29 มีนาคม 2023 0 293

TikTok Ads สำหรับผู้โฆษณาบน Facebook

ปัจจุบันตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะแง่ของการจ้างโฆษณา Facebook Ads นั้นไม่เหมือนกับที่เคยเป็นอีกต่อไปแล้ว และผู้โฆษณามืออาชีพหลายคนต่างก็ยืนยัน 100% ในเรื่องนี้

ระบบอัปเดตใหม่ของ IOS กำลังก่อให้เกิดความหายนะสำหรับแพลตฟอร์ม Facebook ผู้โฆษณาต่างเฝ้ารอคอยให้ Facebook หรือ "Meta" ค้นหาวิธีแก้ไขปัญหานี้ แต่อย่างไรก็ตาม Facebook นั้นได้เมินเฉยต่อผู้โฆษณาที่เคยทำให้แพลตฟอร์มนี้รุ่งเรื่องในสมัยก่อนที่ IOS จะอัปเดต

นี้ไม่หมายความว่าการโฆษณาบน Facebook นั้นแย่ แต่เรียกว่ายากมาก

Nicolas Hernandes (นิโคลัส เอร์นานเดส) คือผู้ประกอบการออนไลน์ที่มีโฆษณาอยู่บนแพลตฟอร์มนี้มานานกว่า 3 ปี หมุนเวียนเงินแล้วกว่าหลายแสนดอลลาร์ในการจ่ายค่าโฆษณาให้กับ Facebook Ads กล่าวว่า Facebook ดูให้ความสนใจในการผลักดัน "Metaverse" ที่ไม่รู้จะไปรอดด้วยอีท่าไหน เหมือนกับตอนที่ Microsoft ผลักดันในการสร้างอุปกรณ์มือถือสมาร์ทโฟนเครื่องแรก แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับ Apple ในกรณีนี้ Microsoft คือผู้บุกเบิกที่ผลักดันแนวความคิดของ "เทคโนโลยีแห่งอนาคต"

แนวคิด Metaverse ดูไม่อาจต่อกรกับบริษัทเกมที่สามารถเปลี่ยนมาทำแนวคิด Virtual Reality นิโคลัสกล่าวเสริม

Facebook เสียผู้โฆษณาไปเป็นจำนวนมากให้กับ TikTok ใช่แล้ว... TikTok แพลตฟอลร์มที่ครั้งหนึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อถ่ายคลิปเต้น

TikTok ทำการเปลี่ยนตลาดและขั้นตอนการโฆษณาอย่างรวดเร็วเหมือนกับช่วงยุค 2016 ของ Facebook

ข้อได้เปรียบสำหรับการโฆษณาบน TikTok :

  • มีการแบนบัญชีโฆษณาน้อยกว่าเมื่อเทียบกับของ Facebook
  • คุณจะจ่ายเงินตั้งแต่วันละ $100 จนถึง $1,000 ในวันถัดไปก็ได้เมื่อทำการสเกล แถมยังไม่หลุดจากอัลกอริทึมอีก
  • คุณไม่ต้องหวังพึงคำโฆษณาอีกต่อไปแล้ว เพราะผู้ใช้สร้างจะเป็นคนสร้างคอนเทนต์ (User Generated Content )
  • TikTok อยู่ในช่วงยุค 2016 ที่แพลตฟอร์ม Facebook Ads ยังค่อนข้างใหม่ และคุณสามารถทำเงินเป็นกอบเป็นกำโดยที่ไม่ต้องมีกลยุทธ์ยุ่งยากให้ทดสอบ สิ่งที่คุณต้องมีคือ สินค้าและคุณภาพของคอนเทนต์ที่ผู้ใช้สร้าง

ในบทความวันนี้ เราจะมาแชร์เนื้อหา TikTok Ads สำหรับผู้โฆษณา Facebook รวมถึงเรื่องที่จะช่วยให้คุณเพิ่มสเกลธุรกิจออนไลน์บน TikTok Ads ในแบบที่รวดเร็วกว่าบน Facebook

ไม่ยืนยัน : ปัจจุบัน TikTok แสดงให้เห็นถึงข้อดีสำหรับแบรนด์ E-Commerce มากกว่าข้อมูลผลิตภัณฑ์

นี้คือหัวข้อที่เราจะมาพูดกันในวันนี้

  1. คอนเทนต์ที่ผู้ใช้เป็นคนสร้าง (User Generated Content) และสาเหตุที่จะทำให้คุณพลาดหากยังใช้โฆษณาที่ไม่ดีพอ
  2. กลยุธ์ทดสอบโฆษณา TikTok ในปี 2022
  3. การสเกลแคมเปญ TikTok ด้วย Horizontal + Vertical Dynamic

คอนเทนต์ที่ผู้ใช้เป็นคนสร้าง (User Generated Content) และสาเหตุที่จะทำให้คุณพลาดหากยังใช้โฆษณาที่ไม่ดีพอ

ทีนี้บนแพลตฟอร์ม TikTok หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ คุณจำต้องมีคอนเทนต์คุณภาพเยี่ยมที่สร้างโดยผู้ใช้ บน Facebook คุณอาจรอดหากใช้โฆษณาที่ไม่ได้คุณภาพด้วยข้อความที่อ่านแล้วติดหู แต่ TikTok ไม่ใช่แบบนั้น

โฆษณาคือ 90% ของปัญหาทั้งหมดสำหรับแคมเปญ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันบน TikTok

รูปแบบคอนเทนต์ที่ดีจากผู้ใช้ควรมีความยาวระหว่าง 5 - 10 วินาที หากยาวกว่านี้ให้ตัดจบเลย เพราะผู้คนบนแพลตฟอร์มนี้มีระยะความสนใจที่ค่อนข้างสั้นมาก

การถ่ายโฆษณาไม่มีคำว่าผิดหรือถูก ต่อให้ถ่ายคอนเทนต์ผ่านมือถือคุณก็ยังคงประสบความสำเร็จได้อยู่ดี คุณแค่ต้องคิดนอกกรอบและสร้างสรรค์เข้าไว้

สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราพบว่าใช้แล้วได้ผล :

  • คอนเทนต์ที่ใส่ทรานซิชันเร็ว ๆ ให้กับสินค้า
  • หากคุณกำลังขายเสื้อผ้า ให้ลองถ่าย Try-on Haul แล้วใส่ทรานซิชันเร็ว ๆ ดู
  • โชว์ฟีเจอร์หลักของสินค้าด้วยเทคนิค Quick Cut
  • วิดีโอแกะกล่อง
  • พากย์เสียงทับ
  • สาถิตวิธีการ
  • เสียงที่แตกต่างกัน

นี้เป็นไอเดียบางส่วนให้คุณได้ลองเริ่มสร้างคอนเทนต์ของผู้ใช้ ส่วนอันไหนจะใช้ได้ผลนั้น คุณต้องเป็นคนลองทดสอบดู

โครงสร้างแคมเปญของ TikTok Ads ในปี 2022

ทีนี้เรามาดูโครงสร้างแคมเปญที่แนะนำโดย นิโคลัส เฮอร์นันเดส เริ่มด้วยกลยุทธ์ AB Testing

ซึ่งจะคล้ายกับ Facebook Ads นั้นคือการมีเป้าหมายเป็นวงกว้างนั้นคือเรื่องดีสำหรับที่นี่ ความสนใจไม่ช่วยสร้างผลลัพธ์ และด้วยเหตุผลอย่างอย่างทำให้การ Retargeting ดูไม่เข้ากับแพลตฟอร์มอย่าง TikTok

นิโคลัสแนะนำว่ากลยุทธ์ทดสอบที่สมบูรณ์ควรมีหน้าตาเป็นแบบนี้ :

1 แคมเปญ >>> 5 กลุ่มโฆษณา (PUR) >>> โฆษณา 3 แบบต่อกลุ่มโฆษณา = มีโฆษณาให้ทดสอบทั้งหมด 15 แบบ

ด้วยงบ $20 ต่อวันของกลุ่มโฆษณาในราคาที่ต่ำที่สุด และ Targeting แค่อเมริกากับแคนาดาเพียงอย่างเดียว

ด้วยโฆษณา 3 ตัว คุณต้องการให้แต่ละตัวมีความแตกต่างกัน ไม่สนว่าจะต่างเรื่องทรานซิชั่น หรือฟีเจอร์อื่นใด ยิ่งโฆษณามีความหลากหลายมากเท่าไร คุณยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น จำไว้เสมอว่า โฆษณาคือราชาของที่นี่

ระดับโฆษณากลุ่ม Targeting จะมีหน้าตาแบบนี้

ข้อมูลประชากรที่กว้างมาก

  • ทั้งทดสอบช่วงอายุ
  • ทดสอบเพศสภาพ
  • ข้อมูลประชากรแบบกว้างที่แทบไม่มีการ Targeting (มีแค่เฉพาะอเมริกากับแคนาดา)

แคมเปญของคุณในระดับกลุ่มโฆษณาจึงควรมีหน้าตาแบบนี้: (ทั้งหมดอยู่ในหนึ่งแคมเปญ)

  • กลุ่มโฆษณา 1 >>> ผู้ชาย 18+ - 40
  • กลุ่มโฆษณา 2 >>> ผู้หญิง 18+ - 40

แนะนำ : ตรงจุดนี้คุณต้องให้เลือกให้กว้างมากมาก

หรือ

คุณสามารถนำวิธีนี้ไปใช้ผสมกับการ Targeting ด้วยก็ได้เช่นกัน:

สองโฆษณากลุ่มด้านบนไม่มีการ Targeting ส่วนอีกสองกลุ่มจะมีการ Targeting ตามความสนใจ

  • กลุ่มโฆษณา 3 >>> ผู้ชาย 21+-35
  • กลุ่มโฆษณา 4 >>> เสื้อผ้าสตรีทสำหรับผู้ชาย
  • กลุ่มโฆษณา 4 >>> การออกกำลังกายสำหรับผู้ชาย

การ Targeting ตามความสนใจจะขึ้นอยู่กับ Niche ที่คุณเลือกอยู่

ด้วย Tiktok ยิ่งฐานผู้ชมของคุณกว้างเท่าไร คุณยิ่งมีโอกาสทำกำไรให้กับแคมเปญมากขึ้นเท่านั้น นี้จึงเป็นจุดที่ TikTok แตกต่างจาก Facebook อย่างสิ้นเชิง เพราะโฆษณาจะทำงานที่หนัก ๆ ให้หมดเลย

การเพิ่มสเกลให้กับแคมเปญของ TikTok ด้วย Dynamic Ads ในแนวตั้งกับแนวนอน

ใน Facebook Ads จะมีระบบแม่พิมพ์เสมือนที่ตัดทำคุกกี้ ทำให้คุณสามารถทำตามในแง่ของกลยุทธ์การสเกลได้เลย แต่ของ TIkTok จะไม่ใช่แบบนั้น Scaling คือ การผสมรวมขั้นตอนต่าง ๆ ในสถานะการณ์ที่หลากหลายจนออกมาเป็นผลลัพธ์

กลยุทธ์พื้นฐานที่นิโคลัสแนะนำ เป็นวิธีการสเกลแบบแนวนอนผ่าน 3-5 แคมเปญ โดยมีโฆษณา 5 กลุ่มต่อแคมเปญ

การตั้ง Scaling จะมีหน้าตาเป็นแบบนี้:

  • แคมเปญ 1 >>> 3 - 5 กลุ่มโฆษณา (เป้าหมายวงกว้าง + 2 ความสนใจสูงสุด)>>> 3 โฆษณาต่อกลุ่มโฆษณา
  • แคมเปญ 2 >>> 3 - 5 กลุ่มโฆษณา (เป้าหมายวงกว้าง + 2 ความสนใจสูงสุด)>>> 3 โฆษณาต่อกลุ่มโฆษณา
  • แคมเปญ 3 >>> 3 - 5 กลุ่มโฆษณา (เป้าหมายวงกว้าง + 2 ความสนใจสูงสุด)>>> 3 โฆษณาต่อกลุ่มโฆษณา
  • แคมเปญ 4 >>> 3 - 5 กลุ่มโฆษณา (เป้าหมายวงกว้าง + 2 ความสนใจสูงสุด)>>> 3 โฆษณาต่อกลุ่มโฆษณา
  • แคมเปญ 5 >>> 3 - 5 กลุ่มโฆษณา (เป้าหมายวงกว้าง + 2 ความสนใจสูงสุด)>>> 3 โฆษณาต่อกลุ่มโฆษณา

ในท้ายที่สุดแล้ว จำนวนของแคมเปญที่คุณจะเป็นไปตามจำนวนโฆษณาที่คุณมี ยิ่งคุณมีคอนเทนต์ที่สร้างโดยผู้ใช้ (User Generated Content) มากขึ้นเท่าไร คุณก็ยิ่งสามารถทดสอบและสเกลหาผู้ชนะได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น

นิโคลัสกล่าวว่าทีมงานของเขาใช้จ่ายอย่างน้อย $75 - $100 ต่อวันต่อแคมเปญ ตามหลักแล้ว พวกเขามีเป้าหมายที่จะสเกลด้วย 3 - 5 แคมเปญ ซึ่งดูเป็นสัดส่วนที่ดี

เมื่อมาถึงขั้นตอนการ Scaling แบบแนวนอน นิโคลัสเลือกทดสอบตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:

  1. ทดสอบโฆษณาตัวใหม่ (คอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ )
  2. ทดสอบการเลือกเป้าหมาย (ข้อมูลประชากร, ที่ตั้ง, ความสนใจ, ช่วงเวลาของวัน, ฯลฯ)
  3. ทดสอบกลยุทธ์ใหม่ (มองหาวิธีการต่าง ๆ จากผู้โฆษณาเจ้าอื่นและนำมาปรับใช้ ไม่คำว่าถูกหรือผิดจนกว่าคุณจะได้ทดสอบ)

"เราทดสอบ Scaling แนวนอนอยู่หลายครั้งเพื่อปูพื้นฐาน จากนั้นจึงทำการปรับสเกลแนวตั้ง " นิโคลัสกล่าว

ตอนนี้มี 2 วิธีในการ Scaling แนวตั้ง:

  1. $100ต่อวันต่อกลุ่มโฆษณา (ใช้ชุดโฆษณาที่มียอดขาย 5+ ขึ้นไป จากนั้นทำซ้ำในแคมเปญใหม่ด้วย $100 ต่อวัน)
  2. โฆษณา 3 อันดับ >>> ACO >>> การเพิ่มขึ้นของงบ (ให้นำโฆษณา 3 อันดับ แล้วทำ ACO จากนั้นเพิ่มงบตั้งแต่ $10 ถึง $100 ต่อวัน ทุก 2 วัน แล้วจึงค่อยเพิ่มเป็น 20% ในวันถัดไปเมื่อคุณตั้งตัวได้เแล้ว)

เมื่อเป็นเรื่อง Scaling ด้วย TikTok คุณสามารถนำกลุ่มโฆษณามาทำซ้ำ และสเกลด้วย $1,000 ต่อวัน หากต้องการ

ต่างจาก Facebook ที่หากทำเช้นนั้นลงไปคุณอาจถูกแบนหรือโดนอัลกอริทึมเมินใส่ ตอนนี้ Tiktok อยู่ในช่วง "ยุคทอง" และคุณสามารถ Scaling ได้อย่างไม่มีลิมิต

เราหวังว่านี้จะช่วยสร้างความกระจ่างเกี่ยวกับ TikTok ให้คุณได้ไม่มากก็น้อย ว่านี้ค่อแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้ไม่ยาก ที่เหลือขึ้นอยู่กับความสร้างสรรค์ในโฆษณาของคุณ

คุณรู้สึกอย่างไรกับบทความนี้?