิเรกและความสนใจ, บ้านและสวน, สุขภาพและการออกกำลังกาย, การเงินส่วนบุคคล, การศึกษา, สไตล์, การชอปปิงและแฟชั่น, ศิลปะและความบันเทิง

Mediavine เป็นเครือข่ายการจัดการโฆษณา ที่ต้องใช้ความพิเศษในการจัดการโฆษณาแบบรูปภาพ แม้ว่าคุณจะยังมีอิสระในการใช้การตลาดแบบ affiliate ของผู้สนับสนุนโพสต์ และอื่น ๆ แต่ไม่สามารถใช้เครือข่ายโฆษณาอื่นได้

ทีม Mediavine เริ่มต้นมาจากการเป็นผู้เผยแพร่คอนเทนต์มาก่อนและ Mediavine ก็เกิดขึ้นจากความต้องการแก้ปัญหาการจัดการโฆษณาสำหรับเว็บไซต์ของตนเอง สิ่งนี้ทำให้พวกเขามีมุมมองที่น่าสนใจสำหรับการเป็นผู้เผยแพร่โฆษณาเป็นอันดับแรกเกี่ยวกับการจัดการโฆษณา ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้สิทธิพิเศษมากขึ้นแก่บล็อกเกอร์และผู้เผยแพร่คอนเทนต์อื่นๆ

 2. แพลตฟอร์ม AdSense
 

AdSense แพลตฟอร์มที่แสดงโฆษณา Google และเป็นแพลตฟอร์มที่นึกถึง สำหรับบล็อกเกอร์และเจ้าของเว็บไซต์จำนวนมาก เพราะเป็นที่นิยมเนื่องจากเกือบทุกคนสามารถเข้าร่วมได้และไม่มีข้อจำกัดในการรับส่งข้อมูล

ในทางกลับกัน AdSense เป็นเครือข่ายที่จ่ายน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังคงให้ความสำคัญกับการคลิกโฆษณาเหนือการแสดงโฆษณา อย่างไรก็ตาม มันจะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อคุณเพิ่งเริ่มต้นใช้งาน เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดเบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวนของ traffic เพราะเมื่อปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณเพิ่มขึ้น รายได้ของคุณอาจก้าวหน้าจากมันได้

3. แพลตฟอร์ม Ezoic
 

Ezoic เป็นเครือข่ายโฆษณาที่ให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงรายได้ โดยปกติแล้ว Ezoic จะทำการทดสอบโฆษณาและตำแหน่งโฆษณาของคุณหลายครั้ง เพื่อดูว่าแบบใดทำงานได้ดีที่สุด จากนั้นจึงนำแบบนั้นไปใช้ในอนาคต

Ezoic ไม่ได้ผูกขาดเอกสิทธิ์เหมือน Mediavine ดังนั้นคุณสามารถนำไปใช้รวมกับเครือข่ายอื่นได้ เพื่อการทดสอบและให้คุณสามารถเปรียบเทียบรายได้ของเครือข่ายอื่นกับ Ezoic ได้อย่างน่าทึ่ง

โดยทั่วไปแล้ว Ezonic จ่ายให้มากกว่า AdSense แต่ก็ไม่ได้มากเท่ากับ Mediavine เพราะ Ezonic เป็นเครือข่ายเกตเวย์ที่มีประโยชน์สำหรับไซต์ที่กำลังเติบโตซึ่งยังไม่ตรงกับมาตรฐานของ Mediavine

การเปรียบเทียบ RPM: เครือข่ายโฆษณาตัวไหนที่สร้างรายได้ให้มากที่สุด
 

RPM ย่อมาจาก (evenue per thousand page views) หรือ รายได้ต่อการดูหน้าเว็บพันครั้ง และเป็นมาตรการสำคัญที่ต้องพิจารณาเพื่อเลือกเครือข่ายโฆษณา

การเปรียบเทียบ RPM แบบเฉพาะเจาะจงระหว่าง Mediavine, Adsense และ Ezoic นั้นทำได้ยาก เนื่องจากอัตรา RPM จะแตกต่างกันไปในแต่ละเว็บไซต์ตามเหตุปัจจัยต่างๆ เช่น เนื้อหาของไซต์ของคุณ แหล่งที่มาของการเข้าชม ความสามารถในการแสดงตัวโฆษณา อัตราการส่งโฆษณาแบบ CPM ความลึกในการเลื่อน และอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สามารถทำได้คือการเปรียบเทียบเว็บไซต์ที่มีลักษณะคล้ายกันในแง่ของสถิติเฉพาะกลุ่มและปริมาณการเข้าชม สำหรับกรณีของสองไซต์ที่คล้ายกัน ไซต์หนึ่งใช้ Mediavine และอีกไซต์หนึ่งใช้ Adsense โดยไซต์ที่ใช้ Mediavine อาจจะมีรายได้มากขึ้นโดยไม่คำนึงว่าทั้งคู่อยู่ในช่องเดียวกันและมีสถิติการเข้าชมเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน

นี่คือตารางแสดงการเปรียบเทียบ RPM ของ Mediavine, Adsense และ Ezoic จากสูงสุดไปต่ำสุด

ข้อกำหนดในการเข้าร่วมเครือข่าย
 

เครือข่ายโฆษณามักกำหนดข้อกำหนดที่พวกเขาคาดหวังให้ผู้ดูแลเว็บปฏิบัติตามเสมอ เพื่อที่จะยอมรับพวกเขาเข้าร่วมกับเครือข่าย ในฐานะผู้ดูแลเว็บ คุณจะพบข้อกำหนดต่างๆ มากมาย แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกเครือข่ายจะมีข้อกำหนดเหมือนกันทั้งหมด

  • จำนวนการเข้าชม  — บางเครือข่ายยึดตามจำนวนขั้นต่ำของเซสชัน/จำนวนการดูหน้าเว็บต่อเดือน
  • ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของผู้เข้าชม — บางเครือข่ายชอบการเข้าชมจากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษที่มีรายได้สูง เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย
  • แหล่งที่มาของการเข้าชม — บางเครือข่ายจะให้ค่าที่สูงกว่า สำหรับการเข้าชมด้วยการค้นหาทั่วไปมากกว่าการเข้าชมโซเชียลมีเดีย (เนื่องจากการเข้าชมทางโซเชียลอาจมีปริมาณที่ไม่แน่นอนมากกว่า)
  • คอนเทนต์ — เนื้อหาบางประเภทหรือเฉพาะกลุ่มอาจไม่ได้รับการยอมรับจากทุกเครือข่าย ตัวอย่างเช่น บล็อกเกี่ยวกับอาชญากรรมจริง และการพนัน พวกนี้มักถูกปฏิเสธโดยเครือข่ายระดับพรีเมียม
  • ความยาวของเนื้อหา — บางเครือข่ายจะยอมรับคุณก็ต่อเมื่อคุณมีเนื้อหาแบบยาว (เช่น มี 500+ คำ ต่อโพสต์)

ตารางด้านล่างแสดงขีดจำกัดการรับส่งข้อมูลต่างๆ ของ Mediavine, Adsense และ Ezoic

หมายเหตุ: เครือข่ายเหล่านี้กำหนดให้คุณต้องตรวจสอบการเข้าชมของคุณด้วย Google Analytics เพื่อให้แน่ใจว่าคุณกำลังใช้ Google Analytics บนไซต์ของคุณ


ข้อกำหนดอื่นๆ ของ Mediavine
 

เซสซันต้องมากกว่า 50,000 ครั้งต่อเดือน ให้ศึกษารายละเอียดของ Mediavine ดังต่อไปนี้:

  • โดยทั่วไปแล้ว พวกเขาต้องการให้การเข้าชมส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย และ/หรือนิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตาม Mediavine ได้เริ่มยอมรับเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษในตลาดยุโรป ตัวอย่างเช่น หากคุณมีไซต์ภาษาเยอรมันที่มีเป้าหมายเป็นชาวเยอรมัน คุณอาจยังมีสิทธิ์ใช้ Mediavine หากคุณมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดอื่นๆ ฉันรู้จักคนที่มีเว็บไซต์ภาษาสวีเดนของเขาก็ยังได้รับการยอมรับ
  •  เนื้อหาของผู้ทำโฆษณาเป็นมิตรและไม่ซ้ำแบบใคร
  •  ความยาวของเนื้อหา — โดยเฉลี่ยตั้งเป้าขึ้นต่ำเอาไว้ที่ 500 คำ

นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดอีกว่าไซต์ของคุณต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Google AdSense หากไซต์ของคุณเคยถูกแบนจาก AdSense คุณจะไม่สามารถเข้าร่วม Mediavine ได้อีก

ข้อกำหนดอื่น ๆ ของ AdSense
 

AdSense ไม่ได้กำหนดจำนวนการเข้าชม แต่มีข้อกำหนดบางอย่างที่คุณจะต้องมีดังต่อไปนี้;

  • เนื้อหาเป็นเอกลักษณ์
  •  เนื้อหาโฆษณาเป็นมิตร — อย่างเช่น ไม่มีไซต์สตรีมที่ผิดกฎหมาย
  •  ใช้ภาษาหนึ่งใน 50+ ภาษาที่ AdSense รองรับ

ข้อกำหนดของอื่น ๆ ของ EZoic
 

แม้ว่า Ezoic จะได้ยกเลิกการจำกัดการดูหน้าเว็บขั้นต่ำใว้ที่ 10,000 ครั้งแล้ว และตอนนี้ยอมรับเว็บไซต์ที่มีปริมาณการเข้าชมทุกระดับแล้ว แต่ยังมีข้อกำหนดอื่น ๆ สองสามข้อที่ต้องพิจารณา ได้แก่:

  • เนื้อหาโฆษณาเป็นมิตรและมีเอกลักษณ์
  •  กลยุทธ์ไม่คลุมเครือ เช่น การคัดลอกเนื้อหาจากไซต์อื่น การสร้างเนื้อหาโดยอัตโนมัติ และอื่น ๆ
  •  ใช้ภาษาหนึ่งใน 50+ ภาษาที่ AdSense รองรับ

ผลกระทบที่มีต่อประสิทธิภาพของเว็บไซต์และประสบการณ์ของผู้ใช้
 

แม้ว่าคุณมีความต้องการอยากสร้างรายได้จากโฆษณาแบบดิสเพลย์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่คุณไม่ต้องการทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ไซต์ของคุณเสีย เพราะเครือข่ายโฆษณาแบบดิสเพลย์สามารถทำลายไซต์ของคุณได้สองทาง:

  •  ทำให้การโหลดนานขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ชมเว็บไซต์ของคุณได้รับประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ และส่งผลเสียต่อความพยายามในการทำอันดับ SEO ของคุณ
  •  อาจทำให้เนื้อหาของคุณมีโฆษณามากเกินไป ทำให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกลำคาน

ทั้งสามแพลตฟอร์มนี้มีตัวเลือกในการควบคุมจำนวนโฆษณาที่แสดงบนไซต์ของคุณ ดังนั้น ตราบใดที่ใช้ตัวเลือกเหล่านี้ คุณก็สามารถดึงโฆษณากลับเข้ามาได้เสมอเพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ใช้ (แม้ว่าผลที่ตามมาคือคุณอาจทำเงินได้น้อยลงก็ตาม)

ในแง่ของประสิทธิภาพและเวลาในการโหลด Mediavine จะทำงานได้ดีกว่า และรับรองว่าโฆษณาของไซต์ของคุณจะไม่ช้าลง ตัวอย่างเช่น มักจะใช้การโหลดช้าเพื่อลดเวลาในการโหลดหน้าเว็บเริ่มต้น และตัวยึดตำแหน่งเพื่อลดการเปลี่ยนแปลงเลย์เอาต์ เพื่อช่วยให้คุณรักษาคะแนน Core Web Vitals ที่สูงไว้ได้

ในทางกลับกันเพราะ AdSense และ Ezoic ไม่ทำแบบนั้น และเป็นเรื่องปกติที่ทั้ง AdSense และ Ezoic จะมีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อประสิทธิภาพการทำงานของไซต์ของคุณ

อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรับแต่งเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อย คุณอาจลดปัญหาของ Ezoic ได้ เพียงแค่คุณชำระค่าบริการเพิ่มความเร็วของ Ezoic แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่ต้องการให้ประสบการณ์ของผู้ใช้รู้สึกไม่ดีกับความเร็วในการโหลดไซต์ของคุณ Mediavine เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

เงื่อนไขการชำระเงิน
 

เมื่อคุณเริ่มทำงานกับเครือข่ายโฆษณา คุณอาจรู้สึกผิดหวังเนื่องจากบางเครือข่ายมีระยะเวลาการชำระเงินนาน แม้ว่านี่จะไม่ใช่ปัญหาในระยะยาว แต่ก็หมายความว่าคุณอาจต้องรอสองสามเดือนสำหรับการตรวจสอบครั้งแรก ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำคัญสำหรับบางคน

ตารางแสดงเงื่อนไขการชำระเงินของ Mediavine, Adsense และ Ezoic:
 

ดังนั้นเมื่อใช้ Mediavine คุณอาจจะต้องรอเพิ่มอีก 1 เดือนจึงจะได้รับเงิน แต่เมื่อเทียบกับ Adsense หรือ Ezoic เมื่อคุณผ่านช่วง 2-3 เดือนแรกไปแล้ว คุณจะยังคงมีเงินหมุนเวียนในแต่ละเดือน

นอกเหนือจากระยะเวลาในการชำระเงินแล้ว คุณอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการจ่ายเงินขั้นต่ำอีกด้วย

ตารางด้านล่างแสดงการจ่ายเงินขั้นต่ำของ Mediavine, Adsense และ Ezoic:
 

ที่ Mediavine ไม่มีปัญหาในเรื่องการจ่ายขั้นต่ำ หากคุณปฏิบัติตามข้อกำหนด traffic ของเครือข่ายได้ คุณก็อาจจะมีรายได้มากกว่า $25 ดอลลาร์ต่อเดือน แม้ว่าคุณจะปฏิบัติตามเกณฑ์แต่ยอด traffic มีเพียงเล็กน้อย คุณก็มีโอกาสได้รับรายได้ตั้งแต่ $750 ถึง $1,000 ดอลลาร์ต่อเดือน

ข้อคิดสุดท้ายเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Mediavine, AdSense และ Ezoic
 

เมื่อพูดถึง Mediavine กับ AdSense กับ Ezoic ก็ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างตรงไปตรงมา:

หากคุณต้องอยากมีรายได้สูงจากไซต์ของคุณและต้องการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าเว็บไซต์ของคุณ Mediavine ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจาก Mediavine มีเงื่อนไขสำหรับสมาชิกที่เข้มงวด โดยที่คุณไม่ต้องกังวลแม้จะเป็นมือใหม่หรือกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา

คุณสามารถเข้าร่วม Ezoic ได้ตลอดเวลาหากคุณไม่สามารถเข้า Mediavine ได้ และไม่มีเหตุผลที่จะต้องใช้ AdSense อีกต่อไป เพราะเนื่องจาก Ezoic ได้ทำยกเลิกการจำกัดการเข้าชมหน้าเว็บ 10,000 หน้าแล้ว เมื่อคุณสมัคร Ezoic ได้ในตอนนี้ และหากได้รับการยอมรับ คุณจะได้ RPM ที่มากกว่าที่คุณทำกับ AdSense เสียอีก

คุณสามารถใช้ Ezoic ได้ไปจนกว่าจะถึงเกณฑ์ของ Mediavine เพราะถ้าคุณสมบัติของคุณถึงเกณฑ์เมื่อไหร่ คุณคอลินแนะนำให้ย้ายโดยเร็วที่สุดเนื่องจาก Mediavine ให้ RPM มากกว่าและประสิทธิภาพที่ดีกว่า

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?