การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอินฟลูเอนเซอร์ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจออนไลน์ที่สนใจ Traffic สดใหม่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย
เทย์เลอร์ ลาเกซ (Taylor Lagace) ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท Kynship เอเจนซี่การตลาดด้านอินฟลูเอนเซอร์ที่ตั้งอยู่ในลอสแอนเจลิส กล่าวว่าการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ให้โพสต์บนช่องทางโซเชียลมีเดียอย่าง Tiktok นั้น ถือเป็นความคิดที่แย่มาก เขาชี้ว่าควรสิ่งที่ควรทำคือการเปลี่ยนมาสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับชาวอินฟลูเอนเซอร์ให้ได้เดือนละ 10,000 คน
การทำแบบนี้ช่วยให้เขาประหยัดงบการตลาดอินฟลูเอนเซอร์กว่า $300,000 และยังช่วยคัดกรองอินฟลูเอนเซอร์ที่ “ไม่เหมาะสม” ก่อนส่งผลิตภัณฑ์ไปให้อีกด้วย
ในบทความนี้ เทย์เลอร์ ลาเกซได้แชร์คู่มือการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับอินฟลูเอนเซอร์ที่โปรโมตผลิตภัณฑ์ของเขาลงบนโซเชียลมีเดียให้ฟรี ซึ่งทั้งหมดที่เขาทำคือการส่งผลิตภัณฑ์ไปให้อินฟลูเอนเซอร์ จากนั้นพวกเขาจะสร้างคอนเทนต์และแชร์ไปบนโลกออนไลน์ให้ฟรี เนื่องด้วยความสัมพันธ์อันดีที่คุณสร้างไว้กับพวกเขา
"สาเหตุที่วิธีการนี้มีประสิทธิภาพ เพราะเป็นการคัดหาอินฟลูเอนเซอร์ที่รักในผลิตภัณฑ์ของคุณจริง ๆ " เทย์เลอร์กล่าว
ด้วยกลยุทธ์นี้ คุณกำลังมองหาแฟนตัวยงที่ต้องการแชร์ผลิตภัณฑ์ของคุณเพราะใจรัก
ซึ่งเป็นไปไม่ได้หากคุณเริ่มความสัมพันธ์จากการจ้างโพสต์
มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร?
ทั้งหมดเริ่มต้นจากการหว่านหาไมโครอินฟลูเอนเซอร์ (Micro-influencer) ผ่านการให้แคมเปญที่ไม่เงื่อนไขใด ๆ ผูกมัด เป้าหมายตรงนี้คือ การผลักดันอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมจากขั้น Seeding ไปยังขั้น Ambassador ซึ่งในระหว่างนั้นก็จะมีการคัดกรองอินฟลูเอนเซอร์ที่ “ไม่เหมาะสม” ออกไปด้วย
ส่วนนี้เป็นพีระมิดที่เทย์เลอร์ใช้ในเอเจนซี่ เพื่อจัดขั้นทีมอินฟลูเอนเซอร์ของเขา
Influencer Seeding
กลยุทธ์จะเริ่มต้นด้วยการเข้าหาไมโครอินฟลูเอนเซอร์จำนวน 500 คน ระหว่างนั้นก็เสนอว่าจะมอบผลิตภัณฑ์ให้ฟรี จากทั้งหมด 500 คน คุณจะได้รับการตอบกลับจากอย่างน้อย 100 คน ว่าตกลง!
และใน 100 คน จะมีอินฟลูเอนเซอร์อย่างน้อย 30 คน ที่โพสต์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไม่ต่ำกว่า 2-3 รอบ ตอนนี้ 30 คนนี้จะอยู่ในขั้น Organic Post ของพีระมิด
สิทธิ์การใช้งาน
ขั้นตอนถัดมาคือการตกลงปัญหาเรื่องสิทธิ์การใช้งาน ตรงจุดนี้คุณจะต้องขอสิทธิ์การใช้โพสต์ของพวกเขาก่อน เพื่อนำมาใช้เป็น IGC (Influencer Generated Content) หรือคอนเทนต์ที่สร้างโดยฟลูเอนเซอร์ และเปลี่ยนให้กลายเป็นแนวทางสำหรับ Paid Ad ของคุณ
ข้อความจะมีหน้าตาประมาณนี้:
"สวัสดี เราดีใจที่คุณชื่นชอบในผลิตภัณฑ์ที่ส่งไปจนถึงขั้นแชร์เป็นคอนเทนต์ให้กับผู้ชมของคุณ! เราอยากแชร์คอนเทนต์นี้ให้กับผู้ชมของเราด้วยเช่นกัน ไม่ทราบว่าคุณจะอนุญาตได้หรือไม่?"
แต่อย่าหยุดเพียงเท่านี้ คุณต้องงัดขึ้นไปอีกขั้น นั้นคือการเพิ่มอินฟลูเอนเซอร์เข้าไปใน Affiliate Program ของคุณ
Affiliate Program
ในขั้นตอนนี้ เทย์เลอร์แนะนำให้ถามอินฟลูเอนเซอร์แต่ละคนที่โพสต์ให้ฟรีมาเข้าร่วมในฐานะ Affiliate พวกเขาจะได้แชร์ผลิตภัณฑ์ของคุณพร้อมกับลิงก์พิเศษของ Affiliate ที่ช่วยให้คุณติดตามยอดขาย แล้วคุณค่อยจ่ายคอมมิชชันตามยอดขายที่พวกเขาทำ
คุณสามารถใช้ข้อความนี้เป็นเทมเพลตเพื่อถามอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อเข้าร่วม Affiliate Program ของคุณ:
"เราอยากให้คุณได้รับค่าชดเชยสำหรับโพสต์ต่าง ๆ และโพสต์ในอนาคตของคุณ ด้วยการให้คุณเข้าร่วมกับ Affiliate Program ของเรา"
ส่วนใหญ่แล้วจะตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดเลย ที่พวกเขาโพสต์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เกิดจากความชื่นชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากได้รับค่าจ้างด้วย นึกดูสิว่าพวกเขาจะตื่นเต้นมากแค่ไหน
ตอนนี้พวกเขาเลื่อนขึ้นมาอีกขั้นบนพีระมิด เรากำลังใช้คอนเทนต์ของพวกเขาใน Paid Media และเป็นส่วนหนึ่งกับ Affiliate Program ของเรา
การประเมินประสิทธิภาพของพวกเขาและเลื่อนขั้นคนที่มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดไปยังขั้น Brand Ambassador
ตรงนี้ เทย์เลอร์ แนะนำให้คุณเริ่มประเมินว่าอินฟลูเอนเซอร์คนไหนที่ทำผลงานได้ดีที่สุดด้วยตัวเอง แล้วคุณสามารถเสนอที่จะขึ้นคอมมิชชันเพื่อให้พวกเขามีแรงจูงใจเพิ่มมากขึ้น
ในขณะเดียวกันคุณสามารถเริ่มประเมินหาคนที่มีผลงานดีที่สุดใน Paid Media
เมื่อมีข้อมูลมากพอ ให้เลื่อนขั้นคนที่มีผลงานมากที่สุดไปยังขั้น Ambassador
ขั้น Ambassador
ขั้น ambassador เป็นขั้นที่สูงเป็นอันดับสองที่อินฟลูเอนเซอร์จะสามารถไปถึงได้บนพีระมิด เมื่อถึงตอนนั้นแปลว่าพวกเขามีความมุ่งมั่นในผลิตภัณฑ์ของคุณ พวกเขาสร้างคอนเทนต์ที่ดีให้กับแบรนด์ และสร้างยอดขายจำนวนมากให้กับคุณ
เทย์เลอร์ กล่าวว่าเขาจะจ้างให้อินฟลูเอนเซอร์โพสต์ก็ต่อเมื่อพวกเขาอยู่ในขั้น Ambassador เพราะนั้นเป็นตัวพิสูจน์ว่าพวกเขาคือแฟนตัวยงของแบรนด์ และเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง!
สำคัญ: เมื่อคุณเริ่มจ้างคนโพสต์ คุณจะสร้างระบบนิเวศจอมปลอมที่ไม่มีตัวแทนคนไหนสนใจในผลิตภัณฑ์ของคุณจริง ๆ พวกเขาต้องการแค่ค่าจ้าง
นอกจากจะเสียเงินไปกับคนที่ "ไม่เหมาะสม" ที่นอกจากจะไม่สามารถทำให้ผู้ชมซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณแล้ว แต่ยังฉุดรั้งไม่ให้คุณจะไปเจอกับคนที่เหมาะจะเป็น Brand Ambassador จึงเป็นผลประโยชน์ที่ไร้ค่าในระยะยาวสำหรับธุรกิจของคุณ
เทย์เลอร์แนะนำว่าคุณควรเริ่มจ้างอินฟลูเอนเซอร์ เมื่อพวกเขาพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นแฟนตัวยงที่ชื่นชอบในประผลิตภัณฑ์ของคุณ และทำยอดขายได้เป็นจำนวนมาก
ต้องเป็นคนที่พิสูจน์แล้วว่าผ่านได้อย่างฉลุยตั้งแต่ Seeding, Organic Post, Paid Media, Affiliate จนไปถึง Ambassador ในที่สุด
Brand Ambassador คืออะไรกันแน่?
Brand Ambassador คืออินฟลูเอนเซอร์ที่ได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนจากการโพสต์และสร้างคอนเทนต์ที่สามารถนำมาใช้ซ้ำเป็น Paid Media ได้
และจำไว้ว่าทุกคนที่คุณทำงานด้วยในช่วงแรกของพีระมิดผ่านกลยุทธ์นี้ คือไมโครอินฟลูเอนเซอร์
ร้อยละ 90 เทย์เลอร์จะแนะนำให้ทำการ Seeding เฉพาะไมโครอินฟลูเอนเซอร์ เพราะโดยรวมแล้วพวกเขาให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากว่า เมื่อเทียบกับอินฟลูเอนเซอร์ขั้นอื่น ๆ
แต่ใช่ว่าจะไม่มีที่สำหรับมาโครอินฟลูเอนเซอร์ (Macro-influencer)
การทำงานร่วมกับมาโครอินฟลูเอนเซอร์
มาโครอินโฟเอนเซอร์คือคนที่ใน Niche เฉพาะทาง และมีผู้ชมราว 50,000 ถึง 1,000,000 คน พวกเขามีอัตรา Engagement ที่สูงและฐานผู้ติดตามขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการรับรองแบรนด์และร่วมคอลแลปส์ด้วย
เมื่อถึงเวลาทำงานร่วมกับมาโครอินฟลูเอนเซอร์ เทย์เลอร์กล่าวว่า เขาแค่ทำตามขั้นตอนทั้งหมดซ้ำอีกครั้ง ตั้งแต่ Seeding จนไปถึง Ambassador ด้วยมาโครอินฟลูเอนเซอร์ และจากนั้นจึงเลื่อนขั้นมาโครอินฟลูเอนเซอร์ที่ดีที่สุดให้ไปอยู่ในขั้น Flag Bearer
Flag Bearer คืออะไร?
Flag Bearer คือ "หน้าตา" ของแบรนด์ ซึ่งอาจเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงในระบบนิเวศ หรือ Niche ของผลิตภัณฑ์ของคุณที่ชอบคุณและสามารถเป็นตัวแทนสำหรับแบรนด์ของคุณได้อย่างดีเยี่ยม
ให้ลองนึกถึง ทิม เฟอร์ริส (Tim Ferriss) ของ Athletic Greens
สรุป
นี่เป็นคำถามที่เทย์เลอร์ใช้ถามในแต่ละขั้นตอน
ในแต่ละขั้นอินฟลูเอนเซอร์จะถูกคัดออกไปตามความต้องการ/ความปรารถนา ที่อยากทำงานร่วมกับแบรนด์และความจริงใจในรักที่มีให้กับผลิตภัณฑ์
นั่นก็คือกลยุทธ์ทั้งหมด!
กรณีที่เคยใช้
ด้วยกลยุทธ์นี้ เอเจนซี่ของเทย์เลอร์สามารถทำการ:
หากความนี้ประโยชน์ คุณสามารถแชร์ไปให้เพื่อน,ทีม หรือหุ้นส่วนในธุรกิจ เพราะเราเชื่อว่าการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ที่ดีกว่า สามารถช่วยระบบนิเวศ DTC (Direct to Cosumer) ทั้งระบบได้