ทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตดูเป็นเรื่องง่ายและแลดูจะเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คอนเทนต์วิดีโอส่วนใหญ่ที่เราดูกันบนแพลตฟอร์มดัง ๆ อย่างเช่น Youtube, Tiktok และ Twitch ขึ้นอยู่ความนิยมในกับประเทศที่คุณอยู่ วิดีโอคือประเภทของคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้บริโภค และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในแต่ละปี จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ เช่น Instagram, Pinterest และ Facebook จึงหันมาให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ประเภทวิดีโอ และมีการโปรโมตให้นักสร้างคอนเทนต์ทำเช่นนั้นด้วย พวกเขาพยายามตามเทรนด์ที่กำลังมาแรงและนำมาใช้สร้างรายได้
หากคุณเป็นนักสร้างคอนเทนต์ คุณอาจกำลังสงสัยถึงวิธีทำเงินจากคอนเทนต์ของคุณ ว่าเป็นไปได้เหรอและมีวิธีการใดบ้าง? คำตอบคือใช่และคุณเองก็สามารถทำได้ โดยในบทความนี้ เราจะเข้าไปดูวิธีการต่าง ๆ ที่ใช้สร้างรายได้จากวิดีโอกัน
เครือข่ายวิดีโอโฆษณา (Video Ad Network) คือแพลตฟอร์มที่ช่วยเป็นสื่อกลางระหว่างผู้เผยแพร่คอนเทนต์วิดีโอกับผู้โฆษณา เช่น ถ้ามีใครสักคนต้องการลงโฆษณาเกี่ยวกับคันเบ็ด และสมมุติว่าคุณมีวิดีโอโฆษณาที่เผยแพร่อยู่บนโลกออนไลน์ในนิชของการตกปลา การมีเครือข่ายวิดีโอโฆษณา ทำให้ผู้โฆษณาสามารถวางโฆษณาของพวกเขาลงบนแพลตฟอร์ม แล้วแพลตฟอร์มวิดีโอโฆษณาก็จะลงโฆษณาบนคอนเทนต์วิดีโอที่อยู่ในนิชของการตกปลาอย่างเช่น วิดีโอของคุณ
และคุณที่เป็นเจ้าของคอนเทนต์ก็จะได้รับค่าจ้างที่สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ของเครือข่ายวิดีโอโฆษณา ปกติแล้วเราจะพูดถึงการจ่ายตามจำนวนที่ระบุแล้วต่อการเข้าชม 1000 ครั้ง และจำนวนที่ระบุจะแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น นิช, ที่ตั้ง, ฯลฯ
นี้เป็นข้อดีบางส่วนของการใช้วิดีโอโฆษณา เมื่อเทียบกับโฆษณาประเภทอื่น
จากงานวิจัยพบว่าการบริโภคคอนเทนต์บนอินเทอร์เน็ตทั้งหมดของปี 2020 มี 80% ที่พบว่าเป็นวิดีโอ ในปี 2021 จะเป็น 85% การที่คอนเทนต์วิดีโอได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก สาเหตุหลักเป็นเพราะวิดีโอนั้นสามารถเข้าชมได้ง่ายและรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่ต้องจดจ่อหรือให้ความสนใจเป็นพิเศษ หมายความว่าคุณสามารถไปทำอย่างอื่นได้ ในขณะที่ยังดูหรือฟังคอนเทนต์ของวิดีโอ
จากสถิติที่เก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2021 พบว่านักการตลาดเลือกที่จะนำงบโฆษณามาใช้กับวิดีโอ แทนการโฆษณาในรูปแบบอื่น หากดูตามภูมิภาค, นิช และเงื่อนไขต่าง ๆ วิดีโอโฆษณาที่วางแผนมาดีจะทำรายได้ให้คุณราว $9 ถึง $20 ต่อการเข้าชม 1,000 ครั้ง ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้นักการตลาดแต่ละคนมีปริมาณรายได้ที่ไม่เท่ากัน
มีวิธีหลากหลายที่นักเผยแพร่วิดีโอในทุกขนาดสามารถใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ ด้วยการสร้างคอนเทนต์ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และสร้างรายได้ผ่านความต้องการของแผนการ อีกทางเลือกหนึ่งคุณอาจทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์คนอื่นที่จะสร้างเนื้อหาสำหรับวิดีโอให้กับคุณ ช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับความได้เปรียบในเรื่องของวิดีโอเพื่อการค้าโดยที่ไม่ต้องมานั่งทำด้วยตัวเอง
ผู้โฆษณาและนักสร้างวิดีโอสามารถรับผลประโยชน์จากเครือข่ายโฆษณาได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวล เพราะนี้เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับให้ผู้โฆษณาโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการ ในขณะที่คุณซึ่งเป็นผู้สร้างมีโอกาสอันดีเลิศที่จะสร้างรายได้จากคอนเทนต์ของตัวเองและประโยชน์ทางการเงิน เครือข่ายโฆษณาเริ่มต้นจากการรวมตัวกันของผู้เผยแพร่จำนวนมากที่ต้องการขายคอนเทนต์ และคุณเองก็เป็นหนึ่งในผู้เผยแพร่นั้น
ในขณะเดียวกัน คนที่กำลังมองหาแคมเปญเพื่อลงโฆษณาตัวใหม่ผ่านการใช้แผงรายชื่อของแคมเปญบนเครือข่ายโฆษณาที่คุณอยู่ จากนั้นคนที่จ่ายค่าโฆษณาก็จะระบุตัวชี้วัดของแคมเปญ รวมถึงงบประมาณ, กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ, ระยะเวลา ฯลฯ จากนั้นทางเครือข่ายโฆษณาจะเพิ่มแท็กแบบอัตโนมัติให้กับเว็บไซต์หรือคอนเทนต์ของคุณในกรณีที่ใช้แพลตฟอร์มวิดีโออย่าง Youtube หรือ TikTok เครือข่ายวิดีโอโฆษณาบางรายอาจขอให้คุณติดตั้งแท็กพวกนี้ด้วยตัวเอง เมื่อตัวชี้วัดโฆษณาสอดคล้องกับเนื้อหาในคอนเทนต์ของคุณ และสอดคล้องกับงบของผู้เผยแพร่ ข้อมูลติดต่อของผู้โฆษณาก็จะถูกส่งมาพร้อมกับรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับโฆษณา
รายได้ของเครือข่ายโฆษณาจะมาจากการเก็บเปอร์เซนต์ของรายได้โฆษณา หรือตั้งราคาขายให้สูงขึ้น ผู้โฆษณาสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณาในทันทีผ่านแผงรายชื่อแคมเปญที่เครือข่ายโฆษณามีให้
ขั้นแรก คุณต้องตรวจสอบหลักเกณฑ์บนแพลตฟอร์มที่คุณอัปโหลดวิดีโอเอาไว้ ตัวอย่างเช่นบน Youtube คอนเทนต์วิดีโอของคุณต้องปฏิบัติตามกฏและข้อบังคับของทาง Youtube เพราะถ้าไม่ปฏิบัติตาม คุณจะถูกปิดกั้นการสร้างรายได้ ซึ่งอาจเป็นการลงโทษชั่วคราวหรืออาจถาวรของทางแพลตฟอร์ม
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาทั้งหมดในวิดีโอนั้นมีคุณเป็นเจ้าของ และหากต้องใช้เพลงก็ควรเป็นเพลงที่มีคุณเป็นเจ้าครองหรือสามารถใช้ได้ฟรีในวิดีโอนั้น หากคุณเป็นโฮสต์ให้กับวิดีโอคอนเทนต์บนเว็บไซต์หรือเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไป เนื่องจากนี้เป็นขั้นตอนแรกที่ต้องทำให้แน่ใจว่าคอนเทนต์ของคุณนั้นตรงต่อหลักเกณฑ์ของแพลตฟอร์มที่คุณอยู่ จากนั้นเครือข่ายวิดีโอโฆษณาบางรายซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะขอให้คุณเคารพแนวทางและข้อบังคับของเครือข่ายด้วยเช่นกัน
เมื่อการเตรียมพร้อมทั้งหมดเสร็จสิ้นและเครือข่ายโฆษณาอนุมัติการสมัครคุณ คุณอาจจำเป็นต้องใส่แท็กเกี่ยวกับคอนเทนต์บนเว็บไซต์ของคุณ หรือในหลายหลายกรณี นี้จะเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
และในท้ายที่สุด เมื่อคอนเทนต์ของคุณสามารถสร้างรายได้ โดยเงินที่คุณได้รับจะขึ้นอยู่กับจำนวนการเข้าชมที่คุณมี จำนวนเงินเหล่านี้ยังขึ้นอยู่กับประเภทของคอนเทนต์ที่คุณมี เพราะหากเป็นนิชที่อิ่มตัวแล้วอย่าง eCommerce คุณก็จะได้รับเงินมากขึ้น - เพราะมีผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องสูงกว่า แต่ถ้าเป็นนิชที่มีการแข่งขันต่ำคุณก็จะได้รับเงินน้อยลง
เมื่อวิดีโอของคุณสามารถสร้างรายได้และเหมาะสำหรับโฆษณา คุณที่มีสถานะเป็นเจ้าของวิดีโอก็จะได้รับจำนวนเงินที่ขึ้นอยู่กับจำนวนการเข้าชมของวิดีโอ ก่อนการสร้างรายได้คุณต้องตั้งค่าโฆษณาบนแดชบอร์ดของผู้ใช้ เครือข่ายวิดีโอโฆษณาแต่ละเครือข่ายจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และมีตัวชี้วัดที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณที่เป็นผู้เผยแพร่จะต้องตั้งค่าให้เสร็จก่อนที่โฆษณาจะแสดงบนวิดีโอของคุณ
สำหรับบางเครือข่ายนี้จะเป็นขั้นตอนอัตโนมัติ แต่กับเครือข่ายอื่นคุณอาจจะต้องเปิดการสร้างรายได้ด้วยตัวเอง จากนั้นให้เลือกประเภทของโฆษณาที่คุณต้องการบนวิดีโอ โดยสามารถเป็นโฆษณาด้วยรูปภาพ, โฆษณาทับซ้อน, การ์ดผู้สนับสนุน, วิดีโอโฆษณาแบบที่ข้ามได้, วิดีโอโฆษณาแบบที่ข้ามไม่ได้ และอื่น ๆ นอกจากนี้คุณยังจำเป็นต้องตอบคำถามเพื่อรักษาปลอดภัยเกี่ยวกับวิดีโอของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของเครือข่ายวิดีโฆษณา ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญและคำถามจะแตกต่างกันออกไปตามเครือข่ายที่รับผิดชอบ
จากนั้นคุณจำเป็นต้องเลือกว่าจะให้โฆษณาโผล่ออกมาอยู่ตรงส่วนไหนของวิดีโอ เช่น ช่วงต้น, ช่วงกลาง หรือช่วงท้ายวิดีโอ และเครือข่ายวิดีโอโฆษณาจะทำการวางโฆษณาตรงจุดที่มีประสิทธิผลมากที่สุด หากคุณเลือกที่จะวางด้วยตัวเองตามที่เครือข่ายส่วนใหญ่อนุญาตให้วาง คุณต้องระวังจุดที่วางโฆษณาและจำนวนที่วางลงไป
ซึ่งขอให้จำไว้เสมอว่าโฆษณาคือวิธีการสร้างรายได้ของคุณ โฆษณายังเป็นที่คั่นระหว่างผู้ชมกับคอนเทนต์ของคุณ ดังนั้นถ้าหากผู้ชมเริ่มรำคาญโฆษณาที่เยอะเกินหรือข้ามไม่ได้ คุณอาจเสียผู้ชมไป ทว่าผู้โฆษณาหรือแม้แต่เครือข่ายเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อคุณที่เป็นผู้เผยแพร่และผู้ชมเพียงเท่านั้น
การเข้าชมที่มีโฆษณาเท่านั้นถึงจะสร้างรายได้ ดังนั้นถ้าหากไม่มีโฆษณาในวิดีโอ ก็จะไม่มีการสร้างรายได้ใด ๆ โมเดลนี้เรียกว่า CPM หรือ ต้นทุนต่อพัน โดยให้ผู้โฆษณาบนวิดีโอของคุณจ่ายตามจำนวนที่ระบุไว้ในทุก ๆ ครั้งที่โฆษณามีการมองเห็นครบ 1000 ครั้ง ไม่ใช่การเข้าชม 1000 ครั้ง แต่เป็นการมองเห็น หากคนที่เข้าชมวิดีโอของคุณแต่ไม่เห็นโฆษณาจะถือว่าไม่นับ การคำนวณโฆษณาจะให้ความสำคัญในการประเมินว่าคุณควรได้รับเงินเป็นจำนวนเท่าไรกันแน่
ส่วนใหญ่จะแบ่งที่ 45/55 เปอร์เซนต์ หมายความว่าเงินทั้งหมดที่โฆษณาได้ คุณในฐานะที่เป็นผู้เผยแพร่จะได้รับ 55% ในขณะที่เครือข่ายวิดีโอโฆษณาจะเก็บ 45% การแบ่งแบบนี้จะแตกต่างกันออกไปตามเครือข่าย ส่วนใหญ่จะจ่ายเงินเป็นรายเดือน หากวิดีโอของคุณมีการเข้าชมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ยังลงโฆษณาอยู่ จะไม่ต่างกับการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
SEO หรือ การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา เป็นวิธีการพา Organic Traffic (ไม่เสียเงิน) ให้มายังคอนเทนต์วิดีโอของคุณผ่านเครื่องมือค้นหา อย่างเช่น Google หรือ Bing ซึ่งดีตรงที่ยิ่งคอนเทนต์ของคุณมีการเข้าชมเยอะขึ้นเท่าไร คุณก็จะได้รับเงินเยอะขึ้นเท่านั้น และอีกมีการเข้าชมมากเท่าไร คอนเทนต์นั้นก็จะยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลดีการรายได้ที่มีการเข้าชมในทุก ๆ 1000 ครั้ง การเพิ่มประสิทธิภาพคอนเทนต์วิดีโอของคุณจะแตกต่างไปตามโฮสต์ที่อยู่ แต่ส่วนใหญ่มีแนวทางเหมือนกัน
ปกติแล้วการการเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอจะมีสามขั้นตอน :
ขั้นตอนการเพิ่มประสิทธิภาพเกือบจะอัตโนมัติทุกอย่างในกรณีที่วิดีโอของคุณมีโฮสต์บนแพลตฟอร์มอย่างเช่น Youtube ระหว่างที่กำลังทำการอัปโหลด จะมีคำถามให้คุณกรอกข้อมูลที่จำเป็นสำหรับ SEO เช่น หัวเรื่อง, สรุปเนื้อหาย่อ, คีย์เวิร์ด, แท็ก ฯลฯ เป็นขั้นการเพิ่มประสิทธิภาพที่ง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้มาก ๆ
เมื่อวิดีโอของคุณมีดัชนีพร้อมแล้ว คุณจะมีโอกาสไปโผล่อยู่บนผลลัพธ์การค้นหาเมื่อมีคนพิมพ์ข้อความที่คุณพยายามจัดอันดับ หรือเกี่ยวข้องกับเมทริกซ์ที่คุณกรอกไว้ในขณะที่กำลังเพิ่มประสิทธิภาพวิดีโอสำหรับเครื่องมือค้นหา
โซเชียลมีเดียเป็นแหล่ง Traffic ที่มีศักยภาพสูงที่คุณสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการชี้นำกลุ่มผู้ชมเป้าหมายให้ไปยังคอนเทนต์วิดีโอของคุณ และเหมือนเดิมยิ่งการเข้าชมสูงมากเท่าไร ผลตอบแทน - ที่เป็นเงินก็จะยิ่งเยอะมากขึ้นเท่าไหน
TikTok คือแพลฟอร์มวิดีโอสั้นที่ใหญ่ที่สุดบนโลก และยังคงไม่มีวี่แววว่าจะมีปัญหาใด ๆ และการใช้ TikTok เพื่อเพิ่มการเข้าชม ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดของการเพิ่มการเข้าชม คุณสามารถทำการโฮสต์คอนเทนต์วิดีโอบน Tiktok โดยตรง หรือโพสต์คอนเทนต์บางส่วนเพื่อดึงดูดผู้ชมให้ตามมาตูที่เหลือ จากนั้นคุณจึงค่อยส่งผู้ชมไปยังเว็บไซต์ที่โฮสต์วิดีโอของคุณผ่านลิงก์
คูณจำเป็นต้องมีผู้ติดตามอย่างน้อย 1000 คน เพื่อวางลิงก์บนหน้าโพรไฟล์ของคุณ แต่กว่าจะถึงตอนนั้น คุณสามารถใช้เครื่องมือฟรีอย่างเช่น Canva คุณสามารถใช้ Canva เพื่อย่อวิดีโอให้สั้นลง และเพิ่มปุ่ม CTA (Call To Action) ที่ท้ายวิดีโอ วิธีที่เหมาะสมสำหรับการวางลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณ คือการวางไว้ตรงด้านบนหรือด้านล่างของวิดีโอ วิธีนี้ต่อให้ไม่ใช้ลิงก์ที่คลิกได้ ผู้ชมสามารถก็ยังคงค้นหาวิดีโอของคุณด้วยตัวเองได้อยู่ดี
คุณสามารถใช้หลักการเดียวกันนี้กับแพลตฟอร์มอื่น เช่น Youtube, Pinterest หรือ Instagram ซึ่งเริ่มต้นด้วยการเพิ่มหรือเปลี่ยนให้เป็นวิดีโอสั้น ไม่ว่าคุณจะเลือกโซเชียลมีเดียแบบไหน หัวใจสำคัญคือการโพสต์คอนเทนต์ให้เยอะขึ้นและต่อเนื่องจนได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น อีกวิธีหนึ่งที่ดีมากสำหรับการนำโซเชียลมีเดียมาใช้ประโยชน์ คือการใช้ Paid Traffic
สิ่งนี้ดูจะขัดกับความรู้สึกในเรื่องของลงโฆษณาบนคอนเทนต์ของคุณ เพราะคุณกำลังจ่ายเงินเพื่อแลกกับการสร้างรายได้ แต่ถ้าหากคุณเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาอย่างรอบคอบ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็จะลงไปได้เยอะมากโขเลยทีเดียว การเข้าชมที่เพิ่มขึ้นมาสามารถนำมาใช้สร้างรายได้อยู่บาง แม้ว่าคุณที่เป็นผู้สร้างจะทำได้เพียงแค่ในจุดคุ้มทุม
สาเหตุที่ว่าทำไมวิธีนี้ถึงมีประสิทธิผลมาก เป็นเพราะแพลตฟอร์มอย่างเช่น Youtube และ Tiktok จะให้รางวัลกับคอนเทนต์ของคุณในกรณีที่ได้คอนเทนต์รับความนิยม และยิ่งคุณทำให้สายตาให้มาจับจ้องคอนเทนต์วิดีโอของคุณเพิ่มมากขึ้นเท่าไร - คอนเทนต์นั้นก็จะยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเท่านั้น เมื่อมีชื่อเสียงเงินทองก็จะตามมา
นี้เรียกว่า Snowballing Effect ที่สามารถสร้าง Traffic ที่มีความออแกร์นิกมากขึ้น ในกรณีที่คอนเทนต์วิดีโอมีคุณภาพและอัตราการมีส่วนร่วมสูง
วิธีนี้จะใช้ได้ผลดีเยี่ยมกับวิธีการพูดแบบง่าย ๆ กับวิดีโอที่คุณทำแล้วได้รับความนิยม ไม่เช่นนั้นคุณอาจขาดทุนได้
เรื่องนี้ต้องดูที่วัตถุประสงค์ของการโฆษณา เป้าหมายที่ตัวเลือกเพิ่มเติมอย่างเช่น พื้นที่เป้าหมาย, พฤติกรรมเป้าหมาย, บริบทเป้าหมาย และการเลือกเป้าหมายเดิมอาจมีประโยชน์อย่างมาก ความสามารถจำแนกลุ่มเป้าหมายเฉพาะถือเป็นข้อดีมาก ๆ สำหรับการเลือกเครือข่ายวิดีโอโฆษณา
โฆษณาสำหรับวิดีโออาจถูกไปให้กับมือถือ, แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ด้วยความช่วยเหลือของเครือข่ายโฆษณาในปัจจุบัน ผู้ใช้สามารถท่องเว็บด้วยอุปกรณ์หลายประเภท เพราะเหตุนี้จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่เครือข่ายโฆษณาของคุณจะต้องช่วยลงโฆษณาผ่านเครือข่ายโฆษณาของวิดีโอบนมือถือของทุกอุปกรณ์
ไม่ใช่ทุกเครือข่ายโฆษณาที่จะเสนอค่าตอบแทนแบบเดียวกัน สิ่งที่เรียกว่า CPM (Cost Per Mille) คือโมเดลค่าตอบแทนที่ผู้โฆษณาจ่ายให้เมื่อวิดีโอมีการมองเห็นครบ 1000 ครั้ง การมองเห็นในกรณีของวิดีโอคือ การเข้าชม ดังนั้นเมื่อมีการชมโฆษณาครบหนึ่งพันครั้งบนวิดีโอของคุณ คุณก็จะมีการจ่ายค่าตอบแทนตามที่กำหนดไว้
จำนวนอาจแตกต่างกันไปตามเครือข่ายวิดีโอโฆษณาที่คุณเลือกใช้ ซึ่งทางเครือข่ายวิดีโอโฆษณาเองก็ต้องทำกำไรด้วย นั้นคืดการแบ่งปันรายได้ในสัดส่วน 45/55 หมายความว่าในทุก 100 บาทที่โฆษณามีให้ ผู้เผยแพร่จะได้รับมา 55 บาท ในระหว่างที่เครือข่ายวิดีโอโฆษณาจะเก็บไป 45 บาท สัดส่วนพวกนี้ยังขึ้นอยู่เครือข่ายวิดีโอโฆษณาที่คุณได้เข้าร่วม คุณต้องตรวจสอบตัวเลขเหล่านี้ให้แน่ใจเสียก่อนว่าคุณโอเคกับตัวเลขเหล่านี้หรือไม่
หากคุณเป็นผู้สร้างคอนเทนต์ และกำลังมองหาวิธีการทำเงินด้วยคอนเทนต์ งั้นเครือข่ายวิดีโอโฆษณาก็อาจเป็นวิธีที่เหมาะสมแก่การสร้างคอนเทนต์ของคุณและเริ่มสร้างรายได้ คุณต้องค้นคว้าเกี่ยวกับเครือข่ายที่คุณสนใจเข้าร่วม แต่อย่าลืม ถ้าหากคุณไม่แฮปปี้กับกับเครือข่ายที่เลือก คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้เครือข่ายอื่นได้เสมอ เพราะคอนเทนต์เป็นของคุณและขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ ว่าต้องการที่จะสร้างรายได้อย่างไรกับคอนเทนต์