ปัจจุบันตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะแง่ของการจ้างโฆษณา Facebook Ads นั้นไม่เหมือนกับที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้ว และผู้โฆษณามืออาชีพหลายคนต่างก็ยืนยัน 100% ในเรื่องนี้
ระบบอัปเดตใหม่ของ IOS กำลังก่อให้เกิดความหายนะสำหรับแพลตฟอร์ม Facebook ผู้โฆษณาต่างเฝ้ารอคอยให้ Facebook หรือ "Meta" ค้นหาวิธีแก้ไขปัญหานี้ แต่อย่างไรก็ตาม Facebook นั้นได้เมินเฉยต่อผู้โฆษณาที่เคยทำให้แพลตฟอร์มนี้รุ่งเรื่องในสมัยก่อนที่ IOS จะอัปเดต
นี้ไม่หมายความว่าการโฆษณาบน Facebook นั้นแย่ แต่เรียกว่ายากมาก
Nicolas Hernandes (นิโคลัส เอร์นานเดส) คือผู้ประกอบการออนไลน์ที่มีโฆษณาอยู่บนแพลตฟอร์มนี้มานานกว่า 3 ปี หมุนเวียนเงินแล้วกว่าหลายแสนดอลลาร์ในการจ่ายค่าโฆษณาให้กับ Facebook Ads กล่าวว่า Facebook ดูให้ความสนใจในการผลักดัน "Metaverse" ที่ไม่รู้จะไปรอดด้วยอีท่าไหน เหมือนกับตอนที่ Microsoft ผลักดันในการสร้างอุปกรณ์มือถือสมาร์ทโฟนเครื่องแรก แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับ Apple ในกรณีนี้ Microsoft คือผู้บุกเบิกที่ผลักดันแนวความคิดของ "เทคโนโลยีแห่งอนาคต"
แนวคิด Metaverse ดูไม่อาจต่อกรกับบริษัทเกมที่สามารถเปลี่ยนมาทำแนวคิด Virtual Reality นิโคลัสกล่าวเสริม
Facebook เสียผู้โฆษณาไปเป็นจำนวนมากให้กับ TikTok ใช่แล้ว... TikTok แพลตฟอลร์มที่ครั้งหนึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อถ่ายคลิปเต้น
TikTok ทำการเปลี่ยนตลาดและขั้นตอนการโฆษณาอย่างรวดเร็วเหมือนกับช่วงยุค 2016 ของ Facebook
ข้อได้เปรียบสำหรับการโฆษณาบน TikTok :
ในบทความวันนี้ เราจะมาแชร์เนื้อหา TikTok Ads สำหรับผู้โฆษณา Facebook รวมถึงเรื่องที่จะช่วยให้คุณเพิ่มสเกลธุรกิจออนไลน์บน TikTok Ads ในแบบที่รวดเร็วกว่าบน Facebook
ไม่ยืนยัน : ปัจจุบัน TikTok แสดงให้เห็นถึงข้อดีสำหรับแบรนด์ E-Commerce มากกว่าข้อมูลผลิตภัณฑ์
นี้คือหัวข้อที่เราจะมาพูดกันในวันนี้
คอนเทนต์ที่ผู้ใช้เป็นคนสร้าง (User Generated Content) และสาเหตุที่จะทำให้คุณพลาดหากยังใช้โฆษณาที่ไม่ดีพอ
ทีนี้บนแพลตฟอร์ม TikTok หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ คุณจำต้องมีคอนเทนต์คุณภาพเยี่ยมที่สร้างโดยผู้ใช้ บน Facebook คุณอาจรอดหากใช้โฆษณาที่ไม่ได้คุณภาพด้วยข้อความที่อ่านแล้วติดหู แต่ TikTok ไม่ใช่แบบนั้น
โฆษณาคือ 90% ของปัญหาทั้งหมดสำหรับแคมเปญ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันบน TikTok
รูปแบบคอนเทนต์ที่ดีจากผู้ใช้ควรมีความยาวระหว่าง 5 - 10 วินาที หากยาวกว่านี้ให้ตัดจบเลย เพราะผู้คนบนแพลตฟอร์มนี้มีระยะความสนใจที่ค่อนข้างสั้นมาก
การถ่ายโฆษณาไม่มีคำว่าผิดหรือถูก ต่อให้ถ่ายคอนเทนต์ผ่านมือถือคุณก็ยังคงประสบความสำเร็จได้อยู่ดี คุณแค่ต้องคิดนอกกรอบและสร้างสรรค์เข้าไว้
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราพบว่าใช้แล้วได้ผล :
นี้เป็นไอเดียบางส่วนให้คุณได้ลองเริ่มสร้างคอนเทนต์ของผู้ใช้ ส่วนอันไหนจะใช้ได้ผลนั้น คุณต้องเป็นคนลองทดสอบดู
โครงสร้างแคมเปญของ TikTok Ads ในปี 2022
ทีนี้เรามาดูโครงสร้างแคมเปญที่แนะนำโดย นิโคลัส เฮอร์นันเดส เริ่มด้วยกลยุทธ์ AB Testing
ซึ่งจะคล้ายกับ Facebook Ads นั้นคือการมีเป้าหมายเป็นวงกว้างนั้นคือเรื่องดีสำหรับที่นี่ ความสนใจไม่ช่วยสร้างผลลัพธ์ และด้วยเหตุผลอย่างอย่างทำให้การ Retargeting ดูไม่เข้ากับแพลตฟอร์มอย่าง TikTok
นิโคลัสแนะนำว่ากลยุทธ์ทดสอบที่สมบูรณ์ควรมีหน้าตาเป็นแบบนี้ :
1 แคมเปญ >>> 5 กลุ่มโฆษณา (PUR) >>> โฆษณา 3 แบบต่อกลุ่มโฆษณา = มีโฆษณาให้ทดสอบทั้งหมด 15 แบบ
ด้วยงบ $20 ต่อวันของกลุ่มโฆษณาในราคาที่ต่ำที่สุด และ Targeting แค่อเมริกากับแคนาดาเพียงอย่างเดียว
ด้วยโฆษณา 3 ตัว คุณต้องการให้แต่ละตัวมีความแตกต่างกัน ไม่สนว่าจะต่างเรื่องทรานซิชั่น หรือฟีเจอร์อื่นใด ยิ่งโฆษณามีความหลากหลายมากเท่าไร คุณยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น จำไว้เสมอว่า โฆษณาคือราชาของที่นี่
ระดับโฆษณากลุ่ม Targeting จะมีหน้าตาแบบนี้
ข้อมูลประชากรที่กว้างมาก
แคมเปญของคุณในระดับกลุ่มโฆษณาจึงควรมีหน้าตาแบบนี้: (ทั้งหมดอยู่ในหนึ่งแคมเปญ)
แนะนำ : ตรงจุดนี้คุณต้องให้เลือกให้กว้างมากมาก
หรือ
คุณสามารถนำวิธีนี้ไปใช้ผสมกับการ Targeting ด้วยก็ได้เช่นกัน:
สองโฆษณากลุ่มด้านบนไม่มีการ Targeting ส่วนอีกสองกลุ่มจะมีการ Targeting ตามความสนใจ
การ Targeting ตามความสนใจจะขึ้นอยู่กับ Niche ที่คุณเลือกอยู่
ด้วย Tiktok ยิ่งฐานผู้ชมของคุณกว้างเท่าไร คุณยิ่งมีโอกาสทำกำไรให้กับแคมเปญมากขึ้นเท่านั้น นี้จึงเป็นจุดที่ TikTok แตกต่างจาก Facebook อย่างสิ้นเชิง เพราะโฆษณาจะทำงานที่หนัก ๆ ให้หมดเลย
การเพิ่มสเกลให้กับแคมเปญของ TikTok ด้วย Dynamic Ads ในแนวตั้งกับแนวนอน
ใน Facebook Ads จะมีระบบแม่พิมพ์เสมือนที่ตัดทำคุกกี้ ทำให้คุณสามารถทำตามในแง่ของกลยุทธ์การสเกลได้เลย แต่ของ TIkTok จะไม่ใช่แบบนั้น Scaling คือ การผสมรวมขั้นตอนต่าง ๆ ในสถานะการณ์ที่หลากหลายจนออกมาเป็นผลลัพธ์
กลยุทธ์พื้นฐานที่นิโคลัสแนะนำ เป็นวิธีการสเกลแบบแนวนอนผ่าน 3-5 แคมเปญ โดยมีโฆษณา 5 กลุ่มต่อแคมเปญ
การตั้ง Scaling จะมีหน้าตาเป็นแบบนี้:
ในท้ายที่สุดแล้ว จำนวนของแคมเปญที่คุณจะเป็นไปตามจำนวนโฆษณาที่คุณมี ยิ่งคุณมีคอนเทนต์ที่สร้างโดยผู้ใช้ (User Generated Content) มากขึ้นเท่าไร คุณก็ยิ่งสามารถทดสอบและสเกลหาผู้ชนะได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น
นิโคลัสกล่าวว่าทีมงานของเขาใช้จ่ายอย่างน้อย $75 - $100 ต่อวันต่อแคมเปญ ตามหลักแล้ว พวกเขามีเป้าหมายที่จะสเกลด้วย 3 - 5 แคมเปญ ซึ่งดูเป็นสัดส่วนที่ดี
เมื่อมาถึงขั้นตอนการ Scaling แบบแนวนอน นิโคลัสเลือกทดสอบตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:
"เราทดสอบ Scaling แนวนอนอยู่หลายครั้งเพื่อปูพื้นฐาน จากนั้นจึงทำการปรับสเกลแนวตั้ง " นิโคลัสกล่าว
ตอนนี้มี 2 วิธีในการ Scaling แนวตั้ง:
เมื่อเป็นเรื่อง Scaling ด้วย TikTok คุณสามารถนำกลุ่มโฆษณามาทำซ้ำ และสเกลด้วย $1,000 ต่อวัน หากต้องการ
ต่างจาก Facebook ที่หากทำเช้นนั้นลงไปคุณอาจถูกแบนหรือโดนอัลกอริทึมเมินใส่ ตอนนี้ Tiktok อยู่ในช่วง "ยุคทอง" และคุณสามารถ Scaling ได้อย่างไม่มีลิมิต
เราหวังว่านี้จะช่วยสร้างความกระจ่างเกี่ยวกับ TikTok ให้คุณได้ไม่มากก็น้อย ว่านี้ค่อแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้ไม่ยาก ที่เหลือขึ้นอยู่กับความสร้างสรรค์ในโฆษณาของคุณ